เมืองโบราณ สมุทรปราการ

เที่ยวชมแบบจำลองสถานที่สำคัญทั่วไทยใน 1 วัน



เมืองโบราณ (Ancient Siam) เป็นสถานที่เที่ยวสุดคลาสสิค พิพิธภัณฑ์มีชีวิตที่แสดงงานศิลปะกลางแจ้งขนาดใหญ่ บอกเล่าความเป็นตัวตนของคนไทย ผ่านชิ้นงานรังสรรค์อันปราณีต ประดิษฐ์โบราณสถานสถานที่สำคัญ รวมถึงศิลปะวัฒนธรรมเก่าแก่จากทุกมุมของประเทศ จำลองไว้ให้รุ่นลูกหลาน ได้เห็น รู้จัก ศึกษาเรียนรู้ และรักความเป็นไทยมากขึ้น เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการพาลูกหลานมาเที่ยว พักผ่อน และแนะนำชาวต่างชาติให้ได้มาเห็นศิลปะ วัฒนธรรมไทย ผ่านสถาปัตยกรรมจำลองขนาดใหญ่ที่เหมือนกับได้ไปเที่ยวทั่วประเทศในที่เดียว เมืองโบราณการเดินทางมาสะดวก มาได้หลายทาง หาง่ายไม่ซับซ้อน และมีรถโดยสารประจำทางผ่าน

เมืองโบราณ ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทสายเก่า ไม่ไกลจากตัวเมืองปากน้ำ ฟาร์มจระเข้ และไมอาร์มี่ เบย์ไซด์

เมืองโบราณ เป็นสถานที่ที่คุณเล็ก และคุณประไพ วิริยะพันธุ์ ผู้สร้างสรรค์ผลงานที่แสดงความเป็นอัตลักษณ์ของไทย โดยแปลงพื้นที่ประมาณ 500 ไร่ ให้เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง สร้างสรรค์ผลงานทางสถาปัตยกรรมไว้มากกว่า 100 ชิ้น โดยเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2506 เรื่อยมา งานแสดงภายในเมืองโบราณส่วนใหญ่ เป็นสถาปัตยกรรมชิ้นใหญ่ๆ เช่น ตลาด ปราสาท เจดีย์ วัด โบสถ์ วิหาร อาคารเก่าแก่ ไปจนถึงงานประดิษฐ์จากตำนาน นิทาน จินตนาการ ซึ่งงานแต่ละชิ้นไม่ใช่ของจำลองที่ทำให้เห็นเพียงโครงสร้างภายนอก แต่เก็บรายละเอียดไปจนถึงการตกแต่งภายใน เพื่อให้รู้สึกเหมือนของจริง ที่คงไว้ซึ่งคุณค่าทางศิลปะดั้งเดิม

ผลงานทั้งหมดภายในเมืองโบราณ จำแนกได้เป็นงานที่เลียนแบบการสร้างจากสถานที่จริง โดยผ่านการศึกษาจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ การค้นคว้า พูดคุย สำรวจตรวจสอบความถูกต้องทางสถาปัตยกรรม แล้วนำมาสร้างให้ได้ขนาดที่เท่ากัน หรือขนาดที่เล็กกว่า แต่ยังคงรายละเอียดส่วนสำคัญเอาไว้ บางชิ้นงานเป็นการนำของจริงรื้อถอนมาเพื่อปลูกสร้างใหม่ อาจมีการซ่อมแซมปรับปรุงให้ใกล้เคียงของเดิม และบางชิ้นงานก็เป็นชิ้นงานใหม่ๆ ที่ใช้องค์ความรู้จากหลายแขนง สร้างสรรค์เป็นงานที่สะท้อนคุณค่าทางศิลปกรรมไทย  

ลักษณะแผนผังภายในเมืองโบราณ มีการจัดวางงานสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจไว้คล้ายกับตำแหน่งในแผนที่ประเทศไทย แบ่งออกเป็นโซนต่างๆ ตามแต่ละภาค  
- โซนภาคใต้ เริ่มตั้งแต่ทางเข้าเรื่อยไป
- โซนภาคกลาง เริ่มตั้งแต่ช่วงตลาดบก
- โซนภาคเหนือ อยู่บริเวณด้านในสุดของสถานที่จัดแสดง
- โซนภาคอีสาน
- โซนครีเอทจากจินตนาการ อยู่บริเวณรอบๆ บึงด้านซ้ายมือ

 จากนั้นก็เข้าสู่สถานที่สำคัญในภาคกลาง ส่วนบนสุดเป็นภาคเหนือ หากเดินไปทางขวาเป็นการจำลองสถานที่ต่างๆ ในภาคอีสาน ส่วนกลุ่มงานทางสถาปัตยกรรมทางฝั่งซ้าย จะเป็นงานที่ใช้องค์ความรู้ในการสร้างสรรค์ขึ้นใหม่
 

สถานที่น่าสนใจในเมืองโบราณ

สวนมโนราห์

สวนมโนราห์ เป็นประติมากรรมที่จำลองให้เห็นถึงอัตลักษณ์ของชาวใต้ โดยจำลองฉากและตัวละครจากเรื่อง พระสุธน-มโนราห์* หนึ่งในวรรณกรรมประเภทปัญญาสชาดก (เรื่องเล่าที่อิงกับหลักทางพุทธศาสนา) ซึ่งแพร่หลายจนกลายเป็นนิยายท้องถิ่น รวมถึงการ "รำโนรา" ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงพื้นบ้านที่ลือเลื่องของทางใต้ เริ่มมีขึ้นที่ตำบลบางแก้ว จังหวัดพัทลุง

บริเวณสวนมโนราห์นี้ ได้จัดเป็นแอ่งน้ำตก ภายใต้ร่มไม้ให้เหมือนบรรยากาศในป่าตามท้องเรื่องพระสุธน-มโนราห์ ซึ่งตัวละครหลักๆ ได้แก่นางมโนราห์ที่เป็นกินรี พระสุธน และนายพราน ตัวละครที่แสดงไว้ทั้งหมดล้วนเป็นปูนปั้นสีขาว

* พระสุธน-มโนราห์ เป็นเรื่องราวความรักระหว่างมนุษย์กับนางกินรี มีเรื่องราวโดยย่อ คือ ท้าวทุมราชผู้เป็นพระยากินนรอยู่บนเขาไกรลาส มีธิดาทั้งหมด 7 พระองค์ ธิดาทั้งเจ็ดมีหน้าตาสวยงามเหมือนมนุษย์ มีปีกและหางที่ทำให้บินไปยังที่ต่างๆ และสามารถถอดออกได้

อยู่มาวันหนึ่งธิดาทั้ง 7 ได้บินไปเล่นน้ำที่สระอโนดาต ขณะที่เล่นน้ำอยู่นั้น นายพรานคนหนึ่งใช้บ่วงบาศของพญานาคราชท้าวชมพูจิต จับตัวนางกินรี ธิดาคนสุดท้องที่มีชื่อว่า นางมโนราห์ แล้วนำไปถวายให้พระสุธนแห่งเมือง ปัญจาลนคร จนพระสุธนหลงรักและได้อภิเษกกัน ต่อมามีปุโรหิตคนหนึ่ง มีความแค้นต่อพระสุธน จึงออกอุบายให้พระสุธนต้องออกไปรบ และแกล้งทำนายฝันให้แก่ท้าวอาทิตยวงศ์ (พระบิดาพระสุธน) ว่าจะเกิดภัยพิบัติอย่างใหญ่หลวงต่อเมือง ทางแก้คือต้องนำนางมโนราห์ไปบูชายัญ เมื่อนางโมราห์รู้เข้าจึงทำเป็นขอรำถวายเป็นครั้งสุดท้าย และขอสวมใส่ปีกและหางของนางขณะร่ายรำรอบกองไฟ เมื่อได้โอกาสจากนั้นนางจึงบินหนีไป

เมื่อพระสุธนกลับมายังเมืองและรู้ว่านางมโนราห์หนีไปแล้ว พระสุธนจึงออกตามจนมาพบกับพระฤาษี พระฤาษีจึงมอบผ้ากับแหวนที่นางมโนราห์ฝากไว้ และนางยังบอกพระสุธนว่าไม่ต้องตามหา เพราะเส้นทางยากลำบากมาก ในที่สุดพระสุธนก็ออกติดตามหานางมโนราห์ ได้ผจญภัยฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย จนกระทั้งเข้าไปยังบริเวณเขาไกรลาส และนำแหวนใส่ไว้ในคนโทน้ำที่ตักไปให้นางมโนราห์ เมื่อนางเทน้ำจึงรู้ว่าพระสุธนได้มาถึงแล้ว เมื่อท้าวทุมราชผู้เป็นบิดาทราบจึงต้องการทดสอบความรักของพระสุธน โดยให้ธิดาทั้งหมดออกมาร่ายรำ แล้วให้พระสุธนเลือกว่าคนไหนคือนางมโนราห์ ด้วยพี่น้องของนางมโนราห์มีหน้าตาที่คล้ายคลึงกันหมด พระอินทร์จึงจำต้องลงมาช่วยโดยการแปลงกายเป็นแมลงวันทองจับที่ผมนางมโนราห์ เพื่อให้พระสุธนรู้ว่าเป็นคนไหน หลังจากนั้นทั้งสองก็ได้ครองรักกันอย่างมีความสุขดังเดิม
 

พระบรมธาตุ นครศรีธรรมราช

พระบรมธาตุเจดีย์ จำลองมาจากวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดพระธาตุ) ที่ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นพระบรมธาตุเจดีย์เก่าแก่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง และศูนย์รวมจิตใจของชาวนครศรีธรรมราช ที่จัดเป็น 1 ใน 8 จอมเจดีย์แห่งสยาม พระบรมธาตุจำลองที่เมืองโบราณ มีบางส่วนไม่เหมือนกับองค์จริง เช่นที่ฐานเจดีย์จำลองมีซุ้มช้างล้อมโดยรอบ ซึ่งเป็นการสร้างจากประวัติศาสตร์ดั้งเดิมที่สืบค้นได้ ก่อนที่จะมีการบูรณะซ่อมแซมหลายครั้ง

พระบรมธาตุเจดีย์องค์จริง หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า พระธาตุทองคำ มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ปี พ.ศ.854 สร้างโดยเจ้าชายทนทกุมาร และพระนางเหมชายา เดิมสร้างเป็นเจดีย์ทรงมณฑป แบบศิลปะสมัยศรีวิชัย ต่อมาในปี พ.ศ.1098 พระเจ้าศรีธรรมาโศการาชที่ 2 (พระเจ้าจันทรภาณุ) ได้บูรณะใหม่โดยทำเป็นสถูปทรงโอคว่ำ ตามแบบทรงลังกา ด้านบนเรือนธาตุ มีบัลลังก์สี่เหลี่ยม เสาหาน ปล้องไฉน ส่วนของกลีบบัว และปลียอดด้านบนหุ้มด้วยทองคำแท้ พระบรมธาตุเจดีย์องค์จริงนั้นเป็นสีขาวทั้งองค์ มีขนาดสูงใหญ่ สูงจากฐานถึงยอด 74 เมตร โดยรอบมีเจดีย์บริวารอีก 149 องค์ ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ประกาศให้เป็นโบราณสถานสำคัญ และยังเป็นหนึ่งใน unseen ที่กล่าวกันว่า องค์พระธาตุนี้ไม่มีเงาทอดตกลงพื้น หรือที่เรียกกันว่า "พระธาตุไร้เงา"
 

เทวรูปปัลลวะ พังงา

เทวรูปที่อยู่บริเวณโคนต้นไม้ เป็นการจำลองเทวรูป ที่พบบริเวณโคนต้นตะแบกบนเขาพระนารายณ์ ในตำบลเหล อำเภอกะปง จังหวัดพังงา เป็นรูปเคารพตามความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ แกะสลักจากหินทรายละเอียด มีด้วยกัน 3 องค์ ซึ่งชาวบ้านจะเรียกกันว่า พระนารายณ์ พระลักษณ์ และนางสีดา ซึ่งเทวรูปพระนารายณ์ (หรือพระวิษณุ) มีความสูงถึง 2.35 เมตร ครึ่งหนึ่งจมอยู่ในพื้นดิน และมีต้นตะแบกขึ้นปกคลุม เทวรูปพระนารายณ์อยู่ในปางประทับยืน แบบมัธยมโยคะสถานกมูรติ (ปางบำเพ็ญเพียรโยคะระดับกลาง) และมีบริวารอีก 2 องค์ คือ ฤาษีมารกัณเฑยะ (พระลักษมณ์) และนางภูเทวี* (ชาวบ้านเรียกว่านางสีดา) เทวรูปทั้ง 3 แสดงถึงประติมากรรมแบบปัลลวะ ศิลปะแถบอินเดียใต้ ในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 13 หรือต้นพุทธศตวรรษที่ 14 

* นางภูเทวี หรือพระแม่ธรณี เป็นพระชายาองค์ที่ 2 ของพระวิษณุในคติความเชื่อของชาวฮินดูทางตอนใต้

เทวรูปปัลลวะจริงนั้น มีอายุราว 1,200 ปี ซึ่งนับเป็นหลักฐานทางประวัติศาตร์ ที่แสดงถึงอารยธรรมอินเดียช่วงที่เข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทย ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุ และจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติถลาง จังหวัดภูเก็ต
 

พระบรมธาตุไชยา สุราษฎร์ธานี

เจดีย์ที่สร้างขึ้นที่เมืองโบราณนี้ หลายคนอาจบอกว่าลักษณะไม่เห็นเหมือนกับพระบรมธาตุไชยา ที่จังหวัดสุราษฎร์ฯ ซึ่งจริงๆ แล้วเจดีย์นี้จำลองมาจากเจดีย์จันทิปวนะ ที่เก่าแก่ที่สุดในชวา (ประเทศอินโดนีเซีย) เพื่อให้เห็นถึงศิลปะศรีวิชัย* ต้นฉบับดั้งเดิม สร้างเป็นเจดีย์สีอิฐก่อ ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม มุมที่ฐานทั้ง 4 มีเจดีย์ประดับมุม เจดีย์องค์กลางเป็นจตุรมุข มีเรือนยอดย่อชั้นขึ้นไป 3 ชั้น เรือนยอดแต่ละชั้นมีบันแถลง นาคปัก และเจดีย์องค์เล็กประดับมุม ส่วนชั้นบนสุดเป็นองค์พระธาตุทรงกลม ลวดลายของเจดีย์จำลองเป็นลวดลายที่เกี่ยวข้องกับคติพุทธศาสนามหายาน เช่น รูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร รูปนางดารา เป็นต้น

* ศิลปะแบบศรีวิชัย หรือศิลปะชวา มาจากกลุ่มสังคมที่นับถือศาสนาพุทธ นิกายมหายาน ที่อยู่ทางภาคกลางของประเทศอินโดนีเซีย มีรูปแบบศิลปะอินเดียแบบคุปตะ-หลังคุปตะ และปาละ

ส่วนเจดีย์พระบรมธาตุไชยาองค์จริงนั้น อยู่ในวัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร พระอารามหลวง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นพระบรมธาตุที่นับว่ามีลักษณะทางสถาปัตยกรรมเป็นศิลปะแบบศรีวิชัยในสภาพสมบูรณ์ที่สุด องค์จริงสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 13-14 และมีความสูงถึง 24 เมตร ทรงสี่เหลี่ยมจตุรมุขย่อชั้นทาสีขาวขลิบทอง เจดีย์ลดหลั่นกันขึ้นไป 3 ชั้น แต่ละชั้นมีบันแถลง (รูปจั่วเล็กๆ ในแต่ละด้าน) นาคปัก (หัวพญานาคประดับมุมเจดีย์) และเจดีย์ประดับ เหนือขึ้นไปเป็นองค์ระฆัง ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนยอดมีบัวกลุ่ม ปลียอด และยอดฉัตร จากการบูรณะปฏิสังขรใหม่ ได้ปรับเปลี่ยนลวดลายประดับเจดีย์ (บริเวณบันแถลง) โดยผสมผสานรูปแบบใหม่ลงไปแทน
 

ตลาดโบราณ

ตลาดโบราณ หรือตลาดบก เป็นกลุ่มอาคารบ้านเรือนที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากถนนสายเก่าในจังหวัดตาก และสภาพบ้านเรือน ร้านค้า ในเมืองกำแพงเพชร โดยใช้อาคารบ้านเรือนเก่าที่อยู่ในแถบยานนาวา กรุงเทพฯ รื้อถอนอาคารจริงนำมาปลูกสร้างใหม่ ให้เป็นตลาดเก่า เพื่อให้เห็นบรรยากาศชุมชนในอดีต ที่แสดงถึงความผสมผสานของชุมชน มีทั้งร้านขายของ ร้านตัดผม หอกลองกลางตลาด โรงงิ้วหุ่นกระบอก โรงแสดงมหรสพ สำนักโคมเขียว แหล่งอบายมุข ศาลเจ้าเก่า เป็นต้น

บริเวณตลาดโบราณนี้ สร้างเป็นถนนตรงกลาง (ตรงนี้นำรถเข้าไปไม่ได้) สามารถเดินชมได้โดยทั่ว เมื่อพ้นจากเขตตลาดโบราณนี้ไป จะเป็นโซนภาคกลาง

ศาลาการเปรียญ วัดใหญ่สุวรรณาราม เพชรบุรี
ศาลาการเปรียญที่ทางเมืองโบราณจำลองขึ้นมานี้ มีขนาดเล็กกว่าของจริงเล็กน้อย ภายในจัดแสดงศิลปวัตถุต่างๆ ไว้ให้ชม ศาลาหลังนี้เป็นการถ่ายทอดศิลปะอยุธยาที่ตกทอดมาให้เห็นถึงปัจจุบัน โดยถอดแบบจากของจริงที่อยู่ในวัดใหญ่สุวรรณาราม พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ในตำบลท่าราบ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี การสร้างและตกแต่งถือเป็นงานศิลปกรรมชั้นสูงในสมัยอยุธยาตอนปลาย ช่วงพุทธศตวรรษที่ 23 มีความเก่าแก่ ประณีตงดงาม เพราะเคยเป็นพระตำหนักของเจ้าฟ้าพระขวัญ* ซึ่งต่อมาพระเจ้าเสือ ได้รื้อจากกรุงศรีอยุธยา นำมาสร้างให้เป็นศาลาการเปรียญ ถวายแก่พระสังฆราชแตงโม (สมเด็จพระสุวรรณมุณี) ในครั้งบูรณะปฏิสังขรณ์วัด

ศาลาการเปรียญของจริง ที่วัดใหญ่สุวรรณาราม ยังคงมีให้เห็นอยู่ หากใครได้ขึ้นไปดูสถานที่จริง จะเห็นถึงงานฝีมือเก่าแก่ ประกอบกับประวัติความเป็นมาของอาคารหลังนี้ อาจทำให้หลายคนขนลุกได้

ศาลาการเปรียญหลังจริงนั้น สร้างด้วยไม้สักทั้งหลังในลักษณะเรือนไทยหลังใหญ่  มีขนาด 10 ห้อง (วัดแต่ละช่วงหน้าต่าง) กว้าง 5 วา ยาว 15 วา (10 x 30 เมตร) อาคารเดิมลงรักปิดทอง (ปัจจุบันได้ทาสีแดงทับทั่วทั้งหลังหมดแล้ว) หลังคามีช่อฟ้าใบระกา ประดับกระจก ด้านหน้าและด้านหลังของเครื่องหลังคา มีมุขประเจิด (เป็นมุขยื่นจากหลังคาซ้อนชั้นอีกทีนึง) ผนังเป็นฝาปะกน คันทวยเป็นลายหน้าตั๊กแตน และมีกระจังพรึงประดับขอบอาคารโดยรอบ ภายในมีเสาแปดเหลี่ยมเขียนลายรดน้ำเป็นคู่ๆ แต่ละคู่มีลวดลายไม่ซ้ำกัน ยังมีธรรมมาสน์เก่าแก่อายุกว่า 300 ปี เก็บรักษาไว้ และบานประตูไม้แกะสลัก ที่ปรากฏรอยแตกปริศนาที่บานประตูบานหนึ่งด้วย**

* เจ้าพระขวัญ เป็นพระโอรสของสมเด็จพระเพทราชา (พ.ศ.2231 - 2246) ตามประวัติกล่าวว่า ในขณะที่พระองค์มีอายุครบ 13 ปี เพิ่งผ่านพิธีโสกันต์ (โกนจุก) และกำลังฝึกขี่ม้า เมื่อพระบิดาประชวร กรมพระราชวังบวรสถานมงคล (ผู้ที่จะได้เป็นกษัตริย์องค์ต่อไป) คือ พระเจ้าเสือ กลัวว่าเจ้าพระขวัญจะได้ขึ้นครองราชย์แทนตน จึงวางแผนเรียกให้เจ้าพระขวัญไปเข้าเฝ้าที่ตำหนักหนองหวาย เพื่อทรงม้าให้ชมหน่อย ขณะที่เรียกพบนั้นเจ้าพระขวัญ กำลังเสวยแตงโมไปได้ครึ่งลูก จึงวางแตงโมแล้วเสด็จไปที่ตำหนัก เมื่อไปถึงพี่เลี้ยงทั้งหมดได้ถูกกันไม่ให้เข้าไปด้วย จากนั้นพระเจ้าเสือจึงตีด้วยท่อนจันทน์ แล้วนำพระศพไปฝังไว้ที่วัดโคกพระยา แล้วพระเจ้าเสือก็ปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์องค์ที่ 29 ต่อจากพระเพทราชา

ส่วนที่เกี่ยวข้องกับศาลาการเปรียญนี้ สันนิษฐานว่า เมื่อเจ้าพระขวัญสิ้นพระชนม์ ผู้คนต่างหวาดกลัววิญญาณเจ้าพระขวัญ พระเจ้าเสือจึงรื้อมาถวายวัดที่ท่านเคยเล่าเรียนอยู่ตอนเด็ก โดยนำมาสร้างเป็นศาลาการเปรียญแทน

** สำหรับคนที่ได้ไปเที่ยวชมศาลาการเปรียญจริง ที่วัดใหญ่สุวรรณาราม เมื่อเข้าไปภายในศาลา สังเกตดีๆ จะเห็นบานประตูไม้แกะสลัก ลงสีทองสวยงาม ส่วนบนของประตูมีรอยแตกปรากฏอยู่ กล่าวกันว่าเป็นรอยที่ทหารพม่าใช้ขวานฟันจามไว้ เมื่อครั้งที่กองทัพพม่าผ่านมาที่เมืองเพชรบุรี แล้วต้องกวาดต้อนชาวบ้านไปด้วย ชาวบ้านจึงเข้ามาหลบในศาลาหลังนี้ ทหารพม่าได้ใช้ขวานจามประตูเพื่อเปิดเข้าไป แต่พังเข้าไปได้ยาก จึงถอยทัพกลับไปเสียก่อน แต่ก็มีข้อสันนิษฐานอีกอย่างหนึ่งที่ว่า รอยนี้อาจเป็นรอยที่ตั้งใจทำไว้ โดยช่างที่รื้อตำหนักอาจใช้ขวานจามไว้ที่ประตูเพื่อแก้อาถรรพ์วิญญานเจ้าพระขวัญ ก็เป็นได้
 

พระปรางค์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ราชบุรี

พระปรางค์ที่เมืองโบราณสร้างขึ้นนี้ จำลองจากวัดมหาธาตุวรวิหาร พระอารามหลวงชั้นตรี  ชาวบ้านมักเรียกว่า วัดหน้าพระธาตุ หรือวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ตั้งอยู่บนถนนเขางู ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี เป็นวัดมีความโดดเด่นด้านศิลปะเขมรหรือลพบุรี ในรูปแบบปรางค์ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในยุคของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งเขมร มีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 18

พระปรางค์องค์จริง มีลักษณะคล้ายกับฝักข้าวโพด แบบเดียวพระปรางค์ลพบุรี ปรางค์ประธานตรงกลางมีความสูง 24 เมตร และมีปรางค์บริวารอยู่โดยรอบอีก 3 องค์ ตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน ด้านหนึ่งของปรางค์ประธานมีมุขยื่นออกมา มีบันไดทางขึ้น ฐาน และเรือนธาตุ ส่วนพระปรางค์ที่เมืองโบราณจำลองมานั้น ย่อส่วนจากขนาดจริงมาเป็นสามในสี่ส่วน และนำมาให้ชมเฉพาะปรางค์ประธาน
 

พระที่นั่งสรรเพชญปราสาท อยุธยา

พระที่นั่งสรรเพชญปราสาทจำลอง ถือเป็นไฮไลท์ ผลงานชิ้นเอกของเมืองโบราณที่สรรค์สร้างสถาปัตยกรรมโบราณโดยไม่มีต้นแบบ และไม่มีสถานที่จริงให้เห็นแล้ว แต่ด้วยการศึกษาจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ทั้งหมดที่มี เช่นพงศาวดาร จดหมายเหตุ ภาพเขียน ซากผนังอาคารพระที่นั่งที่เหลืออยู่ และการสืบค้นข้อมูลจากแหล่งต่างๆ นำมาประกอบเป็นข้อมูลในการสร้าง ทั้งโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมภายนอก และการตกแต่งภายในให้ใกล้เคียงของจริงมากที่สุด ผลงานชิ้นนี้จึงดูได้จากที่เมืองโบราณแห่งเดียว ไม่มีอาคารจริงให้เห็นแล้ว อาคารนี้สามารถเดินเข้าชมภายในได้

ลักษณะของพระที่นั่ง เป็นหลังคาซ้อน 3 ชั้น มีมุข 4 ด้าน มีสองด้านเป็นโถงยาว ซุ้มยอดเป็นมณฑป 7 ยอด ด้านล่างมีครุฑระหว่างหน้าบันทั้ง 4 ด้าน ภายในมุขโถงตั้งบุษบกทองคำ เป็นที่เสด็จต้อนรับแขก มุขด้านข้างสั้น ภายในมีลักษณะเป็นโถงท้องพระโรง ตกแต่งผนังด้วยลายปูนปั้นลงรักปิดทอง ประดับกระจก

พระที่นั่งสรรเพชญปราสาทจำลอง ที่เมืองโบราณแห่งนี้ เคยใช้เป็นที่รับรองสมเด็จพระนางเจ้าอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร และพระราชสวามี ครั้งเสด็จเยือนประเทศไทย เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2515 ซึ่งในวันนั้นถือเป็นสิริมงคล และเป็นเสมือนวันเปิดเมืองโบราณต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการด้วย

สำหรับพระที่นั่งสรรเพชญปราสาทองค์จริง แต่เดิมเป็นอาคาร 1 ใน 3 ของหมู่พระมหาปราสาท ในเขตพระราชฐานชั้นกลาง ณ พระราชวังโบราณ* ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ สมัยอยุธยาตอนต้น (พ.ศ.1991-2031) หรือราว 500 กว่าปีมาแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นช่วงยุคทองของอยุธยา เมืองมีความเจริญรุ่งเรือง และมีความเป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นด้านสถาปัตยกรรม และสร้างด้วยเครื่องไม้ทั้งหลัง ใช้เป็นห้องท้องพระโรงในการเสด็จออกว่าราชการ ต้อนรับราชฑูต แขกบ้านแขกเมือง และการประกอบพระราชพิธีสำคัญต่างๆ จนกระทั่งเหตุการณ์ครั้งอยุธยาเสียกรุงครั้งที่ 2 ปี พ.ศ.2310 พระที่นั่งได้ถูกเผาทำลายเสียหายจนหมดสิ้น

ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ ในปี พ.ศ.2327 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 ทรงโปรดฯ ให้สร้างพระที่นั่งอินทราภิเษกมหาปราสาทขึ้นในเขตพระบรมมหาราชวัง โดยสร้างด้วยเครื่องไม้ และถ่ายทอดแบบทั้งหมดมาจากพระที่นั่งสรรเพชญปราสาทในสมัยอยุธยา ซึ่งต่อมาหลังจากนั้น 5 ปี ได้เกิดเหตุฟ้าผ่าลงมาจนทำให้พระที่นั่งอินทราภิเษกถูกเผามอดไหม้ไปทั้งหลัง พระองค์จึงโปรดฯ ให้สร้างปราสาทหลังใหม่ขึ้น โดยปรับเปลี่ยนลักษณะทางสถาปัตยกรรม และพระราชทานนามใหม่ว่า พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ที่อยู่ในพระบรมมหาราชวัง มาจนถึงทุกวันนี้

* พระราชวังโบราณหรือพระราชวังหลวง เป็นพื้นที่เขตที่ประทับของพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ (เปรียบเสมือนบ้านและที่ทำงานของพระมหากษัตริย์) โดยมีกลุ่มอาคารต่างๆ เช่น หมู่พระมหาปราสาท (พระที่นั่งที่ใช้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีสำคัญ) พระตำหนัก (ที่ประทับ) พระคลัง ถือเป็นศูนย์รวมศิลปกรรม และสถาปัตยกรรมที่แสดงความเป็นเอกลักษณ์ของชาติ พระราชวังโบราณมีมาตั้งแต่ปฐมกษัตริย์ของอยุธยา ปัจจุบันเป็นเขตโบราณสถานที่มีเพียงซากปรักหักพัง และขอบเขตพื้นที่พระราชวัง

ข้อแนะนำสำหรับการเข้าชม
1. ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีเวลาจำกัด หรือต้องการเที่ยวชมบรรยากาศทั่วไปโดยรอบ  
สำหรับผู้ที่ไม่ได้ขับรถมา ผู้สูงอายุที่เดินไม่ค่อยไหว ขี่จักรยานไม่ถนัด มีเวลาน้อย กลัวว่าจะชมสถานที่ได้ไม่ทั่วถึง หรือกลัวว่าจะเหนื่อยซะก่อน แนะนำให้นั่งรถรางของเมืองโบราณ เพื่อชมบรรยากาศโดยรอบ บนรถจะมีเจ้าหน้าที่บรรยายให้ความรู้ถึงสถานที่ต่างๆ ที่ผ่าน และไปจอดในจุดหลักๆ ที่น่าสนใจ สามารถลงแวะเที่ยวตามจุดใหญ่ๆ ได้ ซึ่งรถรางจะมีให้บริการเป็นรอบ และแวะตามจุดจอดรถรางเท่านั้น

2. ผู้ที่พอมีเวลาในการเที่ยว แต่ต้องการเน้นเพียงสถานที่ไฮไลท์ ได้ถ่ายรูปมุมสวยๆ
หากมีเวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงในการเข้าชม ต้องการแวะสถานที่สำคัญจริงๆ (ซึ่งจริงๆ แล้ว แต่ละแห่งก็มีเรื่องราวน่าสนใจไม่แพ้กัน) แนะนำให้ขี่จักรยาน แวะจอดชมเฉพาะจุดใหญ่ๆ ที่ไม่ควรพลาด หรือจุดที่สนใจเป็นพิเศษ เช่นตลาดโบราณ ตลาดน้ำ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระที่นั่งสรรเพชญปราสาท(เดินชมภายในได้) เขาพระวิหาร เป็นต้น

3. ผู้ที่ต้องการรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ ขอชมอย่างละเอียด
สำหรับผู้ที่มีเวลาทั้งวัน สักครึ่งวัน หรืออย่างน้อย 4-5 ชั่วโมง แนะนำให้ขี่จักรยานตามเส้นทาง แล้วแวะชมไปเรื่อยๆ (มีร้านค้า และห้องสุขาบริการอยู่หลายจุดเป็นระยะๆ) สถานที่แต่ละแห่งจะอยู่ไม่ไกลกันมาก แต่ก็มีรายละเอียดให้ดูเยอะ โดยเฉพาะคนที่ชอบเรื่องราวของประวัติศาสตร์ โบราณคดี งานสถาปัตยกรรม และศิลปกรรม อาจจะใช้เวลาในการอ่านข้อมูลบรรยาย เข้าไปชมรายละเอียดภายในอาคาร หากเป็นผู้ที่ศึกษาศิลปะในแต่ละยุคสมัย ชอบเรียนรู้เรื่องราวด้านประวัติศาสตร์ หรือเคยไปสถานที่จริงในแต่ละแห่งมาก่อน ยิ่งจะทำให้การชมสนุกยิ่งขึ้น

ข้อมูลเพิ่มเติม
- เมื่อซื้อบัตรผ่านประตูแล้ว สามารถเลือกนั่งรถราง (ฟรี) ตามรอบที่กำหนด รถรางจะพานำชมรอบเมืองโบราณ โดยมีไกด์บรรยายสถานที่ต่างๆ ตลอดทาง
- เมื่อซื้อบัตรผ่านประตูแล้ว สามารถยืมจักรยานขี่ได้ (ฟรี)
- หากต้องการนำรถส่วนตัวเข้าไปชมจุดต่างๆ จะต้องเสียค่าใช้จ่ายพาหนะเพิ่มเติม โดยไม่รวมคนขับ (ดูรายละเอียดเรื่องราคา)
- มีบริการรถกอล์ฟให้เช่า แบบนั่งได้ 2 คน (150 บาท/ชั่วโมง) แบบนั่งได้ 4 คน (300 บาท/ชั่วโมง) นั่งได้ 6 คน (450 บาท/ชั่วโมง) และ 10 ที่นั่ง พร้อมคนขับ (1,000 บาท/2 ชั่วโมง)
- ภายในเมืองโบราณมีพื้นที่กว้างมาก หากต้องการชมอย่างทั่วถึง (มีจุดให้แวะชมมากกว่า 100 จุด) ไม่แนะนำให้เดิน
- มีบริการ Audio Guide หลายภาษา เช่น ไทย อังกฤษ จีน เกาหลี รัสเซีย
- ไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าไปภายในเมืองโบราณ
- สามารถซื้อบัตรเข้าเมืองโบราณออนไลน์ได้ อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนเข้าชม (ดูรายละเอียดได้จากเว็บไซต์เมืองโบราณ)
- ราคาตั๋วเข้าชม แบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ 9.00 - 16.00 น. (เต็มราคา) และ 16.00 -19.00 น. (ครึ่งราคา)
- ในแต่ละปี เมืองโบราณจะการจะจัดงานกิจกรรมพิเศษ หรือมีช่วงที่เปิดให้เข้าฟรี (เฉพาะบริเวณที่กำหนด) ในเทศกาลต่างๆ เช่นลอยกระทง หรือวันสงกรานต์ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ และเฟสบุ๊คเมืองโบราณ


ข้อแนะนำ
- ควรไปเข้าชมแต่เช้า เพื่อจะได้มีเวลาทั้งวัน ได้แวะชมสถานที่ต่างๆ แบบไม่ต้องรีบร้อน และช่วงเช้าแดดก็ไม่แรงเท่าช่วงบ่ายอีกด้วย
- ควรเตรียม หมวก (หรือร่ม แล้วแต่สะดวก) น้ำดื่ม โลชั่นกันแดดไปด้วย เพราะส่วนใหญ่เป็นการจัดแสดงกลางแจ้ง แม้จะมีต้นไม้เยอะ แต่ในช่วงกลางวันแดดค่อนข้างร้อน

ตารางเวลารถรางชมเมือง
เปิดให้บริการเป็นรอบ (ขึ้นได้ที่ตลาดน้ำ และตามสถานีจอด ไม่รับขึ้นระหว่างทาง)
วันจันทร์-เสาร์ มี 4 รอบ คือ 10.00-12.00 น. / 13.00-15.00 น. / 15.00-17.00 น. / 17.00-19.00 น.
วันอาทิตย์-นักขัตฤกษ์ (อาจมีมากกว่า 4 รอบ) ขึ้นได้ทุกคันตามสถานี

ค่าธรรมเนียมเข้าชมเมืองโบราณ
ซื้อบัตรในช่วง เวลา 9.00 - 16.00 น.
คนไทย         ผู้ใหญ่ 350 บาท  เด็ก (6-14 ปี) 175 บาท
ชาวต่างชาติ     ผู้ใหญ่ 700 บาท  เด็ก (6-14 ปี) 350 บาท
นำรถยนต์ / รถตู้ เข้าไป คิดเพิ่ม 400 บาท/คัน (ราคาไม่รวมค่าธรรมเนียมคนขับ)
** ราคาบัตรเข้าชม รวมค่าบริการรถราง จักรยาน และการนั่งเรือ


ซื้อบัตรในช่วง 16.00 - 19.00 น. (ช่วงลด 50%)
คนไทย         ผู้ใหญ่ 175 บาท  เด็ก (6-14 ปี) 80 บาท
ชาวต่างชาติ     ผู้ใหญ่ 350 บาท  เด็ก (6-14 ปี) 175 บาท
นำรถยนต์ / รถตู้ เข้าไป คิดเพิ่ม 200 บาท/คัน (ราคาไม่รวมค่าธรรมเนียมคนขับ)
** ราคาบัตรเข้าชม รวมค่าบริการรถราง จักรยาน แต่ช่วงเวลานี้ ไม่มีบริการการนั่งเรือแล้ว

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการซื้อตั๋วเข้าเมืองโบราณ
- นั่งเรือ (บริเวณตลาด) มีให้บริการเฉพาะช่วงเวลา 9.00 - 16.00 น.
- บัตร 1 ใบ ใช้แลกจักรยานได้ 1 คัน
- เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ไม่เสียค่าธรรมเนียม
- ผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) และผู้มีสำเนาทะเบียนบ้านอยู่ในจังหวัดสมุทรปราการ ลด 100 บาท/คน

รถตู้ รับ-ส่งมายังเมืองโบราณ ฟรี
ทางเมืองโบราณมีรถรับส่งเฉพาะวันเสาร์ และ อาทิตย์ *วันหยุดนักขัตฤกษ์ไม่มีรถบริการ*
จุดขึ้นรถ : บริเวณสถานีรถไฟฟ้า BTS แบริ่ง ตรงลานจอดรถปั๊มเอสโซ่
ออกจาก BTS แบริ่ง : เวลา 11.00 น. จะแวะที่พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ แล้วไปยังเมืองโบราณ เวลา 12.00 น.
ออกจากเมืองโบราณ : เวลา 15.00 น.

แผนที่

แสดงร้านอาหารใกล้เคียง
สถานที่เที่ยวใกล้เคียง
ห่างออกไป ประมาณ: 0.5 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ศาลเจ้าเสียนหลอไต้เทียนกง หรือ ศาลเจ้าห้าพระองค์ หรือ ศาลเจ้ามูลนิธิธรรมกตัญญู ศาลเจ้าขนาดใหญ่ที่มีสถาปัตยกรรมและประติมากรรมจีนสวยงาม ชมสิงโตคู่แกะสลักขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพดานศาลเจ้าประดับไม้แกะสลักลวดลายวิจิตรตระการตา กราบสักการะเทพเจ้า 5 พระองค์ (โหงวหวังเอี้ย) และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เพื่อความเป็นสิริมงคล ขอพร เสริมดวงชะตา แก้ชง นอกจากนี้ช่วงเทศกาลตรุษจีน* และเทศกาลหยวนเซียว** ของทุกปี จะมีการจัดงานเทศกาลประดับโคมไฟในรูปต่างๆ กว่าห้าพันดวง
ห่างออกไป ประมาณ: 1.8 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
วัดอโศการาม เป็นวัดที่มีความสำคัญ โดยเฉพาะผู้ที่ศึกษาและปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานตามแนวทางของท่านพ่อลี ธัมมธโร ภายในวัดมีพระธุตังคเจดีย์ เป็นเจดีย์องค์แรกและองค์เดียวในประเทศไทย ที่ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และอรหันตธาตุของพระพระธุดงค์กรรมฐานในสายของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จึงเป็นปูชนียสถานองค์สำคัญ ที่ควรแห่งการกราบสักการะบูชา เพื่อระลึกถึงองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า และอริยสงฆ์ผู้เป็นครูบาอาจารย์ นอกจากนี้พระธุตังคเจดีย์ ยังแสดงความหมายของ ธุดงควัตร ที่เป็นข้อปฏิบัติสำหรับผู้ที่ต้องการขัดเกลากิเลส โดยเฉพาะผู้ที่ปฏิบัติภาวนาในสายกรรมฐาน การเดินทางไปยังวัดมีเส้นทางไม่ยุ่งยากซับซ้อน อยู่ใกล้เมือง และสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง
ห่างออกไป ประมาณ: 4.1 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
สถานตากอากาศบางปู สถานพักผ่อนหย่อนใจที่ได้รับความนิยมมานานกว่า 80 ปี เป็นที่รู้กันว่าเป็นจุดชมทะเลที่ใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุด ได้พักผ่อนกินลม ชมวิวธรรมชาติ เดินเล่นยามเย็น ดูพระอาทิตย์ตก และจุดชมฝูงนกนางนวลอพยพกลุ่มใหญ่ที่สุดอีกด้วย (มาตามฤดูกาล) บริเวณนี้มีร้านอาหารบรรยากาศทะเล ร้านขายของ ขนม ลานจอดรถสะดวก (ชายทะเลบริเวณนี้ ไม่มีหาดทราย และลงเล่นน้ำไม่ได้) การเดินทางมาบางปู หาง่าย เส้นทางไม่ซับซ้อน
ห่างออกไป ประมาณ: 4.3 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ป้อมพระจุลจอมเกล้า หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ป้อมพระจุล สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ในอำเภอพระสมุทรเจดีย์ สถานที่ควรค่าแห่งการจดจำ และร่วมรำลึกถึงเหตุการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ในอดีต บอกเล่าแก่ลูกหลาน และอนุชนคนรุ่นหลัง ให้ได้ศึกษาเรียนรู้เรื่องราวครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย ได้แวะกราบสักการะพระบรมรูป รัชกาลที่ 5 เดินชมป้อม หลุมปืน และปืนเสือหมอบ ที่ครั้งนึงเคยได้ร่วมยิงต้านเรือรบฝรั่งเศส ขึ้นชมเรือหลวงแม่กลอง เรือรบที่ใช้งานมายาวนานที่สุด
ห่างออกไป ประมาณ: 4.6 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ สถานที่ท่องเที่ยวในตำนานที่เป็นความทรงจำในวัยเด็กของหลายๆ คน สถานที่ท่องเที่ยวฮิตติดอันดับต้นๆ ของจังหวัดสมุทรปราการมานาน และเป็นหนึ่งในฟาร์มจระเข้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สถานที่สร้างความสุขให้กับครอบครัวในวันหยุด ไฮไล์ของที่นี่คือการแสดงโชว์การจับจระเข้ด้วยมือเปล่า การแสดงช้าง ให้อาหารสัตว์ ถ่ายรูปกับสัตว์ เช่นเสือ ลิงชิมแปนซี และการเดินดูสัตว์อื่นๆ การเดินทางมายังฟาร์มจระเข้ไม่ยาก มีหลายเส้นทาง มีป้ายบอกเป็นระยะๆ หากไม่มีรถส่วนตัว ก็มีรถประจำทางเข้ามาถึงหน้าฟาร์มจระเข้เลย
ห่างออกไป ประมาณ: 6.7 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรปราการ (Samutprakan City Pillar Shrine) หรือศาลเจ้าพ่อหลักเมืองปากน้ำ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่เคารพสักการะ เลื่อมใสศรัทธาของชาวเมืองสมุทรปราการ มีความผสมผสานทางวัฒนธรรม โดยมีเจ้าพ่อผู้คุ้มครองเมืองตามรูปแบบจีน และมีเสาหลักเมืองตามความเชื่อแบบพราหมณ์ฮินดู ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองตั้งอยู่ในเขตชุมชนเมืองปากน้ำ สามารถโดยสารรถประจำทางได้สะดวก
ห่างออกไป ประมาณ: 7.1 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
อุทยานการเรียนรู้ และหอชมเมืองสมุทรปราการ แลนด์มาร์คกลางเมืองสมุทรปราการ ศูนย์กลางข้อมูลเกี่ยวกับจังหวัดในทุกด้าน และจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแหล่งใหม่ ที่จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชม ภายในอาคารประกอบด้วยส่วนนิทรรศการ รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองสมุทรปราการไว้ทั้งหมด บนสุดเป็นหอคอย เป็นจุดสำหรับขึ้นชมทัศนียภาพเมือง มองเห็นลำน้ำเจ้าพระยา ไปจนถึงทะเลปากอ่าวไทย พื้นที่สีเขียวของบางกะเจ้า พระสมุทรเจดีย์ ป้อมผีเสื้อสมุทร ป้อมพระจุลจอมเกล้า พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ
ห่างออกไป ประมาณ: 7.3 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ป้อมผีเสื้อสมุทร (Phi Seur Samut Fort) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของชาติ ตั้งอยู่ในอำเภอพระสมุทรเจดีย์ ป้อมปืนเก่าแก่เกือบ 200 ปี มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 ที่ยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานได้เรียนรู้สถานที่จริงทางประวัติศาสตร์ ศึกษาระบบนิเวศริมชายฝั่งแม่น้ำ ทั้งยังได้เดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ ชมธรรมชาติ ชมค้างคาวแม่ไก่เกาะตามยอดไม้ ป้อมผีเสื้อสมุทรตั้งอยู่ในบริเวณที่รถยนต์เข้าไม่ถึง ต้องเดินจากองค์พระสมุทรเจดีย์ไป ซึ่งอยู่ในระยะไม่ไกลมากนัก หากจะนำจักรยานไปด้วยก็ไม่ลำบาก
ห่างออกไป ประมาณ: 7.8 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
พระสมุทรเจดีย์ หรือพระเจดีย์กลางน้ำ* ปูชนียสถานเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง มีมาตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่ 2 เป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัดสมุทรปราการ ศูนย์รวมแห่งจิตใจและจิตวิญญานของชาวปากน้ำ มีประวัติความเป็นมายาวนาน และเป็นเจดีย์ที่มีพระเจ้าแผ่นดิน 4 รัชกาลช่วยกันปรับปรุง ทำนุบำรุงรักษา จนได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ที่มีความผสมผสานทางสถาปัตยกรรมทั้งไทย จีน ยุโรป บริเวณองค์พระสมุทรเจดีย์จะมีงานเฉลิมฉลองประจำปีที่ยิ่งใหญ่ทุกปี งานแห่ผ้าห่มองค์พระเจดีย์ ที่มีมานานกว่า 180 ปี การเดินทางไปยังพระสมุทรเจดีย์สะดวก ทั้งรถยนต์ รถโดยสารประจำทาง และเรือข้ามฟาก
ห่างออกไป ประมาณ: 8.4 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ เป็นแหล่งรวบรวมและอนุรักษ์ อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ในกิจการทหารเรือ ที่เคยใช้งานจริงในกองทัพเรือไทย ทั้งยังจัดแสดงข้อมูลทางประวัติศาสตร์ เรือจำลองสมัยต่างๆ เพื่อเป็นการให้ความรู้ บอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เหมาะกับการพาครอบครัวมาเที่ยวชมในวันหยุด นักเรียนนักศึกษามาทัศนศึกษา เป็นการได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท เดินทางสะดวก มาโดยรถโดยสารก็ไม่ยุ่งยาก มีรถเมล์ผ่านหน้าพิพิธภัณฑ์หลายสาย
ร้านอาหารใกล้เคียง
ห่างออกไป ประมาณ: 0.3 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ร้านครัวบุญเลิศ เป็นร้านอาหารที่เป็นหนึ่งในร้านโปรดของหลายๆ คน ร้านมีขนาดกว้างขวาง เหมาะกับการรวมพล นัดพบปะ ทานข้าวกับครอบครัว นั่งสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนๆ จัดปาร์ตี้ งานเลี้ยง งานวันเกิด รับปริญญา งานบริษัท รวมถึงการจัดงานแต่งงานแบบครบวงจร ทางร้านมีที่จอดรถค่อนข้างกว้าง ให้บริการอาหารหลากหลาย มีดนตรีสด ห้องส่วนตัว ห้องคาราโอเกะ ร้านหาง่าย การเดินทางสะดวก เพราะอยู่ติดถนนใหญ่ และมีรถโดยสารสองแถวผ่านหลายสาย
ห่างออกไป ประมาณ: 0.9 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ร้านโพธิ์ทะเล ร้านอาหารเก่าแก่ย่านบางปูเปิดให้บริการมานานกว่า 10 ปี เป็นร้านใหญ่ ติดริมทะเลปากอ่าวไทย บรรยากาศสบายๆ ดูง่ายๆ สไตล์เป็นกันเอง ไม่หรูมาก นั่งรับลมทะเลใต้ร่มเงาไม้ได้เรื่อยๆ ชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น ร้านอยู่ในซอยติดกับวิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ และไมอามี่ เบย์ไซด์ หาไม่ยาก มีที่จอดรถ หากมารถยนต์ส่วนตัวจะสะดวกกว่า เพราะต้องเข้าซอย
ห่างออกไป ประมาณ: 1.1 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ร้านสายลม บางปู ร้านดังย่านบางปู (บางแสน 2) บรรยากาศริมทะเลปากอ่าวไทย ลมเย็นสบาย ร้านกว้างขวาง รองรับคนได้เยอะ มีที่ให้เดินเล่น ร้านตกแต่งสวยงามแปลกตา ออกสไตล์อาร์ต บวกกับความโรแมนติก เหมาะกับการหาที่ทานข้าวกับครอบครัว กับแฟน หรือกลุ่มเพื่อน มีมุมสวยๆ ของเก๋ๆ ให้ถ่ายรูปมากมาย ที่จอดรถสะดวก เดินทางมาง่าย หาไม่ยาก
ห่างออกไป ประมาณ: 1.2 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ร้านอ่าวบางปู ร้านอาหารบรรยากาศริมทะเลบางปู หรืออยู่ในย่านที่เรียกว่า บางแสน ไม่ไกลจากตัวเมืองปากน้ำ ร้านบรรยากาศรับลมทะเลธรรมชาติ สามารถเดินชมทะเลกว่าง เห็นวิวพระอาทิตย์ตก นั่งสบายๆ สไตล์เป็นกันเอง ไม่เน้นหรูหรา ร้านอยู่ติดกับถนนริมเขื่อนเลียบทะเล (เป็นถนนเล็กๆ คั่นระหว่างร้านกับชายทะเล) ร้านกว้างขวาง มีที่จอดรถสะดวก
ห่างออกไป ประมาณ: 1.3 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ร้านอาหารและกาแฟแม่คูซีน เป็นร้านอาหารเล็กๆ บรรยากาศริมทะเลปากอ่าวไทย บริเวณบางปู นั่งกินลม ชมพระอาทิตย์ตก นั่งได้สบายๆ รับลมธรรมชาติ ร้านจัดแต่งในสไตล์เท่ๆ ด้วยการนำของเก่ามาตกแต่งใหม่ แนวเอาใจวัยรุ่น และคนชอบถ่ายรูป เป็นร้านทานข้าวกับครอบครัว นั่งทานข้าวชิลๆ กับเพื่อน หรือชมทะเลกับคนรัก บริเวณร้านมีที่ให้เดินเล่นชมวิว ร้านหาไม่ยาก แต่หากไม่มีรถส่วนตัวอาจไม่ค่อยสะดวก เพราะต้องเข้าซอย
ห่างออกไป ประมาณ: 2.5 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ภัตตาคารชมทะเล ง้วนเฮง หนึ่งในร้านอาหารริมทะเลแถบบางปู เป็นที่รู้จักมานานกว่าสิบปี ห้องอาหารสไตล์ภัตตาคาร ราคามาตรฐาน เห็นวิวทะเลและพระอาทิตย์ตก เหมาะกับรับประทานอาหารกับครอบครัว สังสรรค์กับเพื่อนฝูง ทางร้านมีห้องจัดเลี้ยงมากมายหลายขนาด ส่วนใหญ่จึงนิยมมาจัดงาน จัดปาร์ตี้ งานเลี้ยงรุ่น ประชุมสัมมนา จัดงานวันเกิด งานแต่งงาน การเดินทางมาที่ร้านหาไม่ยาก มีป้ายบอกชัดเจน อยู่ไม่ไกลจากสถานตากอากาศบางปู
ห่างออกไป ประมาณ: 4.2 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ร้านสโมสรท้ายเรือหลวงแม่กลอง เป็นร้านอาหารเก่าแก่ที่มีมานานนับ 10 ปี อยู่ในบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้า หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ของอำเภอพระสมุทรเจดีย์ ร้านติดทะเลปากอ่าว บรรยากาศดี เห็นวิวปากแม่น้ำ ได้เดินเที่ยวชมเรือหลวงแม่กลอง ป้อมปืนเสือหมอบ พร้อมทั้งสามารถสักการะพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 นั่งพักผ่อนทานอาหาร ในราคามาตรฐาน เหมาะกับมากับครอบครัวในวันหยุด นัดเที่ยวกับกลุ่มเพื่อน แล้วแวะทานข้าวก่อนกลับ การเดินทางควรมีรถยนต์ส่วนตัว
ห่างออกไป ประมาณ: 4.4 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ร้านศาลาสุขใจ เป็นร้านอาหารในสถานตากอากาศบางปู สถานที่พักผ่อนสุดคลาสสิค ที่มีมากว่า 75 ปี ร้านอาหารที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่รุ่นเก่าก่อน กินปู ดูนก เต้นรำ ย่ำป่าชายเลน มีครบทุกอย่าง เหมาะกับครอบครัว รุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ เด็ก ผู้สูงวัยได้พักผ่อน เพื่อนได้นัดพบนัดเจอทานข้าว ทุกเย็นวันเสาร์ยังได้นัดกันมาเต้นรำเพื่อสุขภาพ บริเวณศาลาสุขใจ สามารถเดินชมวิวทะเลกว้าง ให้อาหารนกนางนวล (นกมีในช่วงฤดูหนาว)
ห่างออกไป ประมาณ: 5.3 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ร้านระเบียงทะเล ร้านอาหารดังย่านบางปูที่หลายคนแนะนำและชื่นชอบ ร้านตั้งอยู่แถวบางปูใหม่ บรรยากาศดี กว้างขวาง อยู่ใกล้ริมทะเล เดินเล่น ชมวิวสวยๆ ถ่ายรูปเล่น ชมพระอาทิตย์ตก ได้ความโรแมนติก เหมาะที่จะมากับแฟน ครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อนฝูง ร้านอยู่ไม่ไกลจากสถานตากอากาศบางปู เดินทางมาสะดวก มีที่จอดรถกว้างขวาง
ห่างออกไป ประมาณ: 6.6 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
เรือนเพชร 2 หรือสุกี้เรือนเพชร สาขาศรีนครินทร์ อยู่เยื้องกับโรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ เป็นหนึ่งในร้านอาหารสไตล์ภัตตาคารจีน และสุกี้โบราณสูตรไหหลำ รสชาติสุกี้ในตำนานสุดคลาสสิค ที่มีมานานกว่า 50 ปี สืบทอดมาหลายยุค ถูกปากคนหลายรุ่น (ผู้ใหญ่มักจะชอบ) เรือนเพชรสุกี้มีอยู่หลายสาขา ที่ศรีนครินทร์จะอยู่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ร้านกว้างขวาง เดินทางมาง่าย มีที่จอดรถสะดวก
ห่างออกไป ประมาณ: 7 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ครัวปีกไม้ เป็นร้านกึ่งสวนอาหาร ตั้งอยู่ริมถนนศรีนครินทร์ ร้านนี้เป็นที่รู้จักของคนปากน้ำ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ชอบบรรยากาศร้าน นั่งทานข้าวแบบสบายๆ ผ่อนคลายหลังเลิกงาน ได้นัด ทานข้าวกับเพื่อนๆ หรือกับครอบครัว ฟังดนตรีสดบรรเลงเพลงเก่า เพลงร่วมสมัย ที่ช่วยให้นั่งได้เพลินๆ ร้านนี้หาง่าย อยู่ริมถนน เดินทางไปได้สะดวก และภายในร้านมีที่จอดรถ
ห่างออกไป ประมาณ: 7.3 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
สวนอาหารสมพงศ์ หรือ สมพงศ์ซีฟู้ด เป็นร้านเก่าแก่ของเมืองปากน้ำ ตั้งอยู่บนถนนศรีนครินทร์ ลักษณะร้านเป็นสไตล์สวนอาหารกึ่งภัตตาคาร ที่นั่งได้สบายๆ เหมาะกับการหาที่ทานข้าวกับครอบครัว หรือเป็นสถานที่พบปะ นัดเจอกลุ่มเพื่อนฝูง ร้านอยู่ติดถนนใหญ่ หาง่าย เดินทางสะดวก และภายในร้านมีที่จอดรถ
ห่างออกไป ประมาณ: 7.4 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ร้านริมเขื่อน เป็นร้านอาหารที่คนปากน้ำมักจะแนะนำบอกต่อ ร้านอยู่ในย่านตัวเมืองปากน้ำ ที่อยู่ริมถนนในซอย ไม่ได้อยู่ริมเขื่อนหรือริมน้ำเหมือนชื่อแต่อย่างใด ลักษณะร้านจัดวางแบบง่ายๆ (สไตล์ร้านข้าวต้มรอบดึก) เอาใจคนชอบทานซีฟู้ด และคนที่ชอบทานอาหารราคาประหยัด ได้รสชาติอาหารถูกปาก โดยไม่เน้นบรรยากาศ หรือความหรูหรา ​ทางร้านเปิดขายตั้งแต่ช่วงบ่าย ไปจนถึงดึก เหมาะกับการมานั่งทานหลังเลิกงาน หรือทานอาหารเย็นกับครอบครัว ร้านหาไม่ยาก อยู่ใกล้แยกศาลากลาง มีรถไฟฟ้า และรถโดยสารประจำทางผ่านหลายสาย
ห่างออกไป ประมาณ: 7.9 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ร้านบ้านเมษา ร้านอาหารวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ก่อนเข้าตัวเมืองปากน้ำ (ร้านไม่ได้อยู่ที่บางปูนะ) ใกล้กับโรงเรียนนายเรือ และพิพิธภัณฑ์ทหารเรือ เป็นร้านที่บรรยากาศดี ได้มุมมองและวิวที่แปลกตา ตอนกลางวันนั่งชมเรือสินค้าลำใหญ่แล่นเข้า-ออกปากแม่น้ำ ช่วงเย็นมองพระอาทิตย์ลับฟ้า นั่งรับลมสบายๆ ช่วงค่ำชมวิวองค์พระสมุทรเจดีย์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม (ยิ่งช่วงที่มีการประดับไฟพระสมุทรเจดีย์ตอนกลางคืนยิ่งสวยมาก) การเดินทางมาร้านไม่ยุ่งยาก อยู่ติดถนน ร้านมีที่จอดรถ
ห่างออกไป ประมาณ: 7.9 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ร้านเพ็ญ ร้านอาหารขนาดย่อม บนถนนศรีนครินทร์ ถือเป็นอีกร้านดังของเมืองปากน้ำ ที่หลายคนมักจะนึกถึง และติดใจในรสชาติอาหาร ความเป็นที่นิยมของร้านมาจากเมนูที่ไม่ค่อยเหมือนกับที่อื่นๆ โดยเฉพาะ ปลาเต๋าเต้ย หม้อไฟ ที่หาทานได้ยากในย่านนี้ ร้านเพ็ญ ตั้งอยู่ริมถนน หาง่าย เดินทางสะดวก มีที่จอดรถ
ห่างออกไป ประมาณ: 8.4 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ร้านรสสุคนธ์ เป็นหนึ่งในร้านเก่าแก่ของเมืองปากน้ำ ร้านนี้เดิมเคยตั้งอยู่บริเวณเรือนจำเก่า (ปัจจุบันกลายเป็นหอชมเมืองไปแล้ว) จึงเป็นที่รู้จักคุ้นเคยของชาวปากน้ำเป็นอย่างดี ต่อมาเมื่อย้ายไปอยู่ริมถนนศรีนครินทร์ ก็ยังคงมีลูกค้าที่ติดใจในรสชาติอาหารแบบไทยๆ ติดตามไปเป็นลูกค้าประจำอยู่เสมอ บรรยากาศของร้านเป็นแบบสบายๆ ไม่อึกทึกนัก จึงเหมาะกับการมาทานข้าวกับครอบครัว ได้ลิ้มรสอาหารที่คุ้นลิ้น ถูกปากถูกใจคนทุกวัย ร้านหาไม่ยาก ตั้งอยู่ริมถนน เดินทางสะดวก และด้านในมีที่จอดรถ
ห่างออกไป ประมาณ: 8.6 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ครัวปูหลน ร้านอาหารดังสมุทรปราการฝั่งพระประแดง ที่คนพื้นที่รู้จักกันดี อยู่ในเขตแหลมฟ้าผ่า ใกล้ที่ว่าการอำเภอพระสมุทรเจดีย์ ร้านบรรยากาศชายทุ่ง ริมบึง นั่งลมโกรก เย็นสบาย ราคาไม่แพง ขับรถแยกจากถนนสายหลักเข้าไปตามเส้นทางไปวัดสาขลา และวัดขุนสมุทรจีน สะดวกสำหรับคนมีรถ หน้าร้านมีที่จอดรถริมทาง
ห่างออกไป ประมาณ: 9.1 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ครัวโพธิ์ทะเล เป็นร้านอาหารบรรยากาศสบายๆ ในตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ ร้านนี้เปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เน้นอาหารซีฟู้ดสดใหม่ ราคาเป็นกันเอง ลักษณะ ร้านเป็นแบบง่ายๆ สบายๆ สไตล์ริมบ่อกุ้ง บึงปลา รับลมธรรมชาติ นั่งชมวังกุ้ง วังปลา อยู่ริมทางไปวัดสาขลา เข้าทางเทศบาลตำบลแหลมฟ้าผ่า สะดวกสำหรับคนที่มีรถยนต์ส่วนตัว
ห่างออกไป ประมาณ: 9.8 กิโลเมตร
* วัดจากเส้นตรง ไม่ใช่เส้นถนน
ร้านส้มตำดนตรี ร้านอาหารอีสานชื่อดังระดับจังหวัดที่คนสมุทรปราการรู้จักกันแทบทุกคน ปัจจุบันมีหลายสาขา ที่คนนิยมไปกันมากคือ ถนนเทพารักษ์ และ ถนนสายลวด เป็นร้านถูกปากสำหรับสาวกส้มตำ อาหารสไตล์อีสาน อาหารประเภทปลา และซีฟู้ดด้วย แวะชิมรสชาติแซบถูกปาก ราคามาตรฐาน ใกล้สาขาไหน แวะทานสาขานั้นได้เลย ร้านติดถนนใหญ่ เดินทางสะดวก
Tourism Authority of Thailand    Amazing Thailand     Pattaya Concierge     ChonHub     Kanchanaburi dot Co
Copyright © 2016 - 2024 | Ceediz.Com Contact: info@ceediz.com, info.ceediz@gmail.com