วัดไพชยนต์พลเสพย์ราชวรวิหาร วัดไทย-รามัญในอำเภอพระประแดง ที่เคยมีความรุ่งเรืองมาตั้งแต่ครั้งต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ภายในวัดมีสถาปัตยกรรมที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ศิลปกรรมเก่าแก่ และจิตรกรรมโบราณที่ทรงคุณค่า สิ่งที่เด่นที่สุดคือบุษบกยอดปรางค์ที่เคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ภายในพระอุโบสถ เป็นงานช่างสกุลวังหน้า ที่หาชมได้ยาก การเดินทางมาเที่ยวชมวัด มาได้หลายเส้นทาง ทั้งทางรถยนต์ หรือจะนั่งเรือข้ามฟากมาก็ได้
วัดไพชยนต์พลเสพย์ ตั้งอยู่ในบริเวณชุมชนพระราชวิริยาภรณ์ ซอย 8 ถนนราชวิริยาภรณ์ ตำบลบางพึ่ง อำเภอพระประแดง วัดอยู่ติดคลองลัดหลวง ตรงข้ามฝั่งคลองกับวัดโปรดเกศเชษฐาราม หากเข้าจากถนนสุขสวัสดิ์ จะถึงวัดไพรชยนต์ฯ จะถึงก่อนวัดโปรดเกศฯ แต่ถ้ามาจากตลาดพระประแดง จะถึงวัดโปรดเกศฯ ก่อน
วัดไพชยนต์พลเสพย์ เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร แต่เดิมชาวบ้านเรียกว่า วัดปากลัด เพราะตั้งอยู่บริเวณปากคลองลัดหลวง บ้างก็เรียกว่า วัดวังหน้า หรือวัดกรมศักดิ์ก็มี วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ในปี พ.ศ.2362 ซึ่งพระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นศักดิพลเสพ* เป็นแม่กอง มาดำเนินการสร้างเมืองนครเขื่อนขันธ์ ป้อมปราการ และขุดคลองลัด ให้เสร็จลุล่วงจากที่ค้างไว้ เมื่อกรมหมื่นศักดิพลเสพสร้างเมืองเสร็จ ท่านจึงได้สร้างวัดขึ้นด้วย และเรียกวัดนี้ว่า วัดกรมศักดิ์ แต่ชาวบ้านมักจะเรียกว่า วัดวังหน้า (ตามตำแหน่งของพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นศักดิพลเสพ) ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพระราชทานนามให้วัดใหม่ว่า วัดไพชยนต์พลเสพย์ โดยคำว่า "ไพชยนต์" มีความหมายถึงบุษบกยอดปรางค์ที่อยู่ภายในพระอุโบสถ ส่วนคำว่า "พลเสพ" นำมาจากคำท้ายชื่อของกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ
* พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นศักดิพลเสพ หรือ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ (พ.ศ.2328 - 2375) เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 (เป็นลูกพี่ลูกน้องกับรัชกาลที่ 2) ทรงรับราชการในรัชกาลที่ 2 ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 ทรงดำรงตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (ผู้มีสิทธิ์ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์องค์ต่อไป)
เมื่อผ่านซุ้มประตูเข้ามาภายในเขตวัด จะเป็นบริเวณสำหรับประกอบพิธีฌาปณกิจ และศาลาสวดพระอภิธรรม จากนั้นจะมีลานจอดรถกว้าง จากลานจอดรถหากตรงไปจนสุดทาง เป็นบริเวณที่มีต้นไม้ร่มรื่นริมคลองลัด และมีเส้นทางเลี้ยวไปยังเขตพุทธาวาส ที่ตั้งของพระอุโบสถ พระวิหาร รอยพระพุทธบาท บุษบก และหลวงพ่อเนตร
พระอุโบสถ และพระวิหาร จะตั้งอยู่เคียงคู่อยู่ในอาณาเขตเดียวกัน โดยหันหน้าไปทางคลองลัดหลวงที่อยู่ทิศตะวันออก หากยืนหันหน้าเข้าหาอาคารทั้ง 2 ซ้ายมือจะเป็นวิหาร ส่วนขวามือเป็นพระอุโบสถ มีกำแพงแก้วล้อมรอบอาคารทั้ง 2 ไว้ มุมกำแพงแก้วมีวิหารคดอยู่ทั้ง 4 มุม ด้านหลังโบสถ์และวิหาร ประกอบด้วยเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง ตั้งเรียงกัน 3 องค์
บริเวณโบสถ์ วิหาร และพระเจดีย์ มีกำแพงประดับช่องลมลวดลายจีน ซุ้มประตูกำแพงประดับลายปูนปั้น บานประตูเป็นภาพวาดเทพผู้พิทักษ์ในแบบจีน ด้านนอกกำแพงประดิษฐานพระพุทธรูปอริยาบทนั่ง ปางประธานพร และมีตุ๊กตาสิงห์แบบจีนประดับอยู่
พระอุโบสถ
พระอุโบสถของวัด สร้างแบบก่ออิฐถือปูน มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมสไตล์จีน ตามแบบพระราชนิยมรัชกาลที่ 3 หลังคาไม่มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันประดับด้วยลวดลายดอกไม้ ที่ประดิษฐ์จากเครื่องถ้วยชาม เครื่องเคลือบ ประกอบกับการแต่่งด้วยปูนปั้น เป็นลวดลายพรรณพฤกษาอ่อนช้อย แต้มสีสันตัดกันกับพื้นสีขาวดูโดดเด่นสวยงาม ตรงกลางหน้าบันประดับด้วยแจกันเคลือบแบบจีน ตกแต่งด้วยช่อดอกไม้ประหนึ่งว่าปักอยู่ในแจกัน ขอบฐานด้านล่างของหน้าบันตกแต่งด้วยเครื่องเคลือบชิ้นเล็กชิ้นน้อย เป็นลายนูนสูง เป็นแนวโขดหิน วิวทิวทัศน์ และสัตว์มงคลตามตามแบบศิลปกรรมจีน เช่น ลิง ไก่ ม้า วัว นก เป็นต้น
ซุ้มประตูหน้าต่างภายนอกโบสถ์ ประดับด้วยเครื่องเคลือบและปูนปั้นลงสี ประกอบกันเป็นลวดลายดอกไม้ โดยเฉพาะกรอบด้านบนทำเป็นลายนูนสูงให้เห็นช่อดอกไม้บานแบบมีมิติ ส่วนบานประตูหน้าต่างแต่งด้วยลายรดน้ำเป็นลายพฤกษา ต้นไม้ และสัตว์หิมพานต์ ใบเสมาของโบสถ์เป็นแบบติดผนัง ไม่มีซุ้มเสมา
ภายในพระอุโบสถ ประดิษฐานพระประธานปูนปั้นบุทอง ปางมารวิชัย ประทับอยู่ในบุษบกยอดปรางค์* ทำจากไม้สักแกะสลักประดับด้วยกระจกสี ถือเป็นงานชิ้นเอกของสกุลช่างวังหน้า บุษบกทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสหลังใหญ่ มีจตุรมุข คือซุ้มเล็กๆ (มุข) ยื่นออกมาทั้ง 4 ด้าน แต่ละมุขเอียงสอบเข้ามาตรงกลางตามลักษณะการเข้าไม้แบบช่างไทย หลังคาหน้ามุข 2 ชั้น ทรงจั่ว หันหน้าออกด้านนอก ประกอบด้วยช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ และหน้าบันสลักเป็นลายเครือเถาก้านแย่ง ส่วนของเรือนยอดบนบุษบกทำเป็นหลังคาลดหลั่นลงมา 5 ชั้น แต่ละชั้นมีซุ้มบันแถลง ส่วนยอดนั้นทำเป็นยอดปรางค์ ตามแบบศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ภายในซุ้มจตุรมุขประดิษฐานพระพุทธรูปในพุทธลักษณะเดียวกัน ขนาดหน้าตัก 1 ศอก 4 นิ้ว (ประมาณ 60 เซนติเมตร) ประจำอยู่ทุกด้าน ฝาผนังและเสาภายในโบสถ์ ติดวอลเปเปอร์ ลวดลายเดียวกันกับลวดลายผนังในพระที่นั่งอมรินทร์วินิจฉัย (ที่อยู่ในเขตพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ) ส่วนจิตรกรรมฝาผนังเป็นสีน้ำแสดงเรื่องราวพุทธประวัติ พุทธชาดก และไตรภูมิพระร่วง
* บุษบก ในที่นี้เป็นเรือนเครื่องทรงสูง ลักษณะคล้ายกับพระมณฑปย่อส่วน มีซุ้มหลังคาซ้อนชั้นขึ้นไป ลดหลั่นจนเป็นยอดแหลม หรืออาจทำเป็นยอดปรางค์ (แทนที่จะเป็นยอดปลายแหลม จะทำเป็นยอดทู่ๆ แบบพระปรางค์แทน) แต่ละชั้นหลังคาประดับด้วยบันแถลง (มีลักษณะเหมือนหน้าบันเล็กๆ ที่ประกอบด้วยช่อฟ้า ใบระกาเล็กๆ ด้วย)
บุษบกยอดปรางค์หลังนี้ มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 โดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท (น้องของรัชกาลที่ 1) โปรดให้สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระพระพุทธสิหิงค์ ครั้งที่ทรงอัญเชิญองค์พระลงมาจากเชียงใหม่ โดยนำมาไว้ยังพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ภายหลังสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทเสด็จทิวงคต พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงเกรงว่าอาจมีโจรมาขโมยทรัพย์สินมีค่าไป จึงโปรดให้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ ไปประดิษฐานไว้ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) แต่ก็ไม่ได้นำบุษบกนี้ไปด้วย กระทั่งสมัยรัชกาลที่ 3 กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ (ลูกรัชกาลที่ 1) จึงขอบุษบกนี้มาประดิษฐานพระประธาน ณ วัดไพชยนต์พลเสพย์แทน
พระวิหาร
พระวิหาร เป็นอาคารที่มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมแบบเดียวกันกับพระอุโบสถ ต่างกันที่ด้านหน้าและหลังของวิหารมีมุขยื่นออกมา มุขด้านหน้าประดิษฐานพระพุทธรูปปางถวายเนตร* หรือที่เรียกกันว่า หลวงพ่อเนตร ขนาดความสูง 1 วา 9 นิ้ว (ราว 2.22 เมตร) เป็นที่เคารพบูชาของชาวพระประแดงเป็นอย่างมาก ภายในซุ้มหลวงพ่อเนตรด้านในประดับกระจกสี และปูนปั้นลวดลายดอกไม้ ส่วนมุขด้านหลังพระวิหาร ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง บานประตูหน้าต่างของพระวิหาร เป็นลวดลายลงรักปิดทองสวยงาม
* พระปางถวายเนตร เป็นพระพุทธรูปประจำวันเกิดของคนเกิดวันอาทิตย์ พุทธลักษณะอยู่ในอริยาบทยืน ลืมพระเนตรทั้ง 2 เพ่งมองไปข้างหน้า พระหัตถ์ทั้งสองเหยียดลงมาประสานกันข้างหน้าระหว่างพระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวาวางอยู่บนพระหัตถ์ซ้าย เป็นอาการที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้พระอนุตรสัมโพธิญาณแล้ว ยืนทอดพระเนตรต้นพระศรีมหาโพธิ์โดยไม่กระพริบพระเนตรเลย เป็นเวลา 7 วัน
ภายในพระวิหาร ประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 1 วา 16 นิ้ว (ประมาณ 2.4 เมตร) เบื้องซ้ายและขวาขององค์พระ มีพระอัครสาวก พระโมคคัลลานะ และพระสารีบุตร ผนังโดยรอบวิหารเป็นจิตรกรรมฝาผนังที่มีความเก่าแก่ ทรงคุณค่า ด้านหลังพระประธานวาดเป็นภาพแสดงคติความเชื่อเรื่องไตรภูมิ สัตบริภัณฑ์คีรี ป่าหิมพานต์ และทวีปทั้งสี่ ส่วนผนังด้านตรงข้ามพระประธาน เป็นเรื่องท้าวมหาชมพู ทั้งยังเจาะผนังเป็นซุ้ม ประดิษฐานพระพุทธรูปอริยบทนั่ง หน้าตักกว้างประมาณ 16 นิ้ว จำนวนทั้งสิ้น 44 องค์ ภายในพระวิหารยังเป็นที่เก็บพระพุทธรูป โบราณวัตถุ และประติมากรรมเก่าแก่ เช่น ตู้ลายรดน้ำ พระพุทธรูปโบราณต่างๆ เป็นต้น พระวิหารนี้ โดยทั่วไปจะไม่ได้เปิดให้เข้าชม นอกจากมีงาน หรือมีหน่วยงานราชการ สถาบันศึกษา แสดงความจำนงค์ในการขอเข้าเยี่ยมชมในรูปการทัศนศึกษา
สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด
- บุษบกยอดปรางค์ ภายในพระอุโบสถ
- หลวงพ่อเนตร หน้าพระวิหาร
- รอยพระพุทธบาท หลังพระวิหาร
- พระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ กรมพระราชวังบวรสถานมงคล
ข้อแนะนำ
- หากต้องการเข้าชมวิหาร ควรติดต่อล่วงหน้า ปกติจะไม่ได้เปิดให้เข้าชมภายใน
- หากนั่งเรือข้ามฟาก ท่าสาธุประดิษฐ์ - คลองลัดหลวง เรือจะมาขึ้นหลังวัดโปรดเกศเชษฐาราม สามารถเดินมาที่วัดไพชยนต์พลเสพย์ได้
การเดินทาง
ห่างจากวัดโปรดเกศเชษฐาราม 400 เมตร
ห่างจากตลาด / ท่าเรือพระประแดง 2 กิโลเมตร
ห่างจากตลาดบางน้ำผึ้ง 6 กิโลเมตร
เส้นทางรถยนต์
เส้นทาง ถนนสุขสวัสดิ์ -> เลี้ยวไปทางสะพานภูมิพล -> ถ.พระราชวีริยาภรณ์
1 | ใช้เส้นทางถนนสุขสวัสดิ์ มุ่งหน้าพระประแดง จากนั้นเลี้ยวซ้ายตามป้ายบอกทางไปสะพานภูมิพล 1, 2 |
2 | เมื่อเลี้ยวแล้ว ตรงเลาะเลนซ้ายไปเรื่อยๆ (ไม่ขึ้นสะพาน) ตามป้าย ถ.พระราชวีริยาภรณ์ ซึ่งจะมาสุดตรงสามแยก จากนั้นเลี้ยวซ้าย (มีป้ายบอกทางไปสวนสุขภาพลัดโพธิ์) |
3 | พอเลี้ยวซ้ายไปไม่ไกลนัก จะเจอสี่แยก ให้ตรงเข้าซุ้มประตูทางเข้าวัดไป ตรงไปราว 300 เมตร ก็จะเข้าสู่บริเวณวัด |
* หากใช้ทางด่วนเฉลิมมหานคร ตามป้ายบอกทางดาวคะนองมาเรื่อยๆ พอข้ามสะพานพระราม 9 (สะพานแขวน) ชิดซ้าย ออกถนนสุขสวัสดิ์ จากนั้นตรงไปไม่ไกล จึงเลี้ยวซ้ายตามป้ายทางขึ้นสะพานภูมิพล (แต่ไม่ขึ้นสะพาน)
เส้นทาง ถนนราษฎร์บูรณะ -> ถ.พระราชวีริยาภรณ์
1 | ใช้เส้นทางถนนราษฎร์บูรณะ* จากแยกบุคคโล มุ่งหน้าไปทางสมุทรปราการ ผ่านบิ๊กซีราษฎร์บูรณะ ธ.กสิกรไทยสาขาใหญ่ วัดรวก ตรงไปเรื่อยๆ เส้นทางจะเชื่อมต่อกับ ถ.พระราชวีริยาภรณ์ ซึ่งทางเข้าวัดไพรชยนต์ จะอยู่ทางซ้ายมือ |
* ถนนราษฏร์บูรณะ เป็นถนนเลียบชายฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ถนน 6 เลน แบบมีเกาะกลาง มีระยะทางสั้นๆ ประมาณ 5 กิโลเมตร ต่อมาจากถนนเจริญนคร (กรุงเทพฯ) เส้นทางจะตรงเชื่อมต่อกับ ถนนพระราชวีริยาภรณ์ (สมุทรปราการ)
รถโดยสารประจำทาง (ดูรายละเอียด เส้นทางรถประจำทาง)
รถเมล์
- นั่งรถเมล์สาย 6 มาทางสมุทรปราการ ผ่านบิ๊กซีราษฎร์บูรณะ ธ.กสิกรไทยสาขาใหญ่ วัดรวก พอถึงสี่แยกตรงหน้าวัดไพชยนต์พลเสพย์ ลงรถตรงแยกแล้วเดินเข้าวัด
สาย 6 บางลำพู - พระประแดง
เส้นทางเดินรถ: แยกบางลำพู - วัดชนะสงคราม - เลี้ยวเข้าถนนราชดำเนินกลาง - แยกคอกวัว - ศึกษาภัณฑ์ - วนวงเวียนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย - กองสลาก - สนามหลวงฝั่งริมคลองหลอด (พระแม่ธรณีบีบมวยผม) - หน้าศาลฎีกา - ศาลหลักเมืองกรุงเทพ - หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน - เลี้ยวซ้ายข้างสวนเข้าเชตุ - แยกบ้านหม้อ - เลี้ยวเข้าถนนตรีเพชร - โรงเรียนสวนกุหลาบ - สะพานพุทธ - เลี้ยวเข้าถนนสมเด็จเจ้าพระยา - แยกท่าดินแดง - โรงพยาบาลตากสิน - ถนนเจริญนคร - ท่าน้ำคลองสาน - วัดเศวตฉัตร - แยกบุคคโล - ถนนราษฎร์บูรณะ - บิ๊กซีจัมโบ้ราษฎร์บูรณะ - ธนาคารกสิกรไทย(สำนักงานใหญ่) - ถนนพระราชวีริยาภรณ์ - วัดไพชยนต์พลเสพย์ - ถนนนครเขื่อนขันธ์ - วัดกลาง - เข้าเมืองพระประแดง - วัดพระยาปราบปัจจามิตร - ตลาดพระประแดง - ศาลหลักเมืองพระประแดง - วนไปจอดริมท่าน้ำพระประแดง
เรือข้ามฟาก (ดูรายละเอียด เรือข้ามฟาก)
- ลงเรือข้ามฟาก ท่าเรือสาธุประดิษฐ์ - ท่าคลองลัดหลวง (หรือเรียก ท่าวัดโปรดเกศเชษฐาราม) จะมาขึ้นหลังวัดโปรดเกศเลย เดินออกมาวัดอยู่ซ้ายมือ (เป็นท่าเรือสำหรับ จักรยาน + คน)
ข้อมูลการติดต่อ วัดไพชยนต์พลเสพย์ราชวรวิหาร
ที่อยู่ 1 หมู่ 5 ตำบลบางพึ่ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ 10130
โทร 02-462-6033
เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/วัดไพชยนต์พลเสพย์-ราชวรวิหาร-341004859250346/