สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ (Sri Nakhon Khuan Khan Park) หนึ่งในไฮไลท์ของการปั่นจักรยานเที่ยวคุ้งบางกะเจ้า หากไม่ได้แวะมาที่นี่ เท่ากับว่ายังมาไม่ถึงคุ้งบางกะเจ้าก็ว่าได้ เที่ยวชมสวนที่มีความเป็นธรรมชาติทั้งที ต้องขี่จักรยานเที่ยว ซอกแซกมุดซุ้มต้นไม้ สูดอากาศให้เต็มปอด พักสายตากับสีเขียวของต้นไม้ ใต้ความร่มรื่นของสวนป่า ให้อาหารปลา เดินชมวิวสบายตาที่สะพานไม้ริมบึงใหญ่ แล้วชักชวนกันไปปีนหอดูนก ปิดท้ายด้วยยกก๊วนโพสท่าถ่ายรูปเก๋ๆ กับลานไม้ระแนงก่อนกลับ นับว่าเป็นสวนที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ได้ทำกิจกรรมกับครอบครัวในวันหยุด จูงลูกหลาน พาผู้สูงอายุ นัดกลุ่่มเพื่อน มาพักผ่อน ออกกำลังกาย การเดินทางมาไม่ยากเลย จะขับรถมา หรือนั่งเรือข้ามฟาก ก็ไม่ลำบากอย่างที่คิด
สวนสาธารณะ และสวนพฤกษชาติ ศรีนครเขื่อนขันธ์ อยู่ในตำบลบางกะเจ้า* อำเภอพระประแดง เข้าทางซอยเพชรหึงษ์ 33 หรือเรียกว่า ซอยวัดราษฎร์รังสรรค์ หากมีรถส่วนตัวมา จากตลาดพระประแดง ตรงตามถนนสายหลัก ข้ามคลองลัดโพธิ์แล้วตรงมาเรื่อยๆ จนมาถึงซอยเพชรหึงษ์ 33 ทางซ้าย เลี้ยวเข้าไปเรื่อยๆ จะเห็นทางเข้าอยู่ขวามือ ส่วนคนที่ปั่นจักรยานเที่ยว ก็ปั่นมาได้ หาไม่ยาก มีป้ายบอกชัดเจนตลอดเส้นทาง
* ตำบลบางกะเจ้า เป็น 1 ใน 6 ตำบลที่อยู่ในคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เรียกว่า คุ้งกระเพาะหมู เป็นคุ้งน้ำที่โค้งตัวอ้อมออกไปไกลจนเป็นเหมือนรูปกระเพาะหมู ตรงข้ามฝั่งแม่น้ำกันจะเป็นเขตคลองเตย กรุงเทพฯ
นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2525-2530 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงประทับเฮลิคอปเตอร์ผ่านพื้นที่บริเวณคุ้งบางกะเจ้า และทรงมีพระราชดำริว่า ควรสงวนพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นพื้นที่สีเขียว เพื่อเป็นปอดของคนเมืองไว้ หลังจากนั้นได้มีมติครม. อนุมัติโครงการ "สวนกลางมหานคร" กำหนดพื้นที่เวนคืนในพื้นที่บางกะเจ้า แต่ไม่เป็นผล จึงได้ปรับเปลี่ยนเป็นการซื้อขายตามความสมัครใจแทน
จนกระทั่งต่อมา ในปี พ.ศ.2542 สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม จัดซื้อพื้นที่รกร้างในคุ้งบางกะเจ้าจากประชาชนจำนวน 564 แปลง เป็นเนื้อที่ 1,276 ไร่ แล้วก่อสร้างเป็นสวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติเป็นจำนวน 148 ไร่
โครงการสวนกลางมหานคร ได้ถูกส่งมอบให้อยู่ในการดูแลของกรมอุทยานแห่งชาติฯ และกรมป่าไม้ โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชทานชื่อสวนแห่งนี้ไว้ว่า "สวนศรีนครเขื่อนขันธ์" ที่แปลว่า สวนสาธารณะที่เป็นศรีแก่เมืองนครเขื่อนขันธ์ ณ บริเวณที่เคยเป็นเมืองหน้าด่าน ที่ชื่อว่าเมืองนครเขื่อนขันธ์ หรือที่หลายคนเรียกให้จำง่ายว่า "สวนบางกะเจ้า"
พื้นที่สีเขียวในสวนบางกะเจ้า เป็นทั้งสวนสาธารณะ และสวนพฤกษชาติขนาดใหญ่ ที่อุดมไปด้วยต้นไม้พรรณไม้นานาชนิด เป็นแหล่งผลิตออกซิเจนขนาดใหญ่ให้กับคนเมือง จนในปี พ.ศ.2549 ได้รับการยกย่องจากนิตยสารไทม์ เอเชีย ให้เป็น The Best Urban Oasis of Asia
หลังจากนั้นในปี พ.ศ.2557 - 2558 บริษัท ปตท.สผ. ร่วมมือกับ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และกรมป่าไม้ ได้ร่วมกันปรับปรุงพื้นที่ 40 ไร่ ฟื้นฟูพื้นที่ป่าเชิงนิเวศ อนุรักษ์พันธุ์พืชท้องถิ่น ปรับปรุงภูมิทัศน์ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวโรกาสพระชนมายุครบ 60 พรรษา และเนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปี ในปี 2558 โดยปรับปรุงเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ติดป้ายแสดงความรู้ตามจุดต่างๆ ทำเส้นทางระยะสั้นให้กับผู้ใช้รถเข็น
พื้นที่ภายในสวนศรีนครเขื่อนขันธ์
พื้นที่ในสวน จัดแต่งให้มีความเหมาะกับการเดินเล่น พักผ่อนหย่อนใจ วิ่งออกกำลังกาย ได้ชมธรรมชาติ รวมถึงเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยว ภายในสวนมีบึงขนาดใหญ่ สะพานไม้ระแนงทอดยาวไปตามริมบึง บางส่วนของสวนจัดแต่งให้ดูเรียบร้อยสวยงาม ปูสนามหญ้า ปลูกไม้ดอกไม้ประดับ จัดศาลาพักริมน้ำ มีท่าน้ำให้ได้ให้อาหารปลาได้อย่างใกล้ชิด และบางพื้นที่ปล่อยไว้ให้พืชพรรณได้เติบโตแบบป่าตามธรรมชาติ สวนแห่งนี้จึงมีความผสมผสานโดยไม่ปรุงแต่งมากจนเกินไปนัก ทั้งนี้เพื่อเป็นการอนุรักษ์รักษาสภาพแวดล้อมเดิมไว้ ให้ได้เห็นระบบนิเวศ พรรณพืช และสัตว์ท้องถิ่นที่อยู่ในธรรมชาติจริงๆ
เมื่อผ่านป้ายสวนศรีนครเขื่อนขันธ์จากด้านหน้า มีถนนลาดยาวเข้าสู่ทางเข้า ซึ่งนับว่าเป็นทางเข้าออกหลักทางเดียวก่อนที่จะเข้าไปด้านในบริเวณสวน สุดทางรถจะมีสะพานและป้อมยามอยู่ คนที่นำรถยนต์ส่วนตัวมาจะต้องจอดไว้ด้านหน้านี้ จอดได้ตามริมฟุตบาทสองข้างทาง เรียงต่อกันไปตามแนวถนน ไม่มีลานจอดรถ (บางกรณี ก็อาจเปิดให้เข้าไปจอดด้านในได้บ้าง) จากนั้นค่อยเดินข้ามสะพานเข้าไปในบริเวณสวนสาธารณะ คนที่ขี่จักรยานมา ปั่นเข้าไปได้เลย (ไม่เสียค่าเข้า) ส่วนคนที่ยังไม่มีจักรยาน อยากปั่นจักรยานเที่ยวในสวนศรีฯ สามารถเช่าได้ตรงทางเข้าได้เลย (ราคาประมาณ 20-50 บาท/วัน ซึ่งอาจมีการปรับขึ้นลงได้ในภายหลัง)
เมื่อเข้าไปในบริเวณสวนแล้ว ส่วนแรกจะเป็นลานวงเวียน ขวามือจะเป็นกลุ่มอาคารจัดนิทรรศการ ห้องน้ำ หากแวะดูแผนผังทั้งหมดสักนิด ก็สามารถศึกษาเส้นทางได้ว่า มีเส้นทางภายในสวนอย่างไรบ้าง ซึ่งจริงๆ แล้ว ทุกเส้นทางก็วนเวียนเชื่อมต่อถึงกันได้หมด เส้นทางในสวนบางกะเจ้านี้ ปลอดภัย เหมาะกับการเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือผู้ใช้รถเข็น เพราะไม่มีรถยนต์มาคอยรบกวน เด็กๆ ก็ปั่นจักรยานได้ เส้นทางร่มรื่น ผ่านสะพานต่างๆ ปั่นได้สนุก สำหรับผู้สูงอายุ หรือผู้พิการที่นั่งรถเข็นก็สามารถใช้เส้นทางได้ (มีสัญลักษณ์ผู้ใช้รถเข็นไว้ให้เห็นบนถนนเลย) ถนนส่วนใหญ่เป็นทางลาดยาง มีป้ายบอกทางจักรยานอยู่เป็นระยะๆ ใครอยากแวะพัก แวะชมจุดต่างๆ ก็หยุดได้ตลอด
สำหรับคนที่ไม่ขี่จักรยาน หรือครอบครัวที่มีเด็กเล็ก จะเดินเล่นริมน้ำ หรือหาเสื่อมาปูนั่งตามร่มไม้ ก็ไม่ต้องไปไหนไกล มีศาลาริมน้ำให้นั่งพักผ่อน ตรงท่าน้ำทำลานบันไดให้ได้ให้อาหารปลาได้อย่างใกล้ชิด แต่ก็ควรระวังเด็กๆ ให้อยู่ในสายตาไว้หน่อย เพราะตรงท่าน้ำไม่มีรั้วกั้น
เส้นทางภายในสวนแบ่งออกเป็น 2 เส้นทาง คือ
เส้นทางระยะสั้น ประมาณ 500 เมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ ผู้ใช้รถเข็นวีลแชร์ ผู้พิการ และเด็กเล็กที่นั่งรถเข็นเด็ก ตามเส้นทางมีป้ายสื่อความหมายธรรมชาติ เหมือนนิทรรศการกลางแจ้ง ให้ความรู้ในแต่ละจุด เหมาะกับการเดินเล่น ผ่อนคลาย ได้สัมผัสธรรมชาติ ให้เด็กๆ ให้อาหารปลา บนถนนมีสัญลักษณ์แสดงเส้นทางของรถวีลแชร์บนพื้นระดับถนนไม่ชัน ไม่ลื่น ไม่แคบ
เส้นทางระยะยาว ประมาณ 2.2 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 45 นาที - 1 ชั่วโมง เหมาะการปั่นจักรยานเรื่อยๆ ชมวิวใต้เงาร่มไม้ใหญ่น้อย ศึกษาความเป็นธรรมชาติของพื้นที่ เช่น นิเวศดงจาก ต้นตีนเป็ดทะเล ตามเส้นทางยังผ่านหอดูนก และสะพานข้ามบึง ได้ชมธรรมชาติที่มีระบบนิเวศแบบต่างๆ
- ป่าชายเลน (Mangrove Forest) เป็นพื้นที่ใกล้น้ำ เป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ มีต้นไม้แบบป่าน้ำกร่อย เช่น ต้นลำพู ต้นจาก เป็นหลัก มีพืชชนิดอื่นๆ เสริม เช่น โกงกางใบเล็ก ปอทะเล จิกทะเล โปรงแดง พังกาหัวสุมดอกขาว หวายลิง เป็นต้น
- นิเวศดงจาก ก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศน้ำกร่อย ที่เกิดในพื้นที่ที่ได้รับทั้งน้ำเค็มจากทะเล และน้ำจืดจากแม่น้ำ พอน้ำขึ้นมีน้ำทะเลเข้ามามาก พื้นที่ก็มีความเค็มสูง เวลาน้ำลงหรือช่วงหน้าฝนมีน้ำจืดมากกว่าทำให้ดินจืดลง บริเวณนี้จึงมีเฉพาะพืชบางชนิด โดยเฉพาะพืชจำพวกปาล์มที่เรียกว่า ต้นจาก ขึ้นหนาแน่น บ้างก็เรียกป่าจาก รวมถึงพืชชนิดอื่นๆ เช่น ต้นลำพู ปรงทะเล หวายลิง สัตว์น้ำที่พบเป็นพวกปลาเสือพ่นน้ำ ปลากระดี่หม้อ เป็นต้น
- ป่าบึงชุ่มน้ำ (Freshwater Swamp Forest) เป็นพื้นที่ลุ่ม มีน้ำขังในฤดูฝน มีพันธุ์ไม้ต่างๆ เช่น มะกล่ำต้น ทองหลาง ไทรย้อยใบแหลม โพธิ์ ลำดวน หว้า แคน้ำ ชำมะเลียง เป็นต้น
- ป่าดิบลุ่มต่ำ (Tropical Lowland Forest) เป็นพื้นที่ดอน อาจมีน้ำท่วมถึงในฤดูน้ำหลาก แต่ไม่มีน้ำขัง สภาพเดิมมีไม้สกุลยาง เช่น ตะเคียนทอง ไม้พะยอม มะพลับ มะกล่ำต้น ยางนา ลำดวน จันทน์หอม จำปา อบเชย ข่อย เป็นต้น
สิ่งที่น่าสนใจภายในสวนบางกะเจ้า
สะพานเขื่อนขันธ์มรรคา
เป็นสะพานทางเดินชมธรรมชาติริมบึง จุดที่ให้แวะจอดจักรยานไว้ (ไม่ให้จักรยานเข้า) แล้วเดินเท้าทอดน่องไปตามสะพาน ชมธรรมชาติริมบึง จะเดินพักผ่อนหย่อนใจ ชมนกชมไม้ ศึกษาระบบนิเวศโดยรอบไปด้วยก็ได้ ลักษณะสะพานเป็นสะพานไม้ระแนง ทำจากไม้เนื้อแข็ง (ไม้แดง) มีขนาดกว้าง 2 เมตร ยาว 160 เมตร มีรั้วรอบขอบกั้นกันตกทั้งสองฝั่ง เด็กๆ เดินได้สะดวก ตัวสะพานทอดยาวเป็นแนวราบระนาบเดียวกับพื้น
สะพานเขื่อนขันธ์มรรคา มาจากคำว่า เขื่อนขันธ์ (ชื่อเมือง) + มรรคา (แปลว่าทาง) หมายถึงสะพานที่เป็นทางเดินอยู่ในสวนศรีนครเขื่อนขันธ์ ชื่อนี้ได้รับพระราชทานจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้มีการปรับปรุงซ่อมแซมครั้งล่าสุด โดยการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสฉลองพระชนมายุครบ 5 รอบ ในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2558 และเมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ.2559 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จพระราชดำเนินเปิดสะพานแห่งนี้ พร้อมทั้งปลูกต้นยางนาไว้ด้วย
หอชมนก
เป็นจุดเช็คอินที่ใครมาเที่ยวสวนบางกะเจ้าแล้ว ต้องแวะมาให้ได้ หอชมนกอยู่ลึกเข้าไปด้านในสวน โดยไปตามเส้นทางจักรยาน หอชมนกเป็นหอชมวิวสูง 7 เมตร ทรงสี่เหลี่ยมสูงโปร่ง ไม่มีผนังด้านข้าง มีหลังคาด้านบนกันแดดฝน บันไดทางขึ้นกว้าง มีราวจับ มีจุดพักบันไดเป็นระยะๆ 5 ช่วง ชั้นบนสุดเป็นรั้วระเบียงกันตก และมีทางให้เดินวนได้โดยรอบ ความสูงของหอชมนกอยู่ในระดับเรือนยอดไม้ ได้เห็นความเขียวชอุ่มของแมกไม้โดยรอบ ได้เห็นวิวทิวทัศน์มุมสูง เผลอๆ อาจเห็นนกประจำถิ่นที่อาศัยอยู่แถบนี้ เช่น นกตะขาบทุ่ง (Indian Roller) นกกระเต็นอกขาว นกตีทอง นกกินปลีอกเหลือง เป็นต้น
นกชนิดต่างๆ เป็นตัวช่วยผลักดันให้เกิดการสร้างความสมดุลของธรรมชาติ นกที่หากินบนพื้นดินจำพวก นกเขา นกอีแพรด นกเด้าลม นกแต้วแล้วธรรมดา จะคุ้ยเขี่ยหากินไส้เดือน และแมลงตามพื้น ช่วยควบคุมแมลงในระบบนิเวศ ส่วนนกที่อาศัยตามยอดไม้ จะคอยกินน้ำหวานจากต้นไม้ ช่วยให้เกิดการผสมเกสรของดอกไม้ นกบางชนิดกินผลไม้สุก แล้วขับถ่ายเมล็ดไปตามที่ต่างๆ เป็นการช่วยกระจายพืชพันธุ์ และยังมีนกที่ช่วยกำจัดแมลงและหนอนที่คอยทำลายใบไม้ ต้นไม้ ด้วย
ข้อแนะนำ
- สำหรับคนที่ชอบดูนก ต้องการมาศึกษาเรื่องนก อยากชมธรรมชาติเงียบๆ เที่ยวแบบคนน้อย ไม่วุ่นวาย แนะนำว่าให้มาวันธรรมดา คนจะน้อย ค่อนข้างเงียบสงบกว่าช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์
- บริเวณหอดูนก นอกจากเป็นหอคอยให้ขึ้นไปชมนกแล้ว หลายคนมักจะมาถ่ายรูปให้เกิดภาพแปลกตา โดยใช้พื้นพื้นไม้ระแนงด้านล่างเป็นแบ็คกราว หลายคนจัดท่าทางกับจักรยาน ถ่ายรูปกันเป็นกลุ่ม ทำท่าทางประกอบให้เหมือนกำลังเคลื่อนไหว โดยใช้ไม้ระแนงเป็นพื้นหลังของภาพ ให้เพื่อนขึ้นไปถ่ายรูปจากบนหอชมนก ก็จะได้รูปเก๋แปลก แหวกแนว (แต่ไม่ควรส่งเสียงดังรบควรผู้อื่นนะ)
ข้อมูลเพิ่มเติม
- หน้าทางเข้าสวนศรีฯ มีร้านให้เช่าจักรยาน 20-30 บาท/วัน (ร้านปิดราว 6 โมง ถึงหนึ่งทุ่ม) หรือจะเช่าจากบริเวณท่าเรือข้ามฟาก ตลาดบางน้ำผึ้ง หรือจุดอื่นๆ แล้วขี่มาเที่ยวในสวนก็ได้ (ดูเพิ่มเติมเรื่อง ปั่นจักรยานเที่ยวบางกะเจ้า)
- สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ มีเส้นทางรถยนต์เข้าได้เพียงด้านหน้าด้านเดียว กรณีขี่จักรยานจะมีจุดเข้าออกอื่นๆ ได้อีก ซึ่งเส้นทางด้านนอกสวนศรีฯ อาจเป็นเส้นทางของชาวบ้าน เป็นเพียงถนนปูนแคบๆ ที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการขี่
- เมื่อเช่าจักรยาน ทางร้านมักมีแผนที่แนะนำเส้นทางการปั่นมาให้ สามารถปั่นไปเที่ยวยังจุดอื่นๆ ได้ด้วย
- คนที่จะไปเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์ปลากัด หรือตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง จะต้องออกจากสวนบางกะเจ้าไปก่อน หรือแม้แต่ที่เที่ยวอื่นๆ ก็ไม่ได้อยู่ในสวนนี้นะ
- จากสวนศรีนครเขื่อนขันธ์ หากจะไปพิพิธภัณฑ์ปลากัด ให้ออกจากสวนศรีฯ ไปตามถนนด้านหน้าตรงป้ายทางเข้า จากนั้นเลี้ยวขวาไปตามถนน พอเจอสี่แยกแรกแล้วเลี้ยวขวาอีกที พิพิธภัณฑ์ปลากัดไทย อยู่ซ้ายมือ (มีป้ายบอกชัดเจน)
- สวนศรีฯ อยู่ห่างจากตลาดน้ำบางน้ำผึ้งราว 4-5 กิโลเมตร หากต้องการขี่จักรยานจากสวนศรีฯ ไปยังตลาด ควรใช้ความระมัดระวัง เพราะมีบางช่วงที่ต้องใช้ถนนร่วมกับรถยนต์ และรถมอเตอร์ไซค์ จึงไม่เหมาะกับเด็ก หรือผู้ที่ขับขี่จักรยานไม่แข็งแรง (ถนนสายหลักรถราจะค่อนข้างพลุกพล่าน)
สถานที่น่าสนใจบริเวณใกล้เคียง
- พิพิธภัณฑ์ปลากัดไทย
- วัดราษฎร์รังสรรค์ (ใหญ่-ตาอิน)
- วัดพราหมณ์ มหาเทวาลัย
- วัดบางกอบัว
การเดินทาง
- ห่างจากพิพิธภัณฑ์ปลากัดไทย 600 เมตร
- ห่างจากท่าเรือบางกะเจ้านอก (ท่ากำนันขาว) 1 กิโลเมตร
- ห่างจากท่าเรือวัดบางน้ำผึ้งนอก 5 กิโลเมตร
- ห่างจากตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง 4 กิโลเมตร
เส้นทางรถยนต์
เส้นทาง ถนนสุขสวัสดิ์ -> เลี้ยวเข้าอำเภอพระประแดง -> ถนนเพชรหึงษ์ ซอย 33 (ซอยวัดราษฎร์รังสรรค์)
1 | ใช้เส้นทางถนนสุขสวัสดิ์ มุ่งหน้าไปทางพระประแดง พอผ่านแยกสะพานภูมิพลไปไม่ไกลนัก จึงเลี้ยวซ้ายตรงสามแยกพระประแดง |
2 | เมื่อเลี้ยวซ้ายมาแล้ว (เป็นถนนนครเขื่อนขันธ์) ตรงตามถนนเส้นนี้ไปราว 1 กิโลเมตร ผ่านซุ้มประตูเมืองนครเขื่อนขันธ์ตลาดพระประแดง จากนั้นถนนจะบังคับเลี้ยวซ้าย |
3 | เมื่อเลี้ยวมาแล้วตรงไปเรื่อยๆ จะเป็นถนนเพชรหึงษ์ ข้ามสะพานข้ามคลองลัดโพธิ์เข้าสู่คุ้งบางกะเจ้า ตรงไปประมาณ 4.5 กิโลเมตร (เลยทางเข้าตลาดน้ำบางน้ำผึ้งไปอีก) จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าซอยเพชรหึงษ์ 33 (มีป้ายบอกทางชัดเจน) |
4 | เลี้ยวเข้าซอยมาแล้ว ตรงไปตามเส้นทางอีกราว 2 กิโลเมตร จะเห็นทางเข้าสวนศรีนครเขื่อนขันธ์ทางขวามือ |
* หากใช้ทางด่วนเฉลิมมหานคร ตามป้ายบอกทางดาวคะนองมาเรื่อยๆ พอข้ามสะพานพระราม 9 (สะพานแขวน) ชิดซ้าย ออกถนนสุขสวัสดิ์ จากนั้นตรงไปอีกไม่ไกล จะเป็นแยกพระประแดง จึงเลี้ยวซ้ายเข้าอำเภอพระประแดง
** หากใช้วงแหวนอุตสาหกรรม สะพานภูมิพล (จากถนนปู่เจ้าสมิงพราย หรือ ถนนพระราม 3) ตามป้ายลงถนนสุขสวัสดิ์ จากนั้นตามป้ายพระประแดง พอเลี้ยวเข้าถนนสุขสวัสดิ์ไปไม่ไกล ก็เป็นแยกพระประแดงแล้ว เลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าอำเภอพระประแดง
*** หากใช้ถนนกาญจนาภิเษก (จากทั้งฝั่งตะวันออก และตะวันตก) ออกถนนสุขสวัสดิ์ จากนั้นตามป้ายพระประแดง
รถโดยสารประจำทาง (ดูรายละเอียด เส้นทางรถประจำทาง)
รถเมล์
- หากขึ้นรถเมล์ที่เข้าไปยังท่าน้ำพระประแดง รถเมล์สายที่ผ่าน ได้แก่ สาย 6, 82, 138 (สาย 138 คันที่เขียนว่าเข้าท่าน้ำพระประแดง) มาลงป้ายตลาดพระประแดง หรือสุดสายที่ท่าน้ำพระประแดง จากนั้นเดินไปขึ้นรถเมล์ท้องถิ่นสีฟ้า สายพระประแดง-บางกอบัว บอกคนขับลงปากซอยเพชรหึงษ์ 33 (ซอยวัดราษฎร์รังสรรค์) ลงรถแล้วเดินเข้าซอยไปหน่อยจะมีคิวมอเตอร์ไซค์ซ้ายมือ นั่งต่อเข้าไปในสวนอีกที
รถเมล์ท้องถิ่นสีฟ้า (1011) สายพระประแดง - วัดบางกอบัว
บริการ: 5.30 - 21.00 น. ค่าโดยสาร 8 บาท ตลอดสาย
เส้นทางเดินรถ พระประแดง - ถนนเพชรหึงษ์ - วัดทรงธรรม - สวนสุขภาพลัดโพธิ์ - ข้ามคลองลัดโพธิ์ - วัดคันลัด - วัดป่าเกด - (ปากซอย)ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง - ซอยวัดราษฎร์รังสรรค์ (สวนศรีนครเขื่อนขันธ์) - วัดบางกอบัว
คิวรถ: ปากซอย บ้านแซ่ 2 (ตรงข้ามตลาดพระประแดง ซอยข้างแว่นตาท็อปเจริญ)
- หากขึ้นรถเมล์สาย 140 (ทางด่วน), 142 (ทางด่วน) พอลงจากทางด่วนแล้ว ให้ลงรถเมล์ป้ายแรก (เรียกว่าป้ายวัดสน) แล้วต่อรถเมล์สาย 82, 138 (ที่เขียนว่าเข้าท่าน้ำพระประแดง) ลงท่าน้ำพระประแดง จากนั้นขึ้นรถเมล์ท้องถิ่น เข้าไปในคุ้งบางกะเจ้า ลงปากซอยเพชรหึงษ์ 33 แล้วต่อมอเตอร์ไซค์
- หากขึ้นรถเมล์สาย 20, 35 ลงรถที่ป้ายวัดสน จากนั้นต่อรถเมล์สาย 82, 138 (ที่เข้าท่าน้ำพระประแดง) ลงท่าน้ำพระประแดง จากนั้นขึ้นรถเมล์ท้องถิ่น ลงปากซอยเพชรหึงษ์ 33 แล้วต่อมอเตอร์ไซค์
เรือข้ามฟาก (ดูรายละเอียด เรือข้ามฟาก)
MRT สถานีศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ + เรือข้ามฟาก (ท่าเรือวัดคลองเตยนอก -> ท่าเรือบางกะเจ้า)
- นั่งรถไฟใต้ดิน MRT ลงสถานีศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (ทางออก 1) จากนั้นนั่งแท็กซี่ หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปวัดคลองเตยนอก ลงรถแล้วเดินเข้าไปยังท่าน้ำข้างวัด
- นั่งเรือไปขึ้นที่ท่าเรือบางกะเจ้า (ท่ากำนันขาว) จากนั้นต่อมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปที่สวนศรีฯ หรือเช่าจักรยานจากท่าเรือปั่นไปก็ได้ (ท่าเรืออยู่ห่างสวนศรีฯ 1 กิโลเมตร)
* ท่าเรือนี้เป็นท่าที่อยู่ใกล้กับสวนศรีนครเขื่อนขันธ์ และพิพิธภัณฑ์ปลากัด เป็นท่าที่มีเรือเหมาขนาดเล็ก สามารถนำจักรยานใส่เรือข้ามฟากไปด้วยได้ (มอเตอร์ไซค์ข้ามไม่ได้)
BTS บางนา + เรือข้ามฟาก (ท่าเรือวัดบางนานอก -> ท่าเรือวัดบางน้ำผึ้งนอก)
- นั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงสถานีบางนา (ทางออก 2) จากนั้นเดินไปทางแยกบางนา เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสรรพาวุธ จะมีคิวรถสองแถววิ่งในถนนสรรพาวุธ นั่งไปจนสุดทาง วัดบางนานอกอยู่ซ้ายมือ เดินเข้าไปในวัด ท่าเรือข้ามฟากอยู่ท่าน้ำในวัด
- นั่งเรือไปขึ้นที่ท่าวัดบางน้ำผึ้งนอก จากนั้นต่อมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปสวนศรีนครเขื่อนขันธ์ หรือเช่าจักรยานปั่นไปก็ได้ (ท่าเรืออยู่ห่างสวนศรีฯ 5 กิโลเมตร)
** ท่าเรือข้ามฟากนี้อยู่ใกล้ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง บ้านธูปสมุนไพร บางกอกทรีเฮ้าส์ เป็นท่าที่ใช้เรือขนาดใหญ่สามารถนำคน จักรยาน และรถมอเตอร์ไซค์ข้ามได้
ข้อมูลการติดต่อ สวนศรีนครเขื่อนขันธ์
เวลาเปิดให้เข้าสวนศรีนครเขื่อนขันธ์
06.00-19.00 น.
ที่อยู่ ซอยเพชรหึงษ์ 33 ตำบลบางกะเจ้า อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ
โทร. 02-461-0972