ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ สถานที่ท่องเที่ยวในตำนานที่เป็นความทรงจำในวัยเด็กของหลายๆ คน สถานที่ท่องเที่ยวฮิตติดอันดับต้นๆ ของจังหวัดสมุทรปราการมานาน และเป็นหนึ่งในฟาร์มจระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สถานที่สร้างความสุขให้กับครอบครัวในวันหยุด ไฮไล์ของที่นี่คือการแสดงโชว์การจับจระเข้ด้วยมือเปล่า การแสดงช้าง ให้อาหารสัตว์ ถ่ายรูปกับสัตว์ เช่นเสือ ลิงชิมแปนซี และการเดินดูสัตว์อื่นๆ การเดินทางมายังฟาร์มจระเข้ไม่ยาก มีหลายเส้นทาง มีป้ายบอกเป็นระยะๆ หากไม่มีรถส่วนตัว ก็มีรถประจำทางเข้ามาถึงหน้าฟาร์มจระเข้เลย
ฟาร์มจระเข้ ตั้งอยู่ถนนท้ายบ้าน ตำบลท้ายบ้าน ห่างจากตัวเมืองปากน้ำประมาณ 4 กิโลเมตร จะเข้าทางถนนท้ายบ้าน หรือมาจากถนนสุขุมวิทสายเก่า(บางปู) ก็ได้ สำหรับคนที่โดยสารรถเมล์ หน้าฟาร์มมีรถเมล์เข้าไปถึง และในปี พ.ศ.2561 จะเปิดให้บริการรถไฟฟ้า BTS สายแบริ่ง - สมุทรปราการ ก็จะทำให้มาฟาร์มจระเข้ได้ง่ายขึ้นอีก
ในอดีตนั้น ประเทศไทยนับเป็นประเทศหนึ่งที่มีจระเข้ตามธรรมชาติอยู่เป็นจำนวนมาก มีผู้คนจับจระเข้เพื่อนำหนังไปขายทำกระเป๋าในราคาสูง ในช่วงปี พ.ศ.2489 จึงมีการตื่นตัวเรื่องการค้าหนังจระเข้เป็นสินค้าส่งออก โดยคุณอุทัย ยังประภากร เจ้าของฟาร์มจระเข้ ได้เห็นช่องทางธุรกิจด้านนี้ มีความคิดที่จะเพาะจระเข้เพื่อนำหนังส่งออก จึงได้ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยง และการขยายพันธุ์จระเข้อย่างจริงจัง ทดลองหาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์มาเพาะเลี้ยงจนประสบความสำเร็จ เป็นอุตสาหกรรมหนังจระเข้ส่งออกไปทั่วโลก จนกระทั่งในปี พ.ศ.2493 ได้เปิดเป็นฟาร์มขึ้น โดยย้ายพื้นที่จากแถวสี่พระยา กรุงเทพฯ มาอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ เริ่มจากพื้นที่เพียง 1 ไร่ ขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนปัจจุบันมีพื้นที่ราว 400 ไร่ เปิดเป็นฟาร์มจระเข้ และสวนสัตว์สมุทรปราการ สร้างเป็นอาณาจักรจระเข้แบบครบวงจร ตั้งแต่เริ่มจากไข่จระเข้ ฟักเป็นตัว เพาะเลี้ยงจนโต ทั้งสายพันธ์ุน้ำจืด พันธุ์น้ำเค็ม จนกระทั่งมีจระเข้ในฟาร์มมากกว่า 100,000 ตัว ปัจจุบันนอกจากการเพาะพันธุ์จระเข้แล้ว ในฟาร์มจระเข้ยังเต็มไปด้วยสัตว์อื่นๆ อีกนานาชนิด ถือเป็นสถานเรียนรู้สำหรับเด็ก เยาวชน และผู้ใหญ่ มีส่วนของบึงกว้าง ที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจ สนามเด็กเล่น และอื่นๆ อีกมากมาย
ความรู้เรื่องของจระเข้
รู้หรือไม่ว่า จระเข้ที่เราเห็นกันอยู่ในทุกวันนี้ สืบทอดมาจากสัตว์ยุคดึกดำบรรพ์ ที่มีชีวิตรอดมาให้เห็นมาจนถึงปัจจุบันนี้ บางคนอาจจะคิดว่าจระเข้เป็นสัตว์ที่อยู่ได้ทั้งบนบกและในน้ำ น่าจะเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ แต่แท้จริงแล้ว จระเข้เป็นสัตว์เลื้อยคลาน ที่มีกระดูกสันหลัง อยู่ในประเภทเดียวกันกับ เต่า งู จิ้งจก ตุ๊กแก จิ้งเหลน ตัวเงินตัวทอง ตะกวด
จระเข้เป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์เลื้อยคลานทั้งหมด แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ จระเข้น้ำเค็ม และ จระเข้น้ำจืด
- จระเข้น้ำเค็ม (Saltwater crocodile)
จระเข้น้ำเค็ม จะหมายถึงจระเข้ที่สามารถอาศัยอยู่ในน้ำเค็ม หรือน้ำกร่อยได้ ส่วนใหญ่มักจะไม่ปรากฏให้เห็นตามชายหาด หรือชายทะเล แต่มักอาศัยอยู่ตามบริเวณแหล่งน้ำในแถบป่าชายเลน ป่าโกงกาง หรือบริเวณที่มีน้ำกร่อย บางทีจึงเรียกว่า จระเข้น้ำกร่อย หรือที่คนไทยหลายคนเรียกว่า ไอ้เคี่ยม ในประเทศไทยเคยพบจระเข้น้ำเค็มตามธรรมชาติ ที่ดุร้าย กัดกินคนจนเป็นข่าวใหญ่เมื่อ 50 กว่าปีมาแล้ว เป็นจระเข้สายพันธุ์น้ำเค็ม ที่ได้รับสมญานามว่า "ไอ้ด่าง บางมุด" พบที่คลองบางมุด อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร
- จระเข้น้ำจืด (Freshwater crocodile)
เป็นจระเข้ที่อาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่นหนองบึง ลำคลอง ป่าเขา ซึ่งมักจะเป็นอุทยานแห่งชาติ หรือในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบางแห่ง สมัยก่อนในประเทศไทยเป็นแหล่งที่พบจระเข้เป็นจำนวนมาก จนเป็นที่มาของจระเข้น้ำจืดสายพันธุ์ไทยแท้ ที่เรียกกันว่า จระเข้สยาม (Siamese crocodile) บริเวณที่พบจระเข้ตามธรรมชาติมากที่สุดคือที่บึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์
ลักษณะภายนอกของจระเข้น้ำเค็ม กับจระเข้น้ำจืด มีความแตกต่างกันไม่มาก ที่สังเกตได้ชัดคือ จระเข้น้ำจืดจะมีปุ่มใหญ่ๆ ที่บริเวณต้นคอให้เห็น ส่วนจระเข้น้ำเค็มปุ่มจะมีขนาดเล็กกว่า หรือค่อนข้างเรียบกว่า จระเข้น้ำเค็มมักจะมีขนาดใหญ่ และมีความดุร้าย มากกว่าจระเข้น้ำจืดอีกด้วย
สำหรับลักษณะนิสัยของจระเข้ จริงๆ แล้วจะเป็นสัตว์ขี้ระแวง ตกใจง่าย หวงไข่ ตามธรรมชาติชอบอยู่เงียบๆ จระเข้น้ำจืดจะกินปลา และสัตว์ตัวเล็กกว่า ส่วนใหญ่จะไม่เข้าทำร้ายคนก่อน จระเข้ผสมพันธุ์ปีละ 1 ครั้ง จะเริ่มผสมพันธุ์ได้ตั้งแต่อายุ 10-12 ปี ขึ้นไป ช่วงเวลาผสมพันธุ์คือ ฤดูหนาว (เดือนธันวาคม-มีนาคม) หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือนครึ่ง จระเข้ตัวเมียจะเตรียมรังไว้บนบก สร้างด้วยเศษกิ่งไม้ใบไม้ หรือเตรียมหาพื้นที่บริเวณพื้นดินนุ่มๆ หรือทรายริมชายฝั่ง เพื่อวางไข่ในตอนดึกๆ ถึงเช้ามืด แล้วก็จะใช้ดินหรือทรายกลบไข่ไว้ จระเข้วางไข่ครั้งละประมาณ 20-60 ฟอง จะไม่นอนกกไข่เหมือนพวกไก่ แต่จะคอยเฝ้า และจะหวงไข่มาก ในความเป็นจริงแล้ว ไข่ที่ฟักเองตามธรรมชาติมักจะไม่ค่อยประสบผลสำเร็จสักเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะมีสัตว์บางประเภทคอยมาแอบกินไข่จระเข้ สำหรับการเพาะเลี้ยงในฟาร์ม เมื่อจระเข้วางไข่แล้ว ไข่จะถูกเก็บไปทำการเพาะเลี้ยงต่อในห้องฟัก ไข่จระเข้มีสีขาว ทรงรี ขนาดใหญ่กว่าไข่เป็ดไม่มาก เวลาเก็บไข่จระเข้ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ จะเขย่า หรือพลิกไข่ไปมาไม่ได้ เพราะในไข่ของจระเข้ มีความพิเศษกว่าไข่ของสัตว์อื่นตรงที่มีเส้นใยเชื้อบางๆ พาดอยู่ ถ้าเส้นใยนี้ขาดแล้วละก็ ไข่ก็จะไม่ฟักเป็นตัว เมื่อนำไข่จระเข้มาเข้าห้องฟัก เส้นใยเชื้อนี้จะหนาขึ้น ก็แสดงว่าไข่นี้จะฟักออกมาเป็นลูกจระเข้ได้
ความน่ามหัศจรรย์ของไข่จระเข้อย่างหนึ่งก็คือ หากนำไข่จระเข้มาทำการฟัก จะสามารถกำหนดเพศได้ เมื่อนำไข่ไปฟักที่อุณหภูมิสูงกว่า 31 องศาเซลเซียส ไข่ส่วนมากจะออกมาเป็นตัวผู้ และหากใช้อุณหภูมิต่ำกว่านั้น ไข่ส่วนใหญ่ก็จะฟักเป็นจระเข้ตัวเมีย
เมื่อมาถึงบริเวณหน้าฟาร์มจระเข้ ก่อนเข้าไปด้านใน จะเป็นลานจอดรถโล่งกว้าง รองรับการจอดได้มากมาย สะดวกทั้งรถบัส และรถยนต์ รวมถึงยังมีป้ายรถเมล์อยู่หน้าฟาร์มจระเข้เลย คนที่มารถโดยสารก็ถือว่าค่อนข้างสะดวก มีรถเมล์มาจอดให้ถึงที่
ด้านหน้าจะเป็นจุดซื้อบัตรผ่านประตู และเก็บบัตรเมื่อผ่านซุ้มประตูเข้าไปด้านใน จากนั้นก็จะเป็นส่วนต่างๆ ให้เที่ยวชมหลายจุด บรรยากาศทั่วไปร่มรื่น มีต้นไม้ให้ร่มเงาอยู่บ้าง ไม่ร้อนมาก ส่วนแรกจะเป็นร้านขายของต่างๆ มากมาย หมวก กระเป๋า พัด แว่นกันแดด ของเล่นเด็ก การเดินชมจะเดินชมสัตว์ในจุดต่างๆ ไปเรื่อยๆ ก็ได้ แต่ละจุดก็อยู่ไม่ไกลกันมากนัก หรือจะนั่งรถรางเพื่อเที่ยวชม ก็ซื้อตั๋ว (คนละ 30 บาท) แล้วรอรถรางออกตามรอบ (รถออกทุกชั่วโมง) เมื่อมาถึงฟาร์มจระเข้ สิ่งที่ไม่ควรพลาดคือ การดูโชว์จับจระเข้ด้วยมือเปล่า การแสดงจะมีทุกๆ ต้นชั่วโมง
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในฟาร์มจระเข้ มีร้านอาหาร ร้านค้าหลากหลายมากมาย ขายของที่ระลึก ของฝาก ศูนย์อาหาร (จำหน่ายอาหารในราคาไม่แพง) ร้านขายขนม ของขบเคี้ยว ผลไม้สด ร้านกาแฟสด ร้านขายของเล่น ตุ๊กตุ่นตุ๊กตา หมวก พัด รองเท้า กระเป๋า และอื่นๆ อีกมากมาย
สิ่งที่น่าสนใจภายในฟาร์มจระเข้
พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์
พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ อยู่ในจุดใกล้กับทางเข้าเลย จะเดินชมก่อน หรือเก็บไว้ชมก่อนกลับก็ได้ ด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์มีรูปปั้นไดโนเสาร์ตัวใหญ่ ดึงดูดใจให้ได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันก่อน ส่วนด้านในเป็นห้องจัดแสดงที่ไม่ใหญ่มากนัก มีทางเข้าออก คนละทางกัน ภายในจัดแต่งให้มีลักษณะเหมือนเข้าไปในถ้ำและป่า ให้แสงสลัวๆ ทึมๆ มืดๆ แสดงนิทรรศการ ให้ความรู้เรื่องของสัตว์ดึกดำบรรพ์ มีประวัติไดโนเสาร์ กระดูกและหุ่นจำลองไดโนเสาร์ขนาดเท่าตัวจริง มีการจำลองฟอสซิลไดโนเสาร์ ซากสัตว์ดึกดำบรรพ์ โครงกระดูกจระเข้ การวิวัฒนาการของมนุษยชาติ และสัตว์ เป็นต้น
การแสดงโชว์จับจระเข้
เมื่อเดินผ่านพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ไปหน่อย จะมีทางเลี้ยวซ้ายไปหน่อย ก็จะเป็นเวทีการโชว์จับจระเข้ด้วยมือเปล่า ถือเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยเชียว นอกจากคนไทย ก็ยังมีทัวร์ต่างชาติที่ชอบมาดูกันมาก เป็นการแสดงที่สนุก ตื่นเต้น หวาดเสียว และต้องคอยลุ้นตลอดเวลา การแสดงกับจระเข้นั้น เป็นความสามารถเฉพาะตัวที่เจ้าหน้าที่ต้องได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี ในการโชว์มีทั้งการจับจระเข้ เล่นกับจระเข้ อุ้มจระเข้ แหย่บ้าง โพสท่าต่างๆ กับจระเข้ การแสดงในแต่ละวันจะมีเป็นรอบ ทุกๆ ต้นชั่วโมง สถานที่จัดแสดงจะมีลักษณะเป็นทรงกลม ตรงกลางเป็นบ่อจระเข้แบบเปิดโล่งไม่มีหลังคา รอบๆ เป็นส่วนของผู้ชม แบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นบนเป็นอัฒจันทร์ที่นั่งไล่ระดับ ส่วนชั้นล่างเป็นที่สำหรับยืนดูอย่างใกล้ชิดติดกับขอบบ่อ
การแสดงช้างแสนรู้
เป็นอีกรายการโชว์ที่ไม่ควรพลาด เป็นที่ถูกใจของเด็กๆ เพราะจะได้เห็นความน่ารักแสนรู้ และความสามารถหลากหลายของช้าง เช่น กายกรรม การเต้น การเดินบนเชือกขึง การวาดรูป ถีบจักรยาน เป็นต้น การแสดงเริ่มในช่วงเวลาต่อจากโชว์จระเข้ เมื่อจบการแสดงจระเข้ ก็สามารถดูการแสดงช้างแสนรู้ได้ทัน ลานแสดงมีลักษณะเป็นลานดินกลางแจ้ง อัฒจันทร์เป็นรูปตัวยู ไล่ระดับเป็นชั้น นอกจากการชมการแสดงของช้างแล้ว ใครต้องการป้อนอาหาร ก็มีอาหารจำหน่าย หรือต้องการนั่งช้าง ก็มีให้บริการด้วยเช่นกัน
บ่อให้อาหารจระเข้
เป็นส่วนที่ควรแวะชม เป็นบ่อกว้างมีทางเดินให้ชมจระเข้นับพันตัว ส่วนใหญ่เป็นจระเข้ขนาดใหญ่ ลักษณะบ่อเป็นเหมือนบึงขนาดใหญ่ มีทั้งส่วนที่เป็นพื้นที่บนบกและในน้ำ ทางเดินสร้างเป็นสะพานทางเดินยกสูง มีหลังคาให้เดินได้แบบไม่ร้อน ยกระดับ ที่ให้เห็นจระเข้ในมุมสูง จุดนี้เป็นจุดที่ให้อาหารจระเข้ได้ด้วย ใครอยากให้แบบเป็นชิ้นๆ ก็มีจำหน่ายเป็นถัง มีถุงพลาสติกใส่มือกันเปื้อนให้ด้วย ใครต้องการความตื่นเต้น จะซื้ออาหารแบบตกจระเข้ ก็มีโครงไก่ติดปลายเชือกเสียบปลายไม้ แบบคันเบ็ด แล้วล่อให้จระเข้กระโดดงับอาหารก็ได้
บ่อจระเข้ที่มีลักษณะพิเศษ
เป็นบ่อที่แยกจระเข้เป็นตัวๆ แต่ละตัว มีลักษณะพิเศษผิดแผกต่างจากตัวอื่นๆ เช่น จระเข้หางด้วน จระเข้เผือก จระเข้ดำปลอด เป็นต้น
บ่อเพาะเลี้ยงจระเข้
ภายในฟาร์มจระเข้ มีการเพาะเลี้ยงจระเข้แบบครบวงจร จึงมีบ่อแยกจระเข้ตามอายุ มีภาพจำลองรังของไข่จระเข้ในภาพตัดขวางให้เห็นว่า จระเข้ทั่วไปขุดหลุมฝังกลบไข่ไว้อย่างไร นอกจากนี้ยังมีจระเข้สตาฟ ทั้งตัวใหญ่ ตัวเล็ก และกระดูกกะโหลกจระเข้ในขนาดต่างๆ ไม่ไกลกันมากนัก ก็มีจุดที่ให้ได้ถ่ายรูปกับจระเข้ขนาดใหญ่ที่ทางฟาร์มสตาฟไว้ให้ถ่ายรูปด้วย
โซนนก
เป็นอีกจุดที่น่าตื่นตาตื่นใจ กรงนกที่ให้คนเดินเข้าไปในกรงได้ โดยมีโซ่กั้นประตูกันนกบินออกมา ข้างในกรงมีพื้นที่ให้เดินชมนกหลากสีหลายพันธุ์ ที่พากันส่งเสียงร้องระงม นกแก้ว นกกระตั้ว นกตัวโตเกาะอยู่ตามคอน ให้เราได้เห็นได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด จะซื้ออาหารป้อนนกกับมือเลยก็ได้
กรงและคอกสัตว์อื่นๆ
ภายในฟาร์มจระเข้ยังมีสัตว์อื่นๆ อีกมากให้เดินชม แวะถ่ายรูป ให้อาหาร เช่น หมี เสือขาว เสือโคร่ง เสือดาว ฮิปโป วัว กวาง ม้าแคระ แพะ แกะ หมูป่า นกกระจอกเทศ กระต่าย ลิงชิมแปนซี ลิงอุรังอุตัง นกยูง นกคัสโซวารี** นกอีมู เต่า เม่น ปลา งูเหลือม เป็นต้น ซึ่งสัตว์ต่างๆ จะแบ่งออกเป็นโซนเช่น อุทยานสิงโต อุทยานเสือและหมียักษ์ โซนงูต่างๆ เป็นต้น
** นกคัสโซวารี (Cassowary) จัดเป็นนกขนาดใหญ่ชนิดบินไม่ได้ ใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจาก นกกระจอกเทศ และนกอีมู มีถิ่นอาศัยอยู่ในทวีปออสเตรเลียตอนเหนือ และเกาะนิวกีนี นกชนิดนี้มีจุดสังเกตได้ง่ายคือ บนหัวมีหงอนขนาดใหญ่ ตรงคอมีสีสันสดใสไม่มีขน ส่วนลำตัวมีขนยาวสีดำปกคลุม ที่เท้ามี 3 นิ้ว มีเล็บเท้าที่ยาวและคมมากใช้เป็นอาวุธในการป้องกันตัว นกชนิดนี้มีนิสัยขี้หงุดหงิด ก้าวร้าว และต่อสู้โดยการกระโดดถีบอย่างรุนแรง
การป้อนอาหารสัตว์
ภายในฟาร์มจระเข้ สามารถทำกิจกรรมให้อาหารสัตว์ได้ในหลายจุดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ป้อนกล้วยช้าง ป้อนนมเสือ ป้อนนมแพะ ให้อาหารจระเข้ ลิง ม้า นก กระต่าย และสัตว์อื่นๆ อีกมากมาย
นั่งเรือถีบ (จักรยานน้ำ)
ภายในมีจุดพักผ่อนสำหรับครอบครัว เป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ รายล้อมด้วยต้นไม้ ให้ความรู้สึกสดชื่น บริเวณนี้มีเรือถีบ หรือจักรยานน้ำทำเป็นรูปเป็ด หงส์ ให้เช่า โดยคิดค่าใช้จ่ายเป็นรอบๆ ละ 30 นาที เรือนั่งได้ 1-2 คน/ลำ และเพื่อความปลอดภัย ควรสวมเสื้อชูชีพ ในขณะอยู่ในเรือ
เวลาแสดงโชว์จระเข้
วันจันทร์ - ศุกร์ (7 รอบ) 9.00, 10.00, 11.00, 13.00, 14.00, 15.00, 16.00 น.
วันเสาร์ - อาทิตย์ (9 รอบ) 9.00, 10.00, 11.00, 12.00, 13.00, 14.00, 15.00, 16.00, 17.00 น.
เวลาแสดงช้างแสนรู้
9.40, 10.40, 11.40, 13.40, 14.40, 15.40 16.40 น.
ตารางรถรางที่วนรอบฟาร์มจระเข้
วันจันทร์ - ศุกร์ 9.30, 10.30, 11.30, 13.30, 14.30, 15.30, 16.30 น.
วันเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ** เวลาอาจปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม
ค่าบัตรผ่านประตู
คนไทย ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก 40 บาท
ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 200 บาท
ข้อแนะนำ
- ภายในฟาร์มจระเข้ มีรถรางวนรอบ สามารถขึ้นไปยังจุดต่างๆ ได้ (มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม)
- หากโรงเรียน หรือสถาบันการศึกษา ต้องการจัดทัศนศึกษา หรือเข้าชมเป็นหมู่คณะ ต้องการวิทยากรแนะนำการชม ควรติดต่อล่วงหน้า
- ไม่โยนถุงพลาสติก ขวดพลาสติก หรือเศษขยะต่างๆ ลงในบ่อจระเข้ เพราะจระเข้จะกลืนเข้าไป แล้วอาจทำให้ตายได้
- ไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าไปในฟาร์มจระเข้
การเดินทาง
ห่างจากแยกศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ 4 กิโลเมตร
ห่างจากวัดอโศการาม 5 กิโลเมตร
ห่างจากเมืองโบราณ 6 กิโลเมตร
ห่างจากพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ 9 กิโลเมตร
ห่างจากสถานตากอากาศบางปู 10 กิโลเมตร
เส้นทางรถยนต์
เส้นทาง ถนนสุขุมวิทสายเก่า (บางปู/ชลบุรี)
1 | หากใช้เส้นทางถนนสุขุมวิท (ขาออก) จากแยกบางนา มุ่งหน้าสมุทรปราการ ตรงมาตลอดจนถึงสามแยกศาลากลาง จึงเลี้ยวซ้ายไปทางบางปู / ชลบุรี (หรือตามแนวรางรถไฟฟ้าไปเรื่อยๆ) |
2 | เมื่อเลี้ยวแล้ว ตรงตามเส้นทางไปราว 3 กิโลเมตร ผ่านโรบินสัน สามแยกสายลวด จากนั้นจะมีป้ายบอกทางเลี้ยวขวาเข้าฟาร์มจระเข้ ทางเข้าจะอยูติดกับปั๊มเชลล์ (ทางขวามือ) |
3 | เมื่อเลี้ยวเข้าซอยไปแล้ว ตรงตามป้ายบอกทางไปอีกราว 1 กิโลเมตร ฟาร์มจระเข้อยู่ซ้ายมือ |
เส้นทาง ถนนบางนา-ตราด -> ถนนศรีนครินทร์ -> ถนนสุขุมวิทสายเก่า
1 | หากใช้เส้นทางถนนบางนา-ตราด (ขาออก) มุ่งหน้าชลบุรี เมื่อผ่านเซ็นทรัลบางนาแล้ว ให้ตามป้ายบอกทางถนนเทพารักษ์ เส้นทางจะพาเข้าสู่ถนนศรีนครินทร์ (ตรงแยกศรีเอี่ยม) มุ่งหน้าสมุทรปราการ |
2 | จากนั้นตรงไปจนสุดสามแยก (แยกการไฟฟ้า)จึงเลี้ยวซ้ายตามป้ายบางปู / ชลบุรี |
3 | เลี้ยวซ้ายแล้ว ตรงไปไม่ถึง 2 กิโลเมตร จะเห็นป้ายบอกทางเลี้ยวขวาเข้าฟาร์มจระเข้ เลี้ยวขวาตรงข้างปั๊มเชลล์ |
** หากใช้ทางด่วนเฉลิมมหานคร ให้มุ่งหน้าไปทางบางนา -> ชลบุรี เพื่อไปออกถนนบางนา-ตราด (ขาออก) แล้วตามป้ายถนนเทพารักษ์เพื่อเข้าถนนศรีนครินทร์ มุ่งหน้าสมุทรปราการ จากนั้นเลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าถนนสุขุมวิทสายเก่า
เส้นทาง ถนนศรีนครินทร์ -> ถนนสุขุมวิทสายเก่า (บางปู/ชลบุรี)
1 | หากใช้เส้นทางถนนศรีนครินทร์ (ขาออก) มุ่งหน้าสมุทรปราการ ให้ตรงมาเรื่อยๆ จนสุดทาง (แยกการไฟฟ้า) จึงเลี้ยวซ้ายตามป้าย บางปู / ชลบุรี (3) ก็จะเข้าสู่ถนนสุขุมวิทสายเก่า |
2 | จากนั้นตรงไปไม่ไกล จะเห็นทางเข้าฟาร์มจระเข้ทางขวามือ (เลี้ยวข้างปั๊มเชลล์) |
** หากใช้เส้นทางถนนวงแหวนรอบนอก (ถนนกาญจนาภิเษก) ให้ออกตามป้ายบอกทาง ถนนศรีนครินทร์ มุ่งหน้าสมุทรปราการ จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสุขุมวิทสายเก่า
รถโดยสารประจำทาง
รถเมล์
- ขึ้นรถเมล์สาย 142, 508, 511, 536 ไปสุดสายที่หน้าฟาร์มจระเข้
สาย 142 แสมดำ - อู่ฟาร์มจระเข้ (ทางด่วน)
เส้นทาง: อู่แสมดำ(ถนนพระราม 2) - เคหะธนบุรี - เซ็นทรัลพระราม 2 - แยกบางปะแก้ว - เลี้ยวเข้าถนนสุขสวัสดิ์ - บางปะกอก - วัดสน - ขึ้นทางด่วนลงบางนา - BTS บางนา แบริ่ง - ตลาดสำโรง(อิมพีเรียลสำโรง) - โรงเรียนนายเรือ(พิพิธภัณฑ์เรือ) - แยกหอนาฬิกาปากน้ำ - วัดพิชัยสงคราม - ศาลหลักเมืองปากน้ำ - วงเวียนท้ายบ้าน - ถนนสายลวด - อู่ฟาร์มจระเข้
สาย 508 ท่าราชวรดิษฐ์ - อู่ฟาร์มจระเข้ (ทางด่วน)
เส้นทาง: ท่าราชวรดิษฐ์ (ข้างวัดพระแก้ว) - กระทรวงมหาดไทย - เสาชิงช้า - แยกแม้นศรี - โรงพยาบาลหัวเฉียว - แยกเจริญผล - แยกปทุมวัน - BTS สนามกีฬาแห่งชาติ สยาม - แยกราชประสงค์ - เลี้ยวผ่านหน้าเซ็นทรัลเวิล์ด - เลี้ยวขวาแยกประตูน้ำ - ขึ้นทางด่วนลงบางนา - BTS บางนา แบริ่ง - ตลาดสำโรง(อิมพีเรียลสำโรง) - โรงเรียนนายเรือ(พิพิธภัณฑ์เรือ) - แยกหอนาฬิกาปากน้ำ - วัดพิชัยสงคราม - ศาลหลักเมืองปากน้ำ - วงเวียนท้ายบ้าน - ถนนท้ายบ้าน - อู่ฟาร์มจระเข้
สาย 511 สายใต้ใหม่ - หน้าฟาร์มจระเข้
เส้นทาง: สายใต้ใหม่(ตลิ่งชัน) - เซ็นทรัลปิ่นเกล้า - พาต้า - สะพานพระปิ่นเกล้า - อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย - แยกหลานหลวง - แยกราชเทวี - ประตูน้ำ - ถนนสุขุมวิท (BTS เพลินจิต นานา อโศก พร้อมพงษ์ ทองหล่อ เอกมัย พระโขนง อ่อนนุช บางจาก ปุณณวิถี อุดมสุข แบริ่ง) - ตลาดสำโรง(อิมพีเรียลสำโรง) - โรงเรียนนายเรือ(พิพิธภัณฑ์เรือ) - แยกหอนาฬิกาปากน้ำ - วัดพิชัยสงคราม - ศาลหลักเมืองปากน้ำ - วงเวียนท้ายบ้าน - ถนนสายลวด - หน้าฟาร์มจระเข้
สาย 536 หมอชิต 2 - หน้าฟาร์มจระเข้ (ทางด่วน)
เส้นทาง: หมอชิต 2(ถนนกำแพงเพชร 2) - เจเจมอลล์ - ตลาด อ.ต.ก - MRT กำแพงเพชร - เลี้ยวเข้าถนนพระราม 6 - เลี้ยวเข้าถนนราชวิถี - อนุสาวรีย์ชัย(เกาะพญาไท ตรงเซ็นเตอร์วัน) - เลี้ยวเข้าราชปรารภ(ตึกใบหยก โรงแรมอินทรา) - แยกประตูน้ำ - ขึ้นทางด่วนลงบางนา - BTS บางนา แบริ่ง - ตลาดสำโรง(อิมพีเรียลสำโรง) - โรงเรียนนายเรือ(พิพิธภัณฑ์เรือ) - แยกหอนาฬิกาปากน้ำ - วัดพิชัยสงคราม - ศาลหลักเมืองปากน้ำ - วงเวียนท้ายบ้าน - ถนนสายลวด - หน้าฟาร์มจระเข้
รถไฟฟ้า BTS (สำโรง) + รถเมล์
- ลงรถไฟฟ้า BTS สถานีสำโรง (ลงฝั่งตรงข้ามอิมพีเรียลสำโรง) แล้วรอรถเมล์สาย 142, 508, 511, 536 รถเมล์จะวิ่งตรงเข้าไปในฟาร์มจระเข้เลย หรือสาย 508 (เดินนิดหน่อย)
(อู่ฟาร์มจระเข้ -> เมื่อเดินออกจากฟาร์มจระเข้แล้วเดินไปทางซ้าย ประมาณ 500 เมตร อยู่เยื้องๆ กับวัดทองคง (หรือนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างประมาณ 10 บาท)
เรือข้ามฟาก + รถสองแถว 36
- ลงเรือข้ามฟากจากพระสมุทรเจดีย์ มาขึ้นตรงท่าเรือวิบูลย์ศรี (ตรงตลาดปากน้ำ) เมื่อขึ้นจากท่าเดินเลี้ยวซ้าย (ฝั่งตรงข้ามห้างอินฟินิท) จากนั้นขึ้นรถสองแถวสีขาว 36 (ได้ทุกคัน) เช่น สายปากน้ำ - ศรีจันทร์, ปากน้ำ - นิคมบางปู
- เมื่อรถสองแถววิ่งผ่านโรบินสันไปไม่ไกล ให้ลงฝั่งตรงข้ามฟาร์มจระเข้ (สังเกตปั๊มเชลล์ขวามือ) จากนั้นข้ามถนนไปขึ้นมอเตอร์ไซค์เข้าไป
เรือข้ามฟาก + รถสองแถว S
- ลงเรือข้ามฟากจากพระสมุทรเจดีย์ มาขึ้นตรงท่าเรือวิบูลย์ศรี (ตรงตลาดปากน้ำ) เมื่อขึ้นจากท่าเรือ เดินตรงไปทางวงเวียนอนุสาวรีย์รถไฟสายปากน้ำ เพื่อทะลุไปยังถนนเส้นหน้าวัดพิชัยสงคราม จากนั้นเลี้ยวขวาไปไม่ไกลนัก ไปยังคิวรถสองแถวสีฟ้า (S) จากนั้นขึ้น (อาจถามคิวรถจากคนแถวนั้น) รถจะวิ่งไปทางถนนสายลวด (บอกคนขับลงปากทางเข้าฟาร์มจระเข้)
ข้อมูลการติดต่อ ฟาร์มจระเข้ สมุทรปราการ
เวลาเปิด 7.00 - 18.00 น.
ที่อยู่ 555 ถนนท้ายบ้าน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ 10280
โทร 02-703-4891, 02-703-5144 ถึง 8, 02-387-0020, 02-387-1166, 02-387-2375