ป้อมผีเสื้อสมุทร (Phi Seur Samut Fort) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของชาติ ตั้งอยู่ในอำเภอพระสมุทรเจดีย์ ป้อมปืนเก่าแก่เกือบ 200 ปี มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 ที่ยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานได้เรียนรู้สถานที่จริงทางประวัติศาสตร์ ศึกษาระบบนิเวศริมชายฝั่งแม่น้ำ ทั้งยังได้เดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ ชมธรรมชาติ ชมค้างคาวแม่ไก่เกาะตามยอดไม้ ป้อมผีเสื้อสมุทรตั้งอยู่ในบริเวณที่รถยนต์เข้าไม่ถึง ต้องเดินจากองค์พระสมุทรเจดีย์ไป ซึ่งอยู่ในระยะไม่ไกลมากนัก หากจะนำจักรยานไปด้วยก็ไม่ลำบาก
ป้อมผีเสื้อสมุทร อยู่ใกล้องค์พระสมุทรเจดีย์ และท่าเรือพระสมุทรเจดีย์ หากนำรถยนต์ส่วนตัวมา สามารถจอดได้ตรงบริเวณพระสมุทรเจดีย์ แล้วเดินต่อไปยังป้อมผีเสื้อสมุทร หากใช้บริการรถโดยสารประจำทาง ก็มีรถเมล์มาสุดที่ท่าเรือ หรือจะนั่งเรือข้ามฟากมาจากฝั่งปากน้ำ ข้ามจากท่าเรือปากน้ำ (ท่าวิบูลย์ศรี) มาขึ้นเรือที่ท่าพระสมุทรเจดีย์ จากนั้นเดินต่อไปอีกไม่ไกลนัก
ป้อมปืนแห่งนี้ สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ด้วยทรงเห็นว่าพระบิดา (รัชกาลที่ 1) ทรงสร้างป้อมวิทยาคมไว้ที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเป็นป้อมเฝ้าระวัง ป้องกันข้าศึกศัตรูที่อาจจะล่วงล้ำเข้ามาทางปากอ่าวไทย พระองค์ทรงสานต่อพระราชประสงค์ด้วยการสร้างป้อมปราการเพิ่มเติมตามแนวริมแม่น้ำ ทั้งฝั่งตะวันตก และฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นอีกมากมาย ได้แก่ ป้อมปู่เจ้าสมิงพราย ป้อมปีศาจสิง ป้อมราหูจร ป้อมแผลงไฟฟ้า ป้อมมหาสังหาร ป้อมศัตรูพินาศ ป้อมจักกรด ป้อมพระจันทร์พระอาทิตย์ และป้อมเพชรหึง ทั้งยังให้สร้างเมืองนครเขื่อนขันธ์ ให้เป็นเมืองหน้าด่านที่จะช่วยระวังภัยจากข้าศึกอีกทางหนึ่ง
ป้อมผีเสื้อสมุทร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2362 - 2365 เป็นหนึ่งในป้อมปราการที่สร้างขึ้นในขณะนั้น โดยมีพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ (เป็นพระโอรสของรัชกาลที่ 2 ซึ่งต่อมาคือรัชกาลที่ 3) และเจ้าพระยาคลัง เป็นผู้อำนวยการสร้าง โดยใช้พื้นที่เกาะหาดทรายกลางแม่นำ้เจ้าพระยา มีเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ 3 งาน 38 ตารางวา ปรับพื้นที่ให้เป็นที่ตั้งป้อมปราการ โดยใช้อิฐศิลาแลงสร้างเป็นกำแพงเสมาแบบช่องเว้นช่อง สำหรับวางปืนใหญ่ ด้านในสร้างยกขึ้นอีกชั้นในลักษณะเดียวกัน เพื่อวางปืนใหญ่ได้ 2 ระดับ ด้านล่างขุดอุโมงค์ดินให้เป็น กราบพักทหาร หรือฐานประจำการของนายทหารประจำปืน ทั้งปีกด้านซ้ายและด้านขวาของป้อม ภายในอุโมงค์ที่พักมีท่ออากาศไว้ช่วยระบายอากาศด้านในอยู่ 12 ท่อ โผล่พ้นพื้นดินขึ้นมาด้านบน
ต่อมาในปี พ.ศ.2388 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงปรับปรุงตัวกำแพงป้อมใหม่ โดยรื้อกำแพงด้านนอกออก แล้วสร้างกำแพงปีกกาขยายออกไปทั้งสองด้าน เมื่อมองมุมสูงจะมีลักษณะเหมือนผีเสื้อกางปีก จึงเป็นที่มาของชื่อ ป้อมผีเสื้อสมุทร
หลังจากสร้างป้อมเสร็จแล้ว ป้อมนี้ยังคงไม่ได้ใช้ในการสงครามจนเวลาล่วงมากว่า 40 ปี กระทั่งในปี พ.ศ.2436 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดให้สร้้างป้อมพระจุลจอมเกล้าขึ้นที่ตำบลแหลมฟ้าผ่า และปรับเปลี่ยนป้อมผีเสื้อสมุทรขึ้นใหม่ โดยรื้อป้อมชั้น 2 ออก แล้วทำเป็นหลุมปืนขนาดใหญ่ 3 หลุม ขณะเดียวกันทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ สั่งซื้อปืนใหญ่รุ่นใหม่จากอังกฤษ เรียกกันว่า ปืนเสือหมอบ 10 กระบอก นำไปประจำการไว้ที่ป้อมพระจุลจอมเกล้า 7 กระบอก ส่วนอีก 3 กระบอกนำมาประจำที่ป้อมผีเสื้อสมุทร โดยมีนายพลเรือโท พระยาวิจิตรนาวี (วิลเลี่ยม บุณยะกะลิน) เป็นนายช่างในการติดตั้งปืน
ป้อมผีเสื้อสมุทรได้ผ่านเหตุการณ์สำคัญในช่วง วิกฤตการณ์ปากน้ำ* ที่เกิดการสู้รบกันระหว่างไทยกับฝรั่งเศส หลังจากนั้นก็ไม่ได้ใช้งานอีก จนกระทั่งปีพ.ศ.2480 ในสมัยรัชกาลที่ 8 ได้ใช้เป็นคลังเก็บทุ่นระเบิดที่ได้รับมาจากประเทศเดนมาร์ก และในปี พ.ศ.2518 ได้เปลี่ยนเป็นคลังเก็บวัตถุระเบิด และดอกไม้เพลิงของกรมสรรพาวุธทหารเรือ ปัจจุบันอยู่ในการดูแลของกองทัพเรือ
* วิกฤตการณ์ปากน้ำ หรือการยุทธที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นจุดเริ่มต้นของ วิกฤตการณ์ ร.ศ.112 เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เหตุการณ์เริ่มต้นในช่วงหัวค่ำของวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ.2436 เมื่อเรือรบฝรั่งเศส 2 ลำ ได้ละเมิดสัญญา รุกล้ำเข้ามายังน่านน้ำไทยทางปากแม่น้ำเจ้าพระยา มุ่งหน้าเข้าสู่พระนคร ทำให้ไทยต้องยิงเตือนและขัดขวาง จนเกิดการยิงปะทะกันมาตั้งแต่ป้อมพระจุลจอมเกล้า ในที่สุดเรือรบ 2 ลำ ก็สามารถฝ่าเข้าได้ เมื่อมาถึงป้อมผีเสื้อสมุทร เรือโคแมตซึ่งจำเสาธงของป้อมได้ จึงได้ระดมยิงมายังป้อมผีเสื้อสมุทร กระสุน 5 นัด ตกถูกป้อมแต่ไม่เสียหาย ทางป้อมผีเสื้อสมุทรได้ยิงตอบในระยะเวลาอันสั้น แต่ก็ไม่สามารถหยุดเรือรบของฝรั่งเศสได้ ผลการสู้รบในครั้งนั้น ทหารฝรั่งเศสไม่บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ส่วนกำลังพลของป้อมผีเสื้อสมุทรบาดเจ็บ 6 นาย และในที่สุดเรือฝรั่งเศสก็สามารถเข้าไปจอดที่บริเวณพระบรมมหาราชวังได้ ท้ายที่สุดจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ส่งผลยืดเยื้อและสร้างความเสียหายแก่ไทยเป็นอันมาก ไทยต้องจ่ายเงินค่าเสียหายให้แก่ฝรั่งเศส ทั้งยังเสียดินแดนบางส่วนให้กับฝรั่งเศสอีกด้วย
ป้อมผีเสื้อสมุทร ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ ใกล้กับริมฝั่งบริเวณองค์พระสมุทรเจดีย์ คั่นด้วยร่องน้ำที่เรือข้ามฟากใช้สัญจรไปมา การข้ามไปยังฝั่งป้อมผีเสื้อสมุทร มีสะพานเดินข้ามไปได้ ทางข้ามอยู่ในอาคารบริเวณสุดถนนข้างองค์พระสมุทรเจดีย์ เมื่อเดินเข้าไปในอาคาร จะมีบันไดเดินขึ้นไปยังชั้นบนที่เป็นชั้นของตัวสะพานข้าม หากนำจักรยานมาตรงบันไดนี้มีทางลาด คู่ไปกับขั้นบันได สามารถจูงจักรยานขึ้นไปด้วยได้ เมื่อขึ้นไปถึงชั้นบน จะเป็นสะพานข้ามฝั่ง ตัวสะพานมีลักษณะคล้ายสะพานแขวน สร้างด้วยปูนและโครงเหล็กแข็งแรงแน่นหนา มีราวระเบียงโปร่ง จากบนสะพานมองเห็นวิวองค์พระสมุทรเจดีย์ และลำน้ำเจ้าพระยา เมื่อข้ามฝั่งมาแล้วจะมีแนวทางเดิน เป็นทางปูนเลียบชายฝั่งไปยังส่วนของป้อม เป็นระยะทางราว 300 เมตร ทางเดินปูนกว้างและแข็งแรง ริมตลิ่งมีความร่มรื่นจากป่าชายเลนและป่าจาก เมื่อเดินมาถึงทางเข้า ด้านหน้ามีป้ายแนะนำสถานที่เที่ยวชมตามจุดต่างๆ ภายในป้อม จากนั้นก็จะเป็นอาคารสำนักงาน ที่มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำ ป้ายประวัติป้อม พร้อมทั้งสมุดลงทะเบียนสำหรับผู้เข้าชม
ป้อมผีเสื้อสมุทรตั้งอยู่ส่วนปลายสุดของเกาะ หันหน้าไปทางทิศใต้ ซึ่งเป็นทิศที่หันออกสู่ทะเล ทางเข้าจึงเข้าจากทางด้านหลังป้อม แล้วมีปีกออกไปทางซ้ายและขวา สุดกำแพงทางทิศตะวันออกจะติดกับแม่นำ้เจ้าพระยา มีสะพานท่าเทียบเรือยาวยื่นออกไปเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ ด้านหลังป้อมจะเป็นอาคารสำนักงาน พิพิธภัณฑ์จัดแสดง และอาคารคลังทุ่นระเบิด
สิ่งที่น่าสนใจภายในป้อมผีเสื้อสมุทร
หลุมปืนเสือหมอบ
เมื่อเดินเข้าไปภายในบริเวณป้อมปืนเสือหมอบ ทางเข้าสู่ป้อมปืนอยู่ทางขวามือ มีลักษณะเหมือนซุ้มประตู เมื่อลอดส่วนซุ้มประตูไปแล้ว จะเห็นอาคารเตี้ยๆ ทางด้านซ้ายและขวาของทางเดิน จุดนี้คือ กราบพักทหาร เป็นอาคารปูนชั้นเดียว ค่อนข้างทึบ ผนังเจาะเป็นช่องเล็กๆ ไว้ห่างๆ กัน ด้านบนติดปล่องทรงสูง เป็นท่อระบายอากาศทางด้านบน เมื่อตรงไปผ่านอาคารกราบพักทหารไป จะเป็นลานสนามหญ้าและเสาธง ถัดไปเป็นส่วนของป้อมปืน ทำเป็นหลุมป้อมปืน 3 หลุม กั้นแยกเป็นห้องๆ เรียงอยู่ติดกัน มีเลขไทย 1, 2, 3 กำกับไว้หน้าป้อม ป้อมปืนนี้เมื่อมองจากทางเข้าจะเหมือนแบ่งเป็นห้องๆ แต่เมื่อมองจากด้านบนจะเหมือนเป็นหลุม
ป้อมปืนสร้างเป็นแนวกำแพงหนา ก่อด้วยอิฐแดงที่นำเข้าจากประเทศอังกฤษ มีความแข็งแรง แต่ละป้อมมีซุ้มทางเข้าออกเพียงทางเดียว ทางเข้าทำเป็นประตูก่ออิฐเป็นซุ้มโค้ง ประตูอยู่ในระนาบเดียวกับพื้น ภายในหลุมปืนเจาะเป็นห้องทรงกลม ไม่มีเพดาน ปากหลุมเปิดโล่ง ภายในมีพื้นที่สำหรับวางปืนเสือหมอบได้เพียงหลุมละ 1 กระบอกเท่านั้น
ปืนเสือหมอบ (Disappearing Carriage)
เป็นปืนใหญ่รุ่นแรกของไทยที่บรรจุกระสุนทางท้ายกระบอก ซึ่งนับว่าเป็นอาวุธที่ทันสมัยที่สุดในขณะนั้น ลักษณะพิเศษของปืนชนิดนี้คือ เวลาทำการยิงจะยืดยกตัวขึ้น เมื่อยิงเสร็จจะยุบย่อตัวลงมาที่เดิม ลักษณะท่าทางคล้ายเสือเมื่อออกล่า จะหมอบย่อตัวก่อนกระโจนตะครุบเหยื่อ ทำให้ปืนชนิดนี้ถูกเรียกว่า ปืนเสือหมอบ
ปืนเสือหมอบ จัดซื้อมาจากประเทศอังกฤษ โดยบริษัท เซอร์ ดับเบิ้ลยู จี อาร์มสตรอง (Sir W.G. Armstrong & Co. ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น วิกเตอร์ อาร์มสตรอง) จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ปืนอาร์มสตรอง" มีการผลิตในช่วงปี พ.ศ.2428-2429 เป็นปืนชนิดหลุมหนักประมาณ 5 ตัน กระสุนทำด้วยเหล็กหนัก 100 ปอนด์ (ประมาณ 45 กิโลกรัม) ระยะยิงไกลสุด 8.046 กิโลเมตร ปืนมีขนาด 152/32 มิลลิเมตร ปากกระบอกปืนกว้าง 152.4 มิลลิเมตร (ขนาด 6 นิ้ว) ลำกล้องยาว 4.864 เมตร ยกขึ้นลงด้วยระบบไฮโดรนิวเมติก (Hydro-Pneumatics) โดยใช้แรงอัดอากาศ ดันน้ำมันไปดันก้านสูบให้ปืนยกตัวขึ้น และลดตัวลง เมื่อผ่อนแรงดันน้ำมันลงไปถังพัก และมีรางที่หมุนบังคับให้ปืนหันไปได้ทุกทิศทาง
ศาลเจ้าแม่ผีเสื้อสมุทร และ ศาลเจ้าพ่อลิ้นทะเลดำ
ศาลทั้งสองนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของป้อม (เมื่อหันหน้าเข้าป้อมปืน ศาลอยู่ทางขวามือ) มีลักษณะเป็นศาลไม้แบบศาลเพียงตา วางอยู่คู่กัน 2 ศาล สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจให้แก่เหล่าทหารที่ประจำการอยู่ ภายในศาลเจ้าแม่ผีเสื้อสมุทร ตั้งรูปปั้นผีเสื้อสมุทร และศาลเจ้าพ่อลิ้นทะเลดำ มีเจ้าพ่อรูปลักษณ์คล้ายฤาษี สำหรับผู้ที่ต้องการมาเคารพศาลก็มีธูปเทียน และเครื่องสักการะจัดไว้ให้บริเวณหน้าศาล
อาคารคลังทุ่นระเบิด
อาคารคลังทุ่นระเบิดอยู่ฝั่งซ้ายของป้อมปืน หรือเมื่อเข้าไปในบริเวณป้อมผีเสื้อสมุทร เดินตรงไปเรื่อยๆ (โดยไม่ต้องเข้าไปในป้อมปืน) เป็นอาคารชั้นเดียวทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังคาสูง ก่อด้วยอิฐแดง ลักษณะคล้ายโกดังโรงงาน ผนังด้านข้างเจาะช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ เจาะทรงสูงคล้ายประตู สูงเหนือจากพื้นไม่มาก ผนังส่วนบนเหนือประตูหน้าต่างขึ้นไป ติดระแนงระบายอากาศตลอดแนว ภายในอาคารเป็นโถงกว้าง มีเสากลางอาคารเรียงรับหลังคา อาคารแห่งนี้เคยใช้เป็นที่เก็บทุ่นระเบิด และอาวุธต่างๆ ปัจจุบันปล่อยโล่ง และเป็นที่สำหรับศาลโขนเรือปาราวตี
ศาลโขนเรือปาราวตี
ศาลโขนเรือปาราวตี ตั้งอยู่ภายในอาคารคลังทุ่นระเบิด สร้างเป็นซุ้มอาคารหลังเล็ก (เหมือนบูธจำหน่ายสินค้า) ภายในมีโขนเรือไม้ รูปร่างคล้ายผู้หญิง เป็นโขนเรือที่พบเจอโดยเด็กผูกเรือประจำท่าเรือข้ามฟาก พบอยู่ในบริเวณทิศใต้ของป้อมผีเสื้อสมุทร เมื่อปี พ.ศ.2554 ต่อมาได้มีการประกอบพิธีอัญเชิญโขนเรือมาไว้ที่อาคารคลังทุ่นระเบิด ทั้งยังจัดร่างทรงมาสอบถามความเป็นมาของโขนเรือ กล่าวกันว่าน่าจะเป็นโขนเรือสำเภาบรรทุกสินค้าจากประเทศอินเดียชื่อ "ปราวตี" ที่มาค้าขายในประเทศไทยแล้วอับปางลงเมื่อราว 300 ปีก่อน
* โขนเรือ คือส่วนที่อยู่หน้าสุดของหัวเรือ มักจะทำเป็นไม้สูงหรือยื่นออกไป เรือบางลำจะตกแต่งโขนเรือเป็นรูปต่างๆ เป็นรูปผู้หญิง หรือรูปสัตว์บ้าง เช่นโขนเรือพระที่นั่ง ทำโขนเรือเป็นครุฑ เป็นต้น
คำว่า โขนเรือ เขียน "โขน" เหมือนกับคำเรียก นาฎศิลป์เก่าแก่ของไทย หากเขียนว่า "โขลน" จะหมายถึงเจ้าหน้าที่ในวัง หรือตำรวจในวังที่เป็นผู้หญิง
สะพานชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา
สะพานชมวิวแม่นำ้จะอยู่ทางทิศตะวันออกของป้อม (ทางซ้ายมือของป้อมปืน) เป็นสะพานปูนยื่นยาวออกไปในแม่น้ำ สะพานแข็งแรงมีรั้วกั้นกันตก ปลายสุดมีแนวสะพานแยกออกสองข้าง เป็นรูปตัวที (T) สะพานนี้เป็นท่าเทียบเรือ และเป็นจุดให้เดินเล่น ชมวิวทิวทัศน์แม่น้ำเจ้าพระยา สามารถมองเห็นหอชมเมืองปากน้ำที่อยู่ฝั่งตรงข้าม และเป็นจุดชมนกนางนวลในฤดูหนาวด้วย
สะพานเดินชมธรรมชาติป่าชายเลนและค้างคาวแม่ไก่
สะพานเดินชมธรรมชาติ มีทางเข้าอยู่บริเวณด้านหลังอาคารคลังทุ่นระเบิด เป็นสะพานไม้ที่เดินเข้าไปในบริเวณป่าชายเลน ได้เห็นระบบนิเวศที่มีความสมบูรณ์ บางจุดมีศาลานั่งพัก และอาจพบฝูงค้างคาวแม่ไก่* ที่มาอาศัยเกาะตามกิ่งไม้ นอกจากนี้ยังมีสัตว์ที่พบตามป่าชายเลนอีกมากมาย ทั้งสัตว์น้ำ แมลง และนกชนิดต่างๆ
* ค้างคาวแม่ไก่ (Flying Foxes) เป็นค้างคาวพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม หน้าตาคล้ายสุนัขจิ้งจอก (หน้าไม่ได้เหมือนแม่ไก่นะ) ตาโต จมูกและใบหูเล็ก มีขนปุกปุยสีออกน้ำตาลแกมแดง มีเล็บแหลมคมเอาไว้เกาะกิ่งไม้ ปีกมีสีดำ บินได้เร็วและไกล กางปีกได้กว้างประมาณ 3 ฟุต แม่ค้างคาวออกลูกได้ครั้งละ 1 ตัว
ค้างคาวแม่ไก่จะอยู่ตามต้นไม้ในตอนกลางวัน (ไม่เหมือนกับค้างคาวในถ้ำที่ชอบที่ชื้นๆ และมืดๆ) มักอยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่ อาศัยอยู่ตามกิ่งไม้ ตอนกลางวันจะเกาะนอนแขวนตัวห้อยหัวลงมา ช่วงพลบค่ำจะบินออกหากิน อาหารเป็นพวกผลไม้ ใบไม้อ่อน ลูกโพธิ์ ลูกไทร ใบมะม่วง ใบมะขามอ่อน เป็นต้น
พิพิธภัณฑ์ป้อมผีเสื้อสมุทร
อาคารพิพิธภัณฑ์ป้อมผีเสื้อสมุทร เป็นอาคารชั้นเดียวยกพื้นสูง ภายในจัดแสดงนิทรรศการเชิงวิชาการ ด้านประวัติความเป็นมาของป้อมผีเสื้อสมุทร รูปพระบรมสาทิศลักษณ์ของรัชกาลที่ 2 รัชกาลที่ 3 และรัชกาลที่ 5 ผู้ที่มีความสำคัญ และเกี่ยวข้องกับการสร้าง ซ่อมและปรับปรุงป้อมผีเสื้อสมุทร นอกจากนี้ยังมีโมเดลผังป้อมทั้งหมด วีดีโอเล่าเรื่องราวการเกิดเหตุการณ์สำคัญในบริเวณปากแม่น้ำ และยังมีการจำลองตัวอย่างป่าโกงกาง ให้เห็นถึงระบบนิเวศในป่าชายเลน ตัวอย่างปลาตีน และค้างคาวแม่ไก่ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ด้วย
ข้อแนะนำ
- แนะนำว่าควรมีหมวก หรือร่ม เพื่อกันแดดขณะเดินทาง
- ไม่สามารถนำรถยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์เข้าไปได้ ต้องจอดไว้ฝั่งพระสมุทรเจดีย์แล้วเดินไป ส่วนจักรยานจูงข้ามสะพานไปได้
- จากสะพานทางข้ามฝั่ง จะต้องเดินไปอีกราว 300-400 เมตร
- ภายในป้อมผีเสื้อสมุทรมีบริการสุขา (อยู่ข้างๆ พิพิธภัณฑ์) และร้านค้าสวัสดิการทหารเล็กๆ (อาจเปิดเฉพาะวันหยุด)
- สามารถเหมาเรือชมรอบเกาะได้
การเดินทาง
ห่างจากองค์พระสมุทรเจดีย์ 400 เมตร
ห่างจากป้อมพระจุลจอมเกล้า 7 กิโลเมตร
ห่างจากอำเภอพระประแดง 14 กิโลเมตร
ห่างจากวัดสาขลา 13 กิโลเมตร
เส้นทางรถยนต์
เส้นทาง ถนนสุขสวัสดิ์ -> พระสมุทรเจดีย์ -> เดินข้ามไปยังป้อมผีเสื้อสมุทร
1 | ใช้เส้นทางถนนสุขสวัสดิ์ มุ่งหน้าไปทางพระประแดง ผ่านแยกวัดสน แยกสะพานภูมิพล สามแยกพระประแดง บิ๊กซีสุขสวัสดิ์(บิ๊กซีพระประแดง) แยกถนนกาญจนาภิเษก ตรงตามเส้นทางไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงสามแยกพระสมุทรเจดีย์ (ตรงหอนาฬิกา) จึงป้ายเบี่ยงซ้ายตามป้ายบอกทางไปพระสมุทรเจดีย์ |
2 | เมื่อเลี้ยวซ้ายมาแล้ว ตรงไปอีกเกือบๆ 1 กิโลเมตร จะสุดทางที่องค์พระสมุทรเจดีย์ (ทางซ้ายมือ) สามารถนำรถไปจอดในบริเวณด้านข้างองค์พระสมุทรเจดีย์ แล้วเดินย้อนมาข้ามสะพานแขวนไปยังป้อมผีเสื้อสมุทรได้ |
* หากใช้ทางด่วนเฉลิมมหานคร ตามป้ายบอกทางดาวคะนอง พอข้ามสะพานพระราม 9 (สะพานแขวน) แล้วชิดซ้ายเพื่อออกถนนสุขสวัสดิ์ เมื่อเข้าสู่ถนนสุขสวัสดิ์แล้ว ตรงตามป้ายบอกทาง ป้อมพระจุลจอมเกล้า
** หากใช้วงแหวนอุตสาหกรรม สะพานภูมิพล (จากถนนปู่เจ้าสมิงพราย หรือ ถนนพระราม 3) ตามป้ายบอกทางลงถนนสุขสวัสดิ์ (พระประแดง) จากนั้นตรงตามป้ายบอกทาง ป้อมพระจุลจอมเกล้า
*** หากใช้ถนนวงแหวนรอบนอก กาญจนาภิเษก (จากฝั่งตะวันออก หรือ ฝั่งตะวันตก) ตามป้ายทางออกถนนสุขสวัสดิ์ (พระสมุทรเจดีย์) เมื่อเข้าสู่ถนนสุขสวัสดิ์แล้ว ตรงตามเส้นทางไปเรื่อยๆ
รถโดยสารประจำทาง (ดูรายละเอียด รถโดยสารประจำทาง)
รถเมล์
- หากขึ้นรถเมล์สาย ปอ.20 (ท่าน้ำดินแดง - พระสมุทรเจดีย์) ลงสุดสายที่ท่าเรือพระสมุทรเจดีย์ ออกจากท่าเรือแล้วเลี้ยวขวา เดินไปยังสะพานทางข้ามไปป้อมผีเสื้อสมุทร
สาย ปอ. 20 ท่าดินแดง - พระสมุทรเจดีย์ (รถแอร์ ยูโรสีส้ม)
เส้นทางเดินรถ ท่าน้ำท่าดินแดง - ถนนลาดหญ้า - วงเวียนใหญ่ - ตลาดวงเวียนใหญ่ - แยกตากสิน - แยกมไหศวรรย์ - บิ๊กซีดาวคะนอง - บางปะแก้ว - บิ๊กซีบางปะกอก - โรงพยาบาลบางปะกอก 1 - แยกประชาอุทิศ - ถนนสุขสวัสดิ์ - กม.9(ลงทางด่วน) - แยกวัดสน - แยกพระประแดง - บิ๊กซีสุขสวัสดิ์(บิ๊กซีพระประแดง) - โรงเรียนราชประชาสมาสัย - วัดใหญ่ - สามแยกพระสมุทรเจดีย์(หอนาฬิกา) - ท่าน้ำพระสมุทรเจดีย์
* รถแอร์ จะมีรถเสริมพิเศษ ที่วิ่งเฉพาะวันธรรมดารอบ 6.00 น. และ 7.00 น. จากท่าดินแดง ไปสุดสายที่ป้อมพระจุลเกล้า
** สาย 20 ที่เป็นรถมินิบัส (รถร้อน) จะสุดที่บิ๊กซีพระประแดง ไปไม่ถึงพระสมุทรเจดีย์ หากนั่งสายนี้มา ให้ลงรถที่บิ๊กซีพระประแดง แล้วต่อรถสองแถวใหญ่ สายพระประแดง - พระสมุทรเจดีย์
* หากขึ้นรถเมล์สาย ปอ.140 (ทางด่วน), ปอ.142 (ทางด่วน) พอลงจากทางด่วนแล้ว ให้ลงรถเมล์ป้ายแรก แล้วต่อรถเมล์สาย ปอ.20 (ให้ขึ้นเฉพาะรถใหญ่ รถมินิบัสจะไปไม่ถึง)
** หากขึ้นรถเมล์สาย 35, 138(ที่เป็นรถไปอู่ราชประชา), สาย 20(ที่เป็นรถมินิบัส) ลงรถที่ป้ายบิ๊กซี พระประแดง จากนั้นต่อสาย ปอ.20 หรือรถสองแถวใหญ่หกล้อ สายพระประแดง - พระสมุทรเจดีย์
รถสองแถวใหญ่หกล้อ (1146) พระประแดง - พระสมุทรเจดีย์
เส้นทางเดินรถ ท่าน้ำพระประแดง - ตลาดพระประแดง - วัดกลาง - ถนนนครเขื่อนขันธ์ - สามแยกพระประแดง - บิ๊กซีสุขสวัสดิ์(บิ๊กซีพระประแดง) - วัดครุใน - รพ.บางปะกอก 3 - แยกถนนกาญจนาภิเษก - โรงเรียนราชประชาสมาสัย - แยกพระสมุทรเจดีย์ - ท่าน้ำพระสมุทรเจดีย์
รถตู้ (ดูรายละเอียด รถตู้)
- นั่งรถตู้สาย บางปะแก้ว - พระสมุทรเจดีย์ (คิวรถอยู่แถวตลาดบางปะกอก ช่วงแยกพระราม 2) รถจะมาสุดที่พระสมุทรเจดีย์ จากนั้นเดินข้ามสะพานไปป้อมผีเสื้อสมุทร
เรือข้ามฟาก (ดูรายละเอียด เรือข้ามฟาก)
ท่าเรือวิบูลย์ศรี (ตลาดปากน้ำ) - ท่าพระสมุทรเจดีย์
- นั่งเรือข้ามฟากจากตัวเมืองปากน้ำ (ท่าเรือวิบูลย์ศรี) ตรงตลาดปากน้ำ มาขึ้นท่าพระสมุทรเจดีย์
- ออกจากท่าเรือแล้ว เดินเลี้ยวขวาไปทางองค์พระสมุทรเจดีย์ (ประมาณ 300 เมตร) แล้วเดินข้ามสะพานแขวนไปยังป้อมผีเสื้อสมุทร
ท่าเรือเภตรา (ปู่เจ้าสมิงพราย) - ท่าพระประแดง
- นั่งเรือข้ามฟากจากท่าเรือเภตรา ตรงสุดถนนปู่เจ้าสมิงพราย มาขึ้นฝั่งที่ท่าพระประแดง
- จากนั้นขึ้นรถสองแถวใหญ่หกล้อ สายพระประแดง - พระสมุทรเจดีย์ (ขึ้นแถวท่าน้ำได้) ไปลงสุดสาย แล้วเดินต่อไปป้อมผีเสื้อสมุทร
ข้อมูลการติดต่อ ป้อมผีเสื้อสมุทร
เวลาเปิดให้เข้าชม
8.00 - 20.00 น.
ที่อยู่ ปากคลองบางกด อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ 10290
โทร. 02-425-8419
เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/ป้อมผีเสื้อสมุทร-ดินแดนประวัติศาสตร์-1596930060616142/