สวนสุขภาพลัดโพธิ์ เป็นสวนสาธารณะบริเวณใต้สะพานภูมิพล ในย่านพระประแดง สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ผู้คนได้มานั่งเล่น เดินเล่น แวะให้อาหารปลา ชวนกันมาวิ่งออกกำลังกาย ชมวิวสะพานภูมิพล เรียนรู้เรื่องราวความเป็นมาของสะพานภูมิพล และชุมชนย่านพระประแดง นอกจากนี้ภายในสวนสุขภาพ มีพิพิธภัณฑ์วงแหวนอุตสาหกรรม ทั้งยังเป็นจุดนัดพบของชาวนักปั่น นัดกันเที่ยวในช่วงวันหยุด การเดินทางมายังสวนสุขภาพลัดโพธิ์ ไม่ซับซ้อน และมีลานจอดรถในบริเวณนี้ด้วย
สวนสุขภาพลัดโพธิ์ อยู่บริเวณใต้สะพานภูมิพล* ติดกับคลองลัดโพธิ์** ในตำบลทรงคนอง อำเภอพระประแดง (ทางฝั่งธน) อยู่ไม่ไกลจากท่าน้ำพระประแดง
* สะพานภูมิพล หรือบางคนก็เรียกว่า สะพานวงแหวนอุตสาหกรรม เป็นสะพานเดียวกัน สร้างขึ้นเพื่อข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาจากฝั่งพระประแดง ไปยังถนนพระราม 3 และ ถนนปู่เจ้าสมิงพราย
** คลองลัดโพธิ์ เป็นคลองที่เชื่อมลำน้ำเจ้าพระยาทางตอนเหนือกับตอนใต้ในบริเวณคุ้งบางกะเจ้า เป็นจุดที่มีประตูระบายน้ำตามโครงการพระราชดำริ ในการแก้ปัญหาน้ำท่วม
สวนสุขภาพลัดโพธิ์ ดำเนินงานโดยกรมทางหลวงชนบท จัดพื้นที่บริเวณใต้สะพานวงแหวนอุตสาหกรรมช่วงคลองลัดโพธิ์ ให้เป็นสวนสาธารณะสะอาดตา มีพื้นที่สีเขียว บึงบ่อน้ำให้ความรู้สึกสดชื่น เด็กๆ ได้มาให้อาหารปลา ปูสนามหญ้า ปลูกไม้ดอก ไม้ประดับเพิ่มความร่มรื่น พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นลานกว้าง อากาศโปร่งโล่งปอด เหมาะกับการเข้ามาวิ่งออกกำลังกาย เดินเล่นชมสวน ชมวิวสะพาน ถ่ายรูปสวยๆ ภายในสวนสุขภาพจัดวางเครื่องออกกำลังกายต่างๆ ไว้บริเวณริมบึง มีโต๊ะเก้าอี้วางไว้เป็นจุดๆ อยู่กลางแจ้งบ้าง ในร่มศาลาบ้าง
พื้นที่รอบสวนสาธารณะ ล้อมด้วยรั้วโปร่ง เมื่อผ่านประตูด้านหน้าเข้าไป จะเป็นเส้นทางตรงสู่พระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 สำหรับคนที่มาวิ่งออกกำลังกาย มีเส้นทางให้คนได้เดิน-วิ่งออกกำลังกาย ตั้งแต่เริ่มเข้าประตู ซ้ายมือมีเส้นทางลู่วิ่งสีเขียว แบ่งเป็น 2 ระยะ เส้นทางระยะสั้น 400 เมตร คดโค้งวนรอบบึงหนึ่งรอบ หากต้องการวิ่งออกกำลังแบบยาวๆ ก็มีเส้นทางรอบใหญ่ ระยะทาง 1.45 กิโลเมตร ตลอดริมทางประดับโคมไฟสนามทรงฝาชีช่องแสงดัดโค้ง รูปแบบระฆัง ให้อารมณ์สไตล์วินเทจสวยงาม
สวนสุขภาพลัดโพธิ์ เหมาะกับการมาพักผ่อน พาครอบครัวและเด็กๆ มาเดินเล่น ชมวิวทิวทัศน์สะพานภูมิพล มีทางเดินริมคลองลัดโพธิ์ (แบบมีหลังคาคลุมตลอดทาง ไม่ร้อน) ให้ชมประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ ภายในสวนมีบึงเพิ่มความรู้สึกสดชื่น ให้อาหารปลา นั่งเล่นรับลมได้โดยรอบ สำหรับคนที่รักการถ่ายภาพ สะพายกล้องมองหามุมสวยๆ ถ่ายรูปไปอวดเพื่อนๆ ได้หลายจุด นอกจากนี้สวนสุขภาพลัดโพธิ์ ยังประกอบด้วยสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ อีกหลายจุด ได้แก่
แผ่นหินแกะสลักพระบรมสาทิศลักษณ์
เป็นแผ่นป้ายพระบรมราโชวาท ทำจากแผ่นหินแกะสลักนูนต่ำ จัดวางไว้ริมสองข้างทางเดิน ตั้งแต่ทางเข้าจนถึงพระบรมรูป บนแผ่นสลักพระบรมสาทิศลักษณ์ แสดงข้อความพระบรมราโชวาท ที่ทรงเคยพระราชทานไว้แก่นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปในวาระต่างๆ เพื่อเป็นหลักในการดำเนินชีวิต 9 ข้อ ได้แก่
1. ความเพียร (ความเพียร ต้องใช้ความอดทน ไม่ย่อท้อในการทำสิ่งดีงาม)
"… การสร้างสรรค์ตนเอง การสร้างบ้านเมืองก็ตาม มิใช่ว่าสร้างในวันเดียว ต้องใช้เวลา ต้องใช้ความเพียร ต้องใช้ความอดทนเสียสละ แต่สำคัญที่สุดคือความอดทน คือไม่ย่อท้อ ไม่ย่อท้อในสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่ดีงามนั้น ทำมันน่าเบื่อ บางทีเหมือนว่าไม่ได้ผล ไม่ดัง คือดูมันครึ ทำดีนี้ขอรับรองว่า การทำให้ดีไม่ครึต้องมีความอดทน เวลาข้างหน้าจะเห็นผลแน่นอน ในความอดทนของตนเอง ..." พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักเรียน นักศึกษา ครู และอาจารย์ ในโอกาสเข้าเฝ้า วันที่ 27 ตุลาคม 2516
2. ความพอดี (ความพอดี ไม่ทำเกินฐานะและกำลัง ไม่เร่งรีบจนเกินไป)
"… ในการสร้างตัว สร้างฐานะนั้น จะต้องถือหลักค่อยเป็นค่อยไป ด้วยความรอบคอบระมัดระวัง และความพอเหมาะพอดี ไม่ทำเกินฐานะและกำลัง หรือทำด้วยความเร่งรีบ เมื่อมีพื้นฐานแน่นหนารองรับพร้อมแล้ว จึงค่อยสร้าง ค่อยเสริม ความเจริญก้าวหน้าในระดับสูงขึ้น ตามต่อกันไปเป็นลำดับ ผลที่เกิดขึ้นจึงจะแน่นอน มีหลักเกณฑ์เป็นประโยชน์แท้ และยั่งยืน ..." พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ 18 ธันวาคม 2540
3. ความรู้ตน (การรู้ตน รู้ตัว ทำให้เป็นคนมีระเบียบ และประสบความสำเร็จ)
"… เด็กๆ ทำอะไรต้องหัดให้รู้ตัว การรู้ตัวอยู่เสมอ จะทำให้เป็นคนมีระเบียบ และคนที่มีระเบียบดีแล้ว จะสามารถเล่าเรียนและทำการงานต่างๆ ได้โดยถูกต้องรวดเร็ว จะเป็นคนที่สร้างความสำเร็จและความเจริญให้แก่ตนเอง และส่วนรวมในอนาคต ได้อย่างแน่นอน ..." พระบรมราโชวาท พระราชทานลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็ก ประจำปี 2521
4. คนเราจะต้องรับ และจะต้องให้ (คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ด้วยจิตใจที่เผื่อแผ่)
"… คนเราจะเอาแต่ได้ไม่ได้ คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ หมายความว่าต่อไปและเดี๋ยวนี้ ด้วยเมื่อรับของสิ่งใดมา ก็ต้องพยายามให้ ในการให้นั้น ให้ได้โดยพยายามที่จะสร้างความสามัคคีให้หมู่คณะและในชาติ ทำให้หมู่คณะและชาติประชาชนทั้งหลาย มีความไว้ใจซึ่งกันและกันได้ ช่วยที่ไหนได้ก็ช่วย ด้วยจิตใจที่เผื่อแผ่โดยแท้ ..." พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ 20 เมษายน 2521
5. อ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ (สุภาพชน ต้องรักษามารยาท รู้จักสัมมาคารวะ ไม่แข็งกระด้าง)
"… ในวงสังคมนั้นเล่า ท่านจะต้องรักษามารยาทอันดีงาม สำหรับสุภาพชน รู้จักสัมมาคารวะ ไม่แข็งกระด้าง มีความอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ พร้อมจะเสียสละประโยชน์ส่วนตัวเพื่อส่วนรวม ..." พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 25 มิถุนายน 2496
6. พูดจริง ทำจริง (พูดอย่างไร ทำอย่างนั้น จะได้รับความสำเร็จ ความศรัทธาเชื่อถือ ความยกย่องสรรเสริญ)
"… ผู้หนักแน่นในสัจจะพูดอย่างไร ทำอย่างนั้น จึงได้รับความสำเร็จพร้อมทั้งความศรัทธาเชื่อถือ และความยกย่องสรรเสริญ จากคนทุกฝ่าย การพูดแล้วทำคือ พูดจริงทำจริง จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมเกียรติคุณของบุคคลให้เด่นชัด และสร้างเสริมความดี ความเจริญให้เกิดขึ้นทั้งแก่บุคคล และส่วนรวม ..." พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 10 กรกฎาคม 2540
7. หนังสือเป็นออมสิน (หนังสือเป็นเหมือนธนาคารความรู้ และออมสิน ที่สร้างความก้าวหน้า)
"… หนังสือเป็นการสะสมความรู้ และทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ได้สร้างมา ทำมา คิดมา แต่โบราณกาลจนถึงทุกวันนี้ หนังสือจึงเป็นสิ่งสำคัญ เป็นคล้ายๆ ธนาคารความรู้ และเป็นออมสิน เป็นสิ่งที่จะทำให้มนุษย์ก้าวหน้าได้โดยแท้ ..." พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะสมาชิกห้องสมุดทั่วประเทศ ในโอกาสเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท วันที่ 25 พฤศจิกายน 2514
8. ความซื่อสัตย์ (ความซื่อสัตย์สุจริต เป็นพื้นฐานของความดี)
"… ความซื่อสัตย์สุจริต เป็นพื้นฐานของความดีทุกอย่าง เด็กๆ จึงต้องฝึกฝนอบรมให้เกิดมีขึ้นในตนเอง เพื่อจักได้เติบโตขึ้นเป็นคนดีมีประโยชน์ และมีชีวิตที่สะอาด ที่เจริญมั่นคง ..." พระบรมราโชวาท พระราชทานลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็ก ประจำปี 2531
9. การเอาชนะใจตน (การเอาชนะใจตน คือการข่มใจไม่ทำสิ่งที่ชั่ว กล้าที่จะทำสิ่งที่ดี เพื่อความถูกต้องและเป็นธรรม)
"… ในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องข่มใจไม่กระทำสิ่งใดๆ ที่เรารู้สึกด้วยใจจริงว่าชั่ว ว่าเสื่อม เราต้องฝืนต้องต้านความคิด และความประพฤติทุกอย่างที่รู้สึกว่าขัดแย้งกับธรรมะ เราต้องกล้าและบากบั่นที่จะกระทำสิ่งที่เราทราบว่าเป็นความดี เป็นความถูกต้องและเป็นธรรม ถ้าเราร่วมกันทำเช่นนี้ให้ได้จริงๆ ให้ผลของความดีบังเกิดมากขึ้นๆ ก็จะช่วยค้ำจุนส่วนรวมไว้ มิให้เสื่อมลงไป และจะช่วยให้พื้นคืน ดีขึ้นได้เป็นลำดับ ..." พระบรมราโชวาท พระราชทานเพื่อเชิญไปอ่าน ในพิธีเปิดการประชุมยุวพุทธิกสมาคมทั่วประเทศ ครั้งที่ 12 ที่จังหวัดอยุธยา วันที่ 12 ธันวาคม 2513
พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 9
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ โดยมีพระราชประสงค์ที่จะจัดสร้างพระบรมรูปของพระองค์เอง ทรงมอบหมายให้ อาจารย์กิตติชัย ตรีรัตน์วิชชา (เกีย) เป็นผู้ออกแบบ และถวายงานปั้นดินเหนียวต้นแบบ ในพระราชอิริยาบถ "ทรงงาน" ทรงพระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์ต้นแบบ เป็นผู้ตรวจสอบและให้ข้อมูลในส่วนประกอบทุกรายละเอียด เช่น รุ่นกล้องที่ทรงใช้งาน วิทยุสื่อสารพกพาขณะทรงงาน ฉลองพระบาท โดยให้กรมทางหลวงจัดสร้างแท่นประดิษฐานไว้ ณ บริเวณสวนสุขภาพลัดโพธิ์ ใกล้กับสะพานภูมิพล และคลองระบายน้ำลัดโพธิ์
พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 9 ตั้งอยู่บนแท่นฐานบนเนินสูง ด้านหลังโอบล้อมรอบด้วยกำแพงที่ดีไซน์เป็นทรงโค้งลาดรับกับพระบรมรูป เหนือกำแพงปูด้วยกระเบื้องสีเหลืองทำเป็นสันสไลด์ไปตามขอบ เมื่อมองมุมสูง จะเห็นภาพประกอบกันเป็นเลข 9 ไทย ตามลำดับรัชกาลของพระองค์ ด้านหน้าพระบรมรูป เป็นลานสำหรับถวายสักการะ เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน
พระบรมรูปประทับยืนทรงงาน สร้างเป็นรูปหล่อโลหะ มีความสูง 2.30 เมตร ในลักษณะสวมฉลองพระองค์เชิ้ตด้านใน ทับด้วยสูทด้านนอก ปกเสื้อสูทด้านซ้าย ติดเข็มกลัดมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมสิ่งของประจำพระองค์ที่ทรงใช้เป็นประจำในขณะทรงงาน ปากกระเป๋าเสื้อที่อกด้านซ้าย เหน็บดินสอประจำพระองค์ เป็นดินสอธรรมดา และดินสอตรวจงาน แบบมีสีน้ำเงิน-แดงในแท่งเดียวกัน (สำหรับทำเครื่องหมายบนแผนที่) ส่วนกระเป๋าเสื้อด้านล่างขวา พกวิทยุสื่อสารประจำพระองค์ พระศอ(คอ) คล้องกล้องถ่ายภาพคู่พระหัตถ์ ในลักษณะพร้อมทรงฉายภาพ ข้างพระวรกายเป็นแผนที่ที่พระองค์ทรงทำขึ้นเหน็บไว้ตลอดเวลา นับเป็นภาพที่ประชาชนทั่วไปมักจะเห็นคุ้นตา ขณะเสด็จพระราชดำเนินไปในที่ต่างๆ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จแทนพระองค์ เพื่อหล่อพระบรมรูป ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศน์วิหาร เมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ.2556 แล้วเสร็จเมื่อเดือนพฤษภาคม และอัญเชิญพระบรมรูปขึ้นประดิษฐานยังแท่นฐาน พร้อมมีพิธีบรรจุแผ่นศิลาจารึกพระราชทาน ในวันที่ 1 สิงหาคม ในปีเดียวกัน
พิพิธภัณฑ์วงแหวนอุตสาหกรรม
** ปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์วงแหวนอุตสาหกรรม หรือพิพิธภัณฑ์คลองลัดโพธิ์ ได้ปิดการบริการ เพื่อปรับปรุงอาคาร จึงยังไม่สามารถเปิดให้เข้าชมได้จนกว่าจะซ่อมแซมแล้วเสร็จ (แต่ในอนาคตอาจให้เข้าชมเฉพาะหมู่คณะ ที่ติดต่อเข้ามาเท่านั้น)
พิพิธภัณฑ์วงแหวนอุตสาหกรรม หรือพิพิธภัณฑ์คลองลัดโพธิ์ ตั้งอยู่ด้านหลังพระบรมราชานุสาวรีย์ จากกำแพงเลข 9 จะมีช่องเจาะกำแพงไว้ให้เดินทะลุไปด้านหลังได้
อาคารพิพิธภัณฑ์ อยู่บนพื้นที่ 840 ตารางเมตร สร้างเป็นสถาปัตยกรรมร่วมสมัยแบบไทย-รามัญ หลังคาซ้อนชั้นขึ้นไปเป็นยอดสูง ด้านหน้าทางเข้ามีลานบ่อน้ำพุ ทางเดินขึ้นไปยังลานน้ำพุ เป็นบันไดเตี้ยๆ ประดับรูปปั้นมนุษย์สิงห์* 1 คู่ ไว้ที่เชิงบันได
* มนุษย์สิงห์ หรือ มนุษย์สีหะ เป็นตัวปั้นมีลักษณะครึ่งคนครึ่งสิงห์ ส่วนบนมีหัวเป็นมนุษย์ สวมเครื่องทรง ศีรษะสวมชฎา มี 4 ขาอยู่ในท่าหมอบนั่ง ขาคู่หน้ามีลักษณะเหมือนแขนยันพื้นไว้ ส่วนสองขาหลังนั่งยองแบบหมอบ และมีเล็บเท้าแบบสิงห์ ส่วนใหญ่จะพบหุ่นปั้นนี้ในวัดมอญ จะพบมากในประเทศพม่า ส่วนเรื่องราวความเป็นมาของมนุษย์สิงห์ หนึ่งในตำนานความเชื่อมาจากเรื่องสิงห์ไถ่บาป
ตำนานเรื่องสิงห์ไถ่บาป
… มีราชสีห์ตัวหนึ่งลักพาพระธิดาของกษัตริย์ ซึ่งมีลูกเล็กๆ ติดไปด้วย 2 คน เป็นหญิง 1 ชาย 1 ราชสีห์เลี้ยงดูพระธิดา และเด็กทั้ง 2 ด้วยความรัก แต่เมื่อเด็กทั้ง 2 โตขึ้น ลูกชายพา แม่ และ น้องสาวหนีกลับเข้าเมืองมนุษย์ ราชสีห์ตามมาด้วยความโกรธ เมื่อพบปะผู้คนก็กัดตายไปมากมาย กษัตริย์ในเมืองนั้นจึงประกาศหาคนไปปราบราชสีห์ ลูกชายรับอาสา แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะราชสีห์ได้ เพราะทุกครั้งที่ยิงศรไป ศรนั้นก็พุ่งผิดพลาด จนกระทั่งในที่สุด ราชสีห์บันดาลโทสะ อ้าปากจะขู่คำราม ลูกชายจึงยิงธนูเข้าปากราชสีห์ได้รับความเจ็บปวด และถึงแก่ความตาย
ต่อมาเจ้าลูกชายนั้นได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ครองเมืองแห่งนั้น เกิดอาการปวดหัวอย่างมาก รักษาเท่าไหร่ก็ไม่หาย โหรหลวงได้ทำนายว่า เป็นเพราะเคยฆ่าผู้มีพระคุณมาก่อน ต้องสร้างรูปบูชาเป็นรูปราชสีห์และกราบไหว้เป็นประจำจึงจะหายขาด กษัตริย์องค์นั้นเกิดความละอายที่จะต้องไหว้รูปสัตว์ จึงให้สร้างรูปปั้นราชสีห์ในลักษณะของมนุษย์สิงห์ และตั้งไว้ที่หน้าวัด ทุกครั้งที่ยกมือไหว้พระในวัด ก็ต้องหันหน้าเข้าวัด ทำให้ดูเหมือนกำลังไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดอยู่ การสร้างรูปราชสีห์ไว้ที่หน้าวัดจึงกลายเป็นประเพณีจากนั้นมา (ตำนานของสิงห์อาจมีแตกต่างไปอีกหลายเรื่อง)
ภายในอาคารพิพิธภัณฑ์ เป็นห้องโถงติดแอร์ แบ่งเป็น 3 ส่วน คือโถงตรงกลาง โถงฝั่งซ้าย และโถงฝั่งขวา
ห้องนิทรรศการส่วนกลาง จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้านคมนาคม ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชประวัติ ห้องฉายวีดีทัศน์ เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค เพื่อเปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ และสะพานภูมิพล
ห้องนิทรรศการฝั่งซ้าย จัดแสดงประวัติชาวมอญในพระประแดง ภาพเก่าในอดีต การเข้ามาตั้งรกรากของชาวมอญในพระประแดง วัดมอญ ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี การละเล่น ความเชื่อของชาวมอญ เป็นการใช้สื่อรูปแบบอินเตอร์แอคทีฟ (interactive media) เรียนรู้ด้วยแสง สี เสียง อย่างทันสมัย มีห้องฉายภาพยนต์ จัดแสดงการแต่งกายของชาวมอญ ผ้าที่ชาวมอญใช้ โบราณวัตถุ เครื่องมือเครื่องใช้ เช่น หนังสือมอญ เครื่องแก้ว ถ้วยชาม เครื่องจักรสาน เป็นต้น
ห้องนิทรรศการฝั่งขวา จัดแสดงโครงการถนนวงแหวนอุตสาหกรรม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นการให้ข้อมูลความรู้ ด้านเทคโนโลยีการก่อสร้างสะพานวงแหวนอุตสาหกรรม แสดงภาพถ่ายขั้นตอนการสร้างสะพาน จนกระทั่งเสร็จสมบูรณ์ ภาพพระราชพิธีวางศิลาฤกษ์ โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เสด็จมาเปิดพิธีเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.2543 รวมถึงการจัดแสดงตัวอย่างวัสดุจริงที่ใช้ในการสร้างสะพาน เช่น ลวดที่ใช้ขึงสะพาน ข้อมูลด้านวิศวกรรมของสะพานภูมิพล 1 และภูมิพล 2 แผนผังแสดงตำแหน่งที่อยู่ของสะพาน ข้อมูลสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นต้น
ข้อแนะนำ
- มีลานจอดรถ อยู่ฝั่งตรงข้ามประตูทางเข้าหลักด้านหน้าสวนสุขภาพลัดโพธิ์
- ตอนกลางวันแดดค่อนข้างร้อน ควรสวมหมวก หรือทาครีมกันแดดไปด้วย
- หากเข้าชมเป็นหมู่คณะ ควรติดต่อล่วงหน้า
จุดจอดรถสวนสุขภาพลัดโพธิ์ (ประตูจุดจอดรถเปิด 5.00 - 21.00 น.)
- ประตู 4 เป็นลานจอดรถ อยู่ตรงข้ามประตูทางเข้าหลัก (ประตู 1) จอดได้ 50-60 คัน (ไม่เสียค่าใช้จ่าย) มีสุขาให้บริการ
- ประตู 3 เป็นจุดจอดรถ สุดถนนด้านหลังสวนสุขภาพลัดโพธิ์
- ประตู 2 เป็นประตูทางเข้า ที่ไม่สามารถนำรถยนต์เข้าไปจอดได้ (มีเฉพาะที่จอดมอเตอร์ไซค์ได้) จุดนี้ใกล้กับอาคารพิพิธภัณฑ์ หากจอดรถยนต์ สามารถจอดริมฟุตบาทข้างทางได้
* ประตู 1 เป็นทางเข้าด้านหน้า ที่ไม่สามารถนำรถทุกชนิดเข้าไปจอดได้
เวลาเปิดให้บริการเข้าชมพิพิธภัณฑ์
เฉพาะวันศุกร์ และวันเสาร์ เวลา 10.00 - 18.00 น. (เปิด 2 วัน)
สถานที่น่าสนใจบริเวณใกล้เคียง
- ประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์
- วัดคันลัด
- วัดทรงธรรมวรวิหาร
การเดินทาง
ห่างจากตลาดพระประแดง 800 เมตร
ห่างจากวัดโปรดเกศเชษฐาราม 2 กิโลเมตร
ห่างจากตลาดบางน้ำผึ้ง 5 กิโลเมตร
สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ 7 กิโลเมตร
เส้นทางรถยนต์
เส้นทาง ถนนสุขสวัสดิ์ -> เลี้ยวเข้าพระประแดง (ถนนนครเขื่อนขันธ์) -> เลี้ยวเข้าถนนเพชรหึงษ์
1 | ใช้เส้นทางถนนสุขสวัสดิ์ มุ่งหน้าไปทางพระประแดง พอผ่านแยกขึ้นสะพานภูมิพลไปหน่อย จึงเลี้ยวซ้ายเข้า อ.พระประแดง |
2 | เมื่อเลี้ยวซ้ายมาแล้ว (ถนนนครเขื่อนขันธ์) ตรงตามทางไปราว 1 กิโลเมตร ผ่านซุ้มประตูเมืองนครเขื่อนขันธ์ ตลาดพระประแดง แล้วถนนจะบังคับเลี้ยวซ้าย |
3 | เลี้ยวซ้ายมาแล้ว (ถนนเพชรหึงษ์) ตรงไปเรื่อยๆ ผ่านสี่แยกตรงหอนาฬิกาไปหน่อย ซ้ายมือจะเป็นสวนสุขภาพลัดโพธิ์ ลานจอดรถจะอยู่ทางขวามือตรงข้ามกัน |
* หากใช้ทางด่วนเฉลิมมหานคร ตามป้ายบอกทางดาวคะนองมาเรื่อยๆ พอข้ามสะพานพระราม 9 (สะพานแขวน) ชิดซ้าย ออกถนนสุขสวัสดิ์ จากนั้นตรงไปอีกไม่ไกล จะเป็นแยกพระประแดง จึงเลี้ยวซ้ายเข้าอำเภอพระประแดง
** หากใช้วงแหวนอุตสาหกรรม สะพานภูมิพล (จากถนนปู่เจ้าสมิงพราย หรือ ถนนพระราม 3) ตามป้ายลงถนนสุขสวัสดิ์ จากนั้นตามป้ายพระประแดง พอเลี้ยวเข้าถนนสุขสวัสดิ์ไปไม่ไกล ก็เป็นแยกพระประแดงแล้ว เลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าอำเภอพระประแดง
*** หากใช้ถนนกาญจนาภิเษก (จากทั้งฝั่งตะวันออก และตะวันตก) ออกถนนสุขสวัสดิ์ จากนั้นตามป้ายพระประแดง
เส้นทาง ถนนสุขสวัสดิ์ -> เลี้ยวไปทางสะพานภูมิพล -> ถ.พระราชวีริยาภรณ์ -> ถนนทรงธรรม -> ถนนเพชรหึงษ์
1 | ใช้เส้นทางถนนสุขสวัสดิ์ มุ่งหน้าพระประแดง จากนั้นเลี้ยวซ้ายตามป้ายบอกทางไปสะพานภูมิพล 1, 2 |
2 | เมื่อเลี้ยวแล้ว ตรงเลาะเลนซ้ายไปเรื่อยๆ (ไม่ขึ้นสะพาน) ตามป้าย ถ.พระราชวีริยาภรณ์ ซึ่งจะมาสุดตรงสามแยก จากนั้นเลี้ยวซ้าย (มีป้ายบอกทางไปสวนสุขภาพลัดโพธิ์) |
3 | พอเลี้ยวซ้ายไปไม่ไกลนัก จะเจอสี่แยกตรงหน้าวัดไพชยนต์พลเสพย์ แยกนี้เลี้ยวขวา (ตามป้ายตลาดบางน้ำผึ้งไปเรื่อยๆ) |
4 | เลี้ยวขวามาแล้วจะเป็นถนนทรงธรรม จากนั้นใช้ถนนเส้นหลักนี้ไปตลอดจนสุดทาง พอผ่านวัดทรงธรรม เป็นสามแยกรูปตัวที (T) จึงเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชรหึงษ์ ตรงไปอีกไม่ไกลนัก สวนสุขภาพลัดโพธิ์อยู่ทางซ้ายมือ |
เส้นทาง ถนนราษฎร์บูรณะ -> ถ.พระราชวีริยาภรณ์ -> ถนนทรงธรรม -> ถนนเพชรหึงษ์
1 | ใช้เส้นทางถนนราษฎร์บูรณะ จากแยกบุคคโล มุ่งหน้าไปทางสมุทรปราการ ผ่านบิ๊กซีราษฎร์บูรณะ ธ.กสิกรไทยสาขาใหญ่ วัดรวก ตรงไปเรื่อยๆ เส้นทางจะเชื่อมต่อกับ ถ.พระราชวีริยาภรณ์ และ ถนนทรงธรรม ตามเส้นทางหลักไปจนผ่่านวัดทรงธรรม จากนั้นจะเป็นสามแยก จึงเลี้ยวซ้าย แล้วตรงไปอีกไม่ไกลนัก สวนสุขภาพลัดโพธิ์อยู่ทางซ้ายมือ |
รถโดยสารประจำทาง (ดูรายละเอียด เส้นทางรถประจำทาง)
รถเมล์
- ขึ้นรถเมล์ที่เข้าไปยังท่าน้ำพระประแดง รถเมล์สายที่ผ่าน ได้แก่ สาย 6, 82, 138 (สาย 138 คันที่เขียนว่าเข้าท่าน้ำพระประแดง) ลงรถสุดสายที่ท่าน้ำพระประแดง จากนั้นเดินต่อไปอีกไม่ไกล
- หากนั่งรถเมล์สาย 140 (ทางด่วน), 142 (ทางด่วน) พอรถลงจากทางด่วนแล้ว ให้ลงรถเมล์ป้ายแรก (เรียกว่าป้ายวัดสน) แล้วต่อรถเมล์สาย 82, 138 ตรงป้ายนั้น ลงรถสุดสายที่ท่าน้ำพระประแดง จากนั้นเดินต่อไปไม่ไกล
เรือข้ามฟาก (ดูรายละเอียด เรือข้ามฟาก)
- ลงเรือข้ามฟาก ท่าพระราม 3 - ท่าลัดโพธิ์ จะถึงสวนสาธารณะเลย (เป็นท่าเรือสำหรับ มอเตอร์ไซค์ + จักรยาน + คน)
- ลงเรือข้ามฟากจากท่าเรือตรงสุดถนนปู่เจ้าสมิงพราย (ท่าเรือเภตรา) มาขึ้นท่าน้ำพระประแดง แถวหน้าที่ว่าการอำเภอพระประแดง จากนั้นเดินตรงตามถนนไปทางหน้าตลาด เลี้ยวขวาข้างร้านแว่นท็อปเจริญ เดินไปราว 800 เมตร สวนสุขภาพอยู่ซ้ายมือ (เป็นท่าเรือสำหรับ รถยนต์ + มอเตอร์ไซค์ + จักรยาน + คน)
- ลงเรือข้ามฟาก ท่าเรือสาธุประดิษฐ์ - ท่าคลองลัดหลวง (เรียก ท่าวัดโปรดเกศเชษฐาราม) จากนั้นเดิน หรือนั่งรถต่อไปอีกหน่อย (เป็นท่าเรือสำหรับ จักรยาน + คน)
ข้อมูลการติดต่อ สวนสุขภาพลัดโพธิ์
เวลาเปิดประตูสวนสุขภาพ
ทุกวัน 5.00 - 21.00 น.
ที่อยู่ ศูนย์ควบคุมวงแหวนอุตสาหกรรม ถนนเพชรหึงษ์ ตำบลทรงคนอง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ 10130
โทร. 02-464-2057-60