ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองพระประแดง (Phra Pradaeng City Pillar Shrine) เป็นศาลหลักเมืองแห่งเดียวที่ประดิษฐานองค์พระพิฆเนศเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจ ความศรัทธาของชาวพระประแดง และชาวปากน้ำ แต่ละวันจะมีผู้คนมากราบสักการะ ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล ความสำเร็จ สมปรารถนา และช่วยขจัดปัดเป่าความไม่ดีในชีวิต ศาลหลักเมืองตั้งอยู่ในบริเวณตลาดพระประแดง ใกล้ศาลพระเสื้อเมือง และป้อมแผลงไฟฟ้า การเดินทางสะดวก ทั้งทางรถยนต์ รถโดยสารประจำทาง และเรือข้ามฟาก
ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองพระประแดง ตั้งอยู่ในตลาดพระประแดง หรือบนถนนนครเขื่อนขันธ์ บริเวณด้านหลังหลังที่ว่าการอำเภอ ตรงบริเวณศาลเจ้า รถต่างๆ ไม่สามารถเข้าถึงได้ หากนำรถมา แนะนำให้จอดไว้ในที่ว่าการอำเภอพระประแดง หรือสถานีตำรวจ แล้วค่อยเดินเข้าไป หากโดยสารรถเมล์ หรือ เรือข้ามฟาก ก็เดินทางมาได้สะดวก
ศาลหลักเมืองอันเก่าแก่แห่งนี้ สร้างขึ้นพร้อมเมืองพระประแดง เมื่อปี พ.ศ.2358 (กว่า 200 ปีมาแล้ว) ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 เป็นการตั้งศาลประจำเมือง โดยทำพิธีฝังอาถรรพ์เสาหลักเมือง ไว้เมื่อวันศุกร์ เดือน 7 แรม 10 ค่ำ ปีกุน (พ.ศ.2358) เสาหลักเมืองมีลักษณะเป็นเสาสี่เหลี่ยมจตุรัส ก่ออิฐถือปูน ทาด้วยสีแดง ต่อมาได้อัญเชิญองค์พิฆเนศมาประทับไว้ด้านบน จึงทำให้ปัจจุบันไม่เห็นส่วนที่เป็นเสาหลักเมืองแล้ว
อาคารศาลหลักเมืองที่นี่ค่อนข้างมีความพิเศษกว่าที่อื่น ตรงที่มีความผสมผสานทางวัฒนธรรมของหลายเชื้อชาติ เป็นการแสดงถึงความหลอมรวมของคนต่างเชื้อชาติในพื้นที่ ได้แก่ไทย จีน มอญ มุสลิม ภายในศาลมีการตกแต่งด้วยศิลปะของหลายชาติ นำมาประกอบกันไว้อย่างกลมกลืน โดยมีองค์เจ้าพ่อหลักเมืองเป็นพระพิฆเนศ องค์เทพตามความเชื่อของศาสนาฮินดู บุษบกที่ประทับองค์พระพิฆเนศเป็นบุษบกยอดแหลมในแบบไทยผสมรามัญ การประดับลวดลายฉลุเชิงชายคาแบบมอญ การแขวนโคมและแผ่นป้ายตามลักษณะของจีน เป็นต้น
* การตั้งศาลหลักเมืองนั้น เป็นโบราณราชประเพณีในการสร้างเมือง ที่จะตั้งศาลหลักเมืองไว้ในเมืองที่เป็นเมืองใหญ่ หรือเมืองที่มีอายุเก่าแก่ เพื่อมอบให้เป็นขวัญของเมือง ศูนย์รวมจิตใจของคนในเมืองนั้นๆ การที่จังหวัดสมุทรปราการมีศาลหลักเมืองทั้งฝั่งปากน้ำและฝั่งพระประแดงนั้น เป็นเพราะในสมัยรัชการที่ 2 ได้ทรงโปรดฯ ให้สร้างเมืองไว้ในบริเวณอำเภอพระประแดง ที่เรียกว่า "เมืองนครเขื่อนขันธ์" จึงได้ทำการตั้งศาลหลักเมืองเพื่อเป็นขวัญของเมืองด้วยเช่นกัน
สำหรับคนที่มาศาลหลักเมืองพระประแดงอาจจะรู้สึกแปลกใจว่า ซุ้มประตูทางเข้าที่อยู่บริเวณริมถนนนครเขื่อนขันธ์ มีลักษณะเป็นแบบจีน ทั้งๆ ที่ภายในศาลหลักเมือง มีเจ้าพ่อหลักเมืองเป็นพระพิฆเนศ ทั้งนี้เนื่องจากในยุคแรกๆ ของการสร้างเมือง ชาวจีนที่มาค้าขายอยู่ในบริเวณตลาดพระประแดง ได้มีแรงศรัทธาในการร่วมกันปรับปรุงบูรณะซุ้มทางเข้าเพื่อฉลองครบรอบ 200 ปี เมืองนครเขื่อนขันธ์ และเป็นการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 พระชนมายุครบ 88 พรรษา
เมื่อเดินเข้าไปถึงบริเวณอาคารศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ประตูทางเข้าศาลแต่ละทิศจะมีเทพเทวดาอารักษ์ประจำอยู่ ได้แก่ พระอินทร์ พระแม่ธรณีบีบมวยผม ท้าวเวสสุวรรณ และท้าววิรุฬปักษ์ คุ้มครองอยู่
พระพิฆเนศหลักเมือง
องค์พระพิฆเนศ ณ ศาลหลักเมืองพระประแดง ทำจากหินแกะสลัก ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี เป็นลักษณะพระพิฆเนศ อยู่ในท่านั่งขัดสมาธิ ประทับบนอาสนะแบบมีพนักด้านหลัง วางอยู่บนแท่นฐานหินรูปกลีบบัว องค์พระพิฆเนศมีขนาดไม่ใหญ่มาก เป็นองค์เรียบๆ ไม่มีลวดลายเครื่องทรง พระหัตถ์ขวาด้านหน้าถืองาหัก วางอยู่บนพระเพลา(ตัก)ขวา พระหัตถ์ซ้ายถือขนมโมทะกะ วางพระหัตถ์บนพระเพลาซ้าย พระหัตถ์อีกคู่แนบอยู่ข้างพระกรรณ(หู)ถืออาวุธ ฝั่งขวาถือตรีศูล และซ้ายถือบ่วงบาศ แต่เดิมนั้นองค์พระพิฆเนศประทับอยู่บันเสาหลักเมืองที่ยังมองเห็นเสาหลักเมืองได้ ภายหลังได้ปิดทับส่วนที่เป็นเสาสี่เหลี่ยมด้านล่างจนไม่สามารถเห็นได้แล้ว องค์พระพิฆเนศ ประทับอยู่ภายในบุษบก ที่มียอดลดหลั่นเป็นชั้น ประดับตกแต่งด้วยลวดลายแบบไทย
ภายในศาลหลักเมือง นอกจากองค์พระพิฆเนศแล้ว ยังมีเทวรูป และรูปเคารพอื่นๆ อีกมากมาย โดยผสมผสานหลักความเชื่อ ทั้งแบบไทย จีน และฮินดู องค์เทพตามหลักศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เช่น องค์พระพิฆเนศ (เทพแห่งความสำเร็จ) หนูมุสิกะ (บริวารของพระพิฆเนศ) พระแม่ลักษมีเทวี (เทวีแห่งความร่ำรวย ความงาม ความรัก) พระศิวะ (เทพผู้คอยขับไล่สิ่งชั่วร้าย และความทุกข์ทั้งหลาย) พระแม่อุมาเทวี พระพรหม (ผู้ประทานพรให้สมหวัง) ศิวลึงก์ องค์จตุคามรามเทพ นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปตามหลักศาสนาพุทธ เช่น หลวงพ่อพุทธโสธรจำลอง พระสยามเทวาธิราช และพระพุทธรูปปางต่างๆ ส่วนองค์เทพในแบบจีนนั้น ได้แก่ เทพเจ้ากวนอู พระโพธิสัตว์กวนอิมปางพันมือ เจ้าพ่อเสือ เจ้าพ่อเห้งเจีย เป็นต้น
ยิ่งไปกว่านั้น ภายในศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ยังมีชิ้นส่วนของกระดูกกะโหลกจระเข้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เล่าขานกันมาว่า ในช่วงเวลาที่ประกอบพิธีฝังศาลหลักเมืองพระประแดง ขณะนั้นได้มีครอบครัวจระเข้ 5 ตัว ว่ายทวนแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นมาตายบริเวณนี้ ชาวบ้านจึงเชื่อว่า จระเข้ทั้ง 5 ตัวนี้ ได้ยอมสละชีวิตเพื่อบูชาแก่ศาลหลักเมือง ชาวบ้านจึงได้นำหัวจระเข้ทั้ง 5 มาวางไว้ที่ศาลหลักเมืองนี้ด้วย
สำหรับผู้ที่มาอธิษฐานขอพร หรือต้องการถวายเครื่องบูชา** ต่อองค์พระพิฆเนศประจำหลักเมืองพระประแดง ทางศาลหลักเมือง มีเครื่องบูชาจำหน่าย จัดไว้เป็นชุด ซึ่งประกอบด้วยผลไม้จำพวกกล้วย อ้อย มะพร้าว ดอกดาวเรือง ธูปเทียน และแผ่นทองสำหรับปิดที่องค์พระพิฆเนศ
** ผู้ที่ต้องการถวายเครื่องบูชาองค์พระพิฆเนศ อาจเตรียมมาเองก็ได้ สิ่งที่นิยมถวาย ได้แก่ ดอกไม้สด (เช่นดอกบัว กุหลาบ มะลิ ดาวเรือง) น้ำสะอาด (น้ำเปล่าเป็นขวดหรือแก้ว) นมสด (ควรใช้นมจืด) ผลไม้สด (กล้วย อ้อย สาลี่ ชมพู่ มะพร้าว มะม่วง สับปะรด) ขนมหวาน (ไม่ควรเป็นขนมที่ผสมของคาว ขนมควรเป็นขนมจำพวกแป้ง เช่น โมทะกะลาดู ขนมชั้น ขนมถ้วยฟู) กำยานเครื่องหอม เป็นต้น
งานแห่เจ้าพ่อหลักเมืองพระประแดง
งานแห่เจ้าพ่อหลักเมืองพระประแดง นับเป็นหนึ่งในงานประเพณีประจำปีของชาวพระประแดง จัดขึ้นทุกวันที่ 2 มิถุนายน ซึ่งตรงกับวันสร้างเมืองนครเขื่อนขันธ์ ทางอำเภอพระประแดง จึงมีงานพิธี จัดงานแห่องค์เจ้าพ่อหลักเมือง มีจัดริ้วขบวนแห่พระพิฆเนศองค์จำลองไปรอบเมือง โดยมีพระสงฆ์ร่วมสวดแบบไทยในขบวน มีการตีกลอง และเชิดสิงโตแบบจีน งานแห่นึ้ มีนักเรียน ข้าราชการและประชาชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ริ้วขบวนแห่จะเดินไปตามถนนศรีเขื่อนขันธ์ จากที่ว่าการอำเภอ ไปจนถึงสามแยกพระประแดง แล้ววนกลับมาที่เดิม
สถานที่น่าสนใจบริเวณใกล้เคียง
- ศาลพระเสื้อเมือง
- ป้อมแผลงไฟฟ้า
- วัดทรงธรรมวรวิหาร
การเดินทาง
ห่างจากศาลพระเสื้อเมือง 150 เมตร
ห่างจากป้อมแผลงไฟฟ้า 450 เมตร
ห่างจากวัดทรงธรรมวรวิหาร 500 เมตร
ห่างจากตลาดบางน้ำผึ้ง 6 กิโลเมตร
เส้นทางรถยนต์
เส้นทาง ถนนสุขสวัสดิ์ -> เลี้ยวเข้าอำเภอพระประแดง (ถนนศรีเขื่อนขันธ์)
1 | ใช้เส้นทางถนนสุขสวัสดิ์ มุ่งหน้าไปทางพระประแดง พอเส้นทางผ่านแยกขึ้นสะพานภูมิพลไปไม่ไกลนัก จะเป็นสามแยกพระประแดง มีป้ายบอกทางเลี้ยวซ้ายไป อ.พระประแดง จึงเลี้ยวซ้ายตรงแยกนี้ |
2 | เมื่อเลี้ยวซ้ายมาแล้ว (เป็นถนนนครเขื่อนขันธ์) ตรงตามถนนเส้นนี้ไปราว 1 กิโลเมตร จะผ่านซุ้มประตูเมืองนครเขื่อนขันธ์ จากนั้นจะเป็นตลาดพระประแดง ซุ้มทางเข้าศาลหลักเมือง (ซุ้มสไตล์จีน) จะอยู่ทางขวามือ ให้ขับรถตรงผ่านเลยไปก่อน ถนนจะบังคับเลี้ยวซ้าย |
3 | เลี้ยวซ้ายไปสักระยะ จะมีสี่แยกเล็ก (เป็นซอยศรีเขื่อนขันธ์ 1 มีป้ายบอกเลี้ยวขวาไปอำเภอพระประแดง) ให้เลี้ยวขวาตรงนี้ แล้วเลี้ยวขวาอีกทีนึงเพื่อเข้าสู่ถนนริมน้ำ |
4 | จากนั้นตรงย้อนไปอีกไม่ไกล ซ้ายมือเป็นท่าเรือข้ามฟาก ขวามือเป็นที่ว่าการอำเภอพระประแดง นำรถเข้าไปจอดได้ แล้วค่อยเดินไปศาลหลักเมือง |
* หากใช้ทางด่วนเฉลิมมหานคร ตามป้ายบอกทางดาวคะนองมาเรื่อยๆ พอข้ามสะพานพระราม 9 (สะพานแขวน) ชิดซ้าย ออกถนนสุขสวัสดิ์ จากนั้นตรงไปอีกไม่ไกล จะเป็นแยกพระประแดง จึงเลี้ยวซ้ายเข้าอำเภอพระประแดง
** หากใช้วงแหวนอุตสาหกรรม สะพานภูมิพล (จากถนนปู่เจ้าสมิงพราย หรือ ถนนพระราม 3) ตามป้ายลงถนนสุขสวัสดิ์ จากนั้นตามป้ายพระประแดง พอเลี้ยวเข้าถนนสุขสวัสดิ์ไปไม่ไกล ก็เป็นแยกพระประแดงแล้ว เลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าอำเภอพระประแดง
*** หากใช้ถนนกาญจนาภิเษก (จากทั้งฝั่งตะวันออก และตะวันตก) ออกถนนสุขสวัสดิ์ จากนั้นตามป้ายพระประแดง
รถโดยสารประจำทาง (ดูรายละเอียด เส้นทางรถประจำทาง)
รถเมล์
- ขึ้นรถเมล์ที่เข้าไปยังท่าน้ำพระประแดง รถเมล์สายที่ผ่าน ได้แก่ สาย 6, 82, 138 (สาย 138 คันที่เขียนว่าเข้าท่าน้ำพระประแดง) มาลงป้ายตลาดพระประแดง จากนั้นเดินตรงต่อไปอีกหน่อย จะเห็นซุ้มประตูทางเข้าศาลหลักเมืองทางขวามือ (ฝั่งเดียวกับตลาด)
- หากนั่งรถเมล์สาย 140 (ทางด่วน), 142 (ทางด่วน) พอรถลงจากทางด่วนแล้ว ให้ลงรถเมล์ป้ายแรก (เรียกว่าป้ายวัดสน) แล้วต่อรถเมล์สาย 82, 138 ตรงป้ายนั้น ไปลงรถที่ตลาดพระประแดง
เรือข้ามฟาก (ดูรายละเอียด เรือข้ามฟาก)
- แนะนำให้นั่งเรือข้ามฟากจากท่าเรือเภตรา* (ตรงถนนปู่เจ้าสมิงพราย) จะมาขึ้นตรงท่าน้ำพระประแดง แถวหน้าที่ว่าการอำเภอพระประแดง จากนั้นเดินตรงตามถนนไปจนถึงหน้าตลาด จะเห็นซุ้มทางเข้าศาลหลักเมืองทางซ้ายมือ
* ท่าเรือนี้มีแพขนานยนต์ เป็นแพใหญ่ที่นำรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ จักรยาน ขึ้นแพข้ามฟากมาได้ มาขึ้นฝั่งพระประแดงตรงหน้าสถานีตำรวจ ขึ้นมาแล้วเลี้ยวขวาไปหน่อย จึงเลี้ยวซ้ายเข้าไปจอดรถไว้ในที่ว่าการอำเภอพระประแดง แล้วค่อยเดินไป
ข้อมูลการติดต่อ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองพระประแดง
เวลาเปิด 6.00 - 18.00 น.
ที่อยู่ ตำบลตลาด อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ 10130
โทร (ไม่มีข้อมูล)