วัดอุภัยภาติการาม หรือที่คนเรียกกันติดปากว่า "วัดซำปอกง" เป็นวัดที่ประดิษฐานหลวงพ่อโต (ซำปอกง) พระประธานองค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัดฉะเชิงเทรา และเป็นหลวงพ่อซำปอกง 1 ใน 3 องค์ในประเทศไทย เป็นพระศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวไทย และชาวไทยเชื้อสายจีน แวะสักการะขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคลได้สะดวก อยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง และตลาดบ้านใหม่ แม้ไม่มีรถส่วนตัวมา ก็โดยสารรถสองแถวจากขนส่ง มาถึงหน้าวัดเลย
วัดอุภัยภาติการาม ตั้งอยู่บนถนนศุภกิจ อยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง และวัดหลวงพ่อโสธร เยื้องกับตลาดบ้านใหม่ เดินถึงกันได้ไม่ไกลนัก
วัดอุภัยภาติการาม หรือวัดซำปอกง มีชื่อญวนว่า "ตามบ๋าวก็องเผิกตื่อ" เป็นวัดราษฎร์ขนาดเล็ก มีเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่เศษ เริ่มสร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ตามประวัติเล่าว่า มีเศรษฐีชาวจีน แถวชุมชนตลาดล่าง (บริเวณตลาดบ้านใหม่) คือหลงจู๊ฮี้ และหลงจู๊แดง สองพ่อลูก ไปสักการะหลวงพ่อโต ที่วัดพนัญเชิง จังหวัดอยุธยา ซึ่งในสมัยนั้นมีชาวจีนนิยมไปกราบไหว้กันมาก เพราะเชื่อว่านำโชคในเรื่องค้าขาย เมื่อกลับมาเกิดความศรัทธาเลื่อมใส และในปีพ.ศ.2449 หลงจู๊แดง ผู้เป็นลูก (ต่อมาได้รับบรรดาศักดิ์เป็น ขุนพิพิธพานิชกรรม) ได้สละทรัพย์ และที่ดิน สร้างหลวงพ่อโต โดยให้ช่างไปจำลองแบบมาจากวัดพนัญเชิง จากนั้นสร้างวิหาร เพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปไว้ภายใน
ต่อมาในปี พ.ศ.2450 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาสเมืองฉะเชิงเทรา เพื่อเปิดทางรถไฟสายกรุงเทพฯ - ฉะเชิงเทรา และได้เสด็จพระราชดำเนินมายังวิหารที่สร้างอยู่ ทรงบริจาคเงินเป็นจำนวน 200 บาท ร่วมสมทบในการสร้างอาราม และปฏิสังขรณ์พระพุทธศาสนา รวมทั้งได้พระราชทานนามวัดว่า "วัดอุภัยภาติการาม" และพระราชทานนามพระพุทธรูปซำปอกงว่า "พระพุทธไตรรัตนนายก" (ชื่อเดียวกันกับหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง)
แรกเริ่มเดิมที วัดอุภัยภาติการามเป็นวัดฝ่ายมหายานในแบบวัดจีน ภายใต้การดูแลของพระคุณเจ้า เซียงหงี (อดีตเจ้าอาวาสรูปที่ 5 แห่งวัดจีนประชาสโมสร) จนในปี พ.ศ.2497 เมื่อท่านมรณภาพลง วัดจึงถูกทิ้งร้าง ขาดการดูแลไปด้วย หลังจากเวลาผ่านไปกว่า 10 ปี นายพิชัย สุรัตพิพิธ บุตรของขุนพิพิธพานิชกรรม พร้อมด้วยสัปบุรุษ ได้ยื่นหนังสือถึงกรมศาสนา ผ่านไปยังเจ้าคณะใหญ่อนัมนิกาย* (คณะสงฆ์ฝ่ายวัดญวน) ให้รับรองสภาพวัด ให้ถูกต้องตามกฏหมาย ในเวลาต่อมากรมศาสนากระทรวงศึกษาธิการได้รับรองวัดเป็นนิติบุคคลถูกต้องเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ.2512 หลังจากนั้นวัดจึงได้รับการบูรณะซ่อมแซมวัดให้กลับมาดีขึ้นอีกครั้ง ภายใต้คณะสงฆ์วัดญวน ในความดูแลของพระอธิการ ฮกฮี ฝ่าหยุ่น และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ.2513
* คณะสงฆ์อนัมนิกาย เป็นหนึ่งในกลุ่มคณะสงฆ์นิกายมหายานในประเทศไทย อนัมนิกายเป็นนิกายที่สืบสายมาจากทางประเทศเวียดนาม หรือที่เรียกว่า "วัดญวน" (นิกายมหายานแตกออกเป็นนิกายย่อยๆ มากมาย ตามแต่ละประเทศ และกลุ่มความเชื่อ แต่ละนิกายย่อยก็จะมีข้อปลีกย่อยในการปฏิบัติที่แตกต่างกันไปบ้าง) วัดที่อยู่ในการดูแลของคณะสงฆ์อนัมนิกายในประเทศไทยมีทั้งหมด 21 วัด ที่จังหวัดฉะเชิงเทรามีเพียงวัดเดียวคือ วัดอุภัยภาติการาม ลักษณะของวัดญวนได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนาฝ่ายมหายานจากประเทศจีน ครั้งเมื่อชาวญวนอพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ไปอยู่ที่ไหนก็จะสร้างวัดญวนขึ้น แรกๆ เมื่อยังไม่มีพระจีนเข้ามา ชาวจีนในไทยจึงต้องไปทำบุญที่วัดญวน ซึ่งมีลักษณะพิธีกรรมแบบเดียวกันกับจีน เช่น การทำกงเต็ก ต่อมาพระญวนในไทย ได้ปรับเปลี่ยนข้อจริยวัตรบางอย่างตามพระไทย เช่น ออกบิณฑบาต ถือวิกาลโภชนา (ไม่ฉันอาหารหลังเพล) ครองผ้าสีเหลือง เป็นต้น
หลวงพ่อโต (ซำปอกง)** ที่วัดอุภัยภาติการาม เป็นพระพุทธรูปขนาดหน้าตัก 6.5 เมตร สูง 12 เมตร สร้างโดยใช้ภาชนะสานด้วยไม้ไผ่ เอามาก่อซ้อนกันเป็นรูปองค์พระ ด้านนอกฉาบด้วยปูน แล้วจึงลงรักปิดทอง พุทธลักษณะเป็นปางมารวิชัย พระพักตร์ทรงเหลี่ยม พระกรรณยาว (หูยาว) รูปหน้าพระซำปอกงที่วัดอุภัยภาติการาม จะคล้ายจะพระพุทธรูปจีนมากกว่า และที่ระหว่างคิ้วจะไม่มีเครื่องหมายอุณาโลมเหมือนกับหลวงพ่อโต ที่วัดพนัญเชิง
หลวงพ่อโต (ซำปอกง) เป็นที่เคารพนับถือของชาวจีน ชาวไทย ชาวไทยเชื้อสายจีน และชาวต่างชาติ เช่นชาวสิงคโปร์ ที่มักจะมากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล ให้มีความรุ่งเรืองด้านการค้า ทำมาค้าขายดี กิจการรุ่งเรืองก้าวหน้า ประสบความสำเร็จ มีโชคลาภ
** หากเอ่ยแค่คำว่าหลวงพ่อโตเฉยๆ อาจเป็นคำที่กว้างไปจนทำให้เข้าใจผิดว่าเป็น สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) หลวงพ่อโตวัดบางพลีใหญ่ใน หรือหลวงพ่อโตองค์อื่นๆ ได้ แต่หากกล่าวถึง "หลวงพ่อโตซำปอกง" แล้ว ซึ่งจะหมายถึงพระซำปอกง ที่มีอยู่เพียง 3 องค์ ในประเทศไทยเท่านั้น คือ
1. หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง จังหวัดอยุธยา เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ที่สุด สร้างขึ้นในสมัยก่อนอยุธยา 26 ปี และมีขนาดใหญ่ที่สุดด้วย หน้าตักกว้าง 14.20 เมตร สูง 19.20 เมตร
2. หลวงพ่อโต วัดกัลยาณมิตร ฝั่งธนบุรี กรุงเทพฯ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 เป็นองค์จำลองแบบมาจากหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง มีขนาดรองลงมา หน้าตักกว้าง 11.75 เมตร สูง 15.46 เมตร
3. หลวงพ่อโต (ซำปอกง) วัดอุภัยภาติการาม จังหวัดฉะเชิงเทรา หรือ "ซำปอกง แปดริ้ว" สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 จำลองจากหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิงเช่นกัน มีขนาดหน้าตัก 6.5 เมตร สูง 12 เมตร
คำว่า "ซำปอกง" หรือ "ซำเปาฮุดกง" แปลว่า แก้วอันมีค่าทั้ง 3 ประการ ซึ่งหมายถึงพระรัตนตรัย นอกจากนี้คำว่า "ซำปอกง" ยังเป็นชื่อตำแหน่งของขุนนางจีน ในราชวงศ์หมิง โดยมีท่าน "เจิ้งเหอ ซำปอกง" เป็นบุคคลในประวัติศาลตร์จีน ผู้มีฝีมือในการเดินเรือ มีชื่อเสียงไปไกลตั้งแต่คาบมหาสมุทรอินเดีย ไปจนถึงฝั่งแอฟริกา และเป็นการนำการค้าของชาวจีนแพร่ขยายออกไปสู่โพ้นทะเล
ภายในบริเวณวัดอุภัยภาติการาม ด้านหน้าเป็นลานโล่งกว้าง สำหรับจอดรถ ด้านข้างมีโรงเจเม่งเต็กตั๊ว วิหารตรงกลางเป็นอาคารชั้นเดียว ด้านหน้าอาคารมีจุดจำหน่ายธูปเทียนบูชาองค์เทพ เทียนคู่สำหรับถวายหลวงพ่อซำปอกง และผ้าห่มสำหรับถวายห่มองค์พระ เมื่อเข้าไปภายในวิหาร เป็นห้องโถงกว้าง ประดิษฐานหลวงพ่อซำปอกงเป็นองค์ประธานอยู่ด้านในสุด สองข้างมีพระสาวกยืนอยู่ทั้งด้านซ้ายและขวา
การบูชาหลวงพ่อโต ซำปอกง นิยมถวายเทียนคู่ ซึ่งทางวัดจำหน่ายเทียนหลายขนาดตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่สุด 9 กิโลกรัม (ราคาตั้งแต่คู่ละ 35 - 1,900 บาท ) หรือจะถวายจีวรห่มองค์พระก็ได้ ส่วนใหญ่ผู้ที่ถวายเทียน หรือผ้าห่มพระ จะเขียนชื่อลงบนกระดาษสีชมพูแปะติดไว้ที่เทียน และที่ผ้าห่มด้วย เชื่อกันว่าหากต้องการให้หลวงพ่อช่วยบำบัดเรื่องความเจ็บป่วย ให้ใช้นิ้วลูบตรงซอก ระหว่างนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ขององค์พระ แล้วตั้งจิตอธิษฐาน จากนั้นให้เดินไปทางฝั่งซ้ายขององค์พระ ใกล้ฐานพระพุทธรูปด้านซ้ายนี้ จะมีกรอบสามเหลี่ยม ภายในเป็นเลื่อม และลวดลายนกกระเรียนสีทอง ซึ่งเป็นจุดสำหรับการอธิษฐาน โดยนำเงินธนบัตร 1 ใบออกมา ตั้งจิตอธิษฐานขอให้ร่ำรวยเงินทอง จากนั้นใช้ธนบัตรลูบจากหางนกกระเรียน ย้อนขึ้นไปทางหัวนก 3 ครั้ง แล้วนำธนบัตรใบนั้นเก็บไว้เป็นขวัญถุง อย่านำออกมาใช้
นอกจากนี้ รอบองค์พระประธาน มีพระพุทธรูป รูปเคารพที่สำคัญ และองค์เทพต่างๆ อีกจำนวน 17 จุด ที่สามารถจุดธูปบูชาได้ เช่น พระพรหม จี้กง เสด็จพ่อ ร.5 พระกษิติครรภโพธิสัตว์ พญายมราช เจ้าพ่อกวนอูหมอเทวดา พระเวทโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์กวนอิม เจ้าพ่อเสือ เทพเจ้าโชคลาภ เทพเจ้าเห้งเจีย พระศรีอริยเมตไตรย เป็นต้น
ด้านข้างองค์พระจะเห็น "พะเก่ง" เป็นการนิมนต์พระสงฆ์ (ในนิกายมหายาน) มาสวดให้พรชัยมงคลคาถา ขอพรให้แก่ญาติโยมที่มาทำบุญ หรือมาลงชื่อเอาไว้ เพื่อให้ทำมาค้าขึ้น มีโชคลาภ ให้พระคุ้มครอง หรือเป็นการสวดมนต์เพื่อสะเดาะเคราะห์ เป็นลักษณะใบประกาศสีแดง ปักไว้เป็นลำดับ
ข้อมูลเพิ่มเติม
การเดินทาง
ห่างจากตลาดบ้านใหม่ 200 เมตร
ห่างจากเจ้าแม่กวนอิมลอยนำ้ 600 เมตร
ห่างจากวัดจีนประชาสโมสร (เล่งฮกยี่) 600 เมตร
ห่างจากวัดหลวงพ่อโสธร 4 กิโลเมตร
ห่างจากวัดสมานรัตนาราม 13 กิโลเมตร
ห่างจากวัดโพรงอากาศ 12 กิโลเมตร
เส้นทางที่ 1 มอเตอร์เวย์ (หรือบางนา-ตราด) -> บางปะกง-ฉะเชิงเทรา (314) -> ฉะเชิงเทรา-พนมสารคาม (365) -> ฉะเชิงเทรา (304) -> ฉะเชิงเทรา-อ.บางน้ำเปรี้ยว (ถนนศุภกิจ)
1 | หากใช้เส้นทางจากมอเตอร์เวย์ (หรือบางนา-ตราด) ให้เลี้ยวตามป้ายมาทางจังหวัดฉะเชิงเทรา (314) |
2 | ตรงตามเส้นทางมาเรื่อยๆ จนกระทั่ง เห็นป้ายบอกทางเลี้ยวขวาเลี่ยงเมืองไป อ.พนมสารคาม (365 หรือ 314 เดิม) จึงเลี้ยวขวาตามป้าย |
3 | จากนั้นตรงมาสักระยะ จะเป็นสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง พอลงจากสะพานไปราว 2-3 กิโลเมตร จะมีป้ายเข้าเมืองฉะเชิงเทรา (304) เป็นเส้นทางบอกให้เลี้ยวซ้ายตรงแยกคอมเพล็กซ์ (**ไม่ขึ้นสะพานข้ามแยก) |
4 | เมื่อเลี้ยวซ้ายไปแล้ว ตรงตามเส้นทางไปเรื่อยๆ ประมาณ 4 กิโลเมตร จะขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกงอีกที บนสะพานให้ชิดซ้าย (ให้ตามป้ายทางไปวัดโสธรไปก่อน) |
5 | เมื่อลงจากสะพานแล้ว จึงชิดขวา เพื่อเลี้ยวขวาไปทาง อ.บางน้ำเปรี้ยว (ไม่ไปทางวัดโสธรแล้ว) |
6 | พอเลี้ยวมาไปแล้ว ตรงตามเส้นทางหลักไปเกือบ 2 กิโลเมตร เมื่อเลยโรงเรียนเซ็นต์หลุยส์ไปสักระยะ จะเห็นวัดอุภัยภาติการามอยู่ทางซ้ายมือ (อยู่ก่อนถึงตลาดบ้านใหม่นิดเดียว) |
เส้นทางที่ 2 มอเตอร์เวย์ (หรือบางนา-ตราด) -> บางปะกง-ฉะเชิงเทรา (314) -> ฉะเชิงเทรา (304) -> ทางไป อ.บางน้ำเปรี้ยว
1 | หากใช้เส้นทางจากมอเตอร์เวย์ (หรือบางนา-ตราด) ให้เลี้ยวตามป้ายมาทางจังหวัดฉะเชิงเทรา (314) |
2 | ตรงตามเส้นทางมาเรื่อยๆ จนกระทั่งผ่านหน้าโรบินสันฉะเชิงเทรา แล้วจึงตามป้ายบอกทางเข้าเมืองฉะเชิงเทรา (304) |
3 | เมื่อเข้าเมืองฉะเชิงเทรา เส้นทางจะผ่านหน้าสถานีรถไฟฉะเชิงเทรา และวิทยาลัยเทคนิคฉะเชิงเทรา จากนั้นจะเห็นสะพานข้ามแยก (ไม่ต้องขึ้นสะพาน) ให้ชิดซ้าย ตรงไปจนถึงสี่แยกจึงเลี้ยวซ้าย |
4 | พอเลี้ยวมาแล้ว จะเป็นถนนศุภกิจ ให้ตรงมาอีกสักพัก (ประมาณ 1.5 กิโลเมตร) เมื่อเลยโรงเรียนเซ็นต์หลุยส์ไปสักระยะ จะเห็นวัดอุภัยภาติการามทางซ้ายมือ (อยู่ก่อนถึงตลาดบ้านใหม่นิดเดียว) |
เส้นทางที่ 3 มีนบุรี-ฉะเชิงเทรา (ถนนสุวินทวงศ์)(304) -> เข้าเมืองฉะเชิงเทรา (304) -> ทางไป อ.บางน้ำเปรี้ยว
1 | เส้นทางเริ่มจากถนนสุวินทวงศ์ (มีนบุรี) ตรงมาทางจังหวัดฉะเชิงเทรา |
2 | พอเข้าเขตจังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อขึ้นสะพานข้ามทางรถไฟ จะเห็นป้ายบอกทางเข้าเมืองฉะเชิงเทรา (304) ให้ไปทางซ้ายตามป้ายบอกทาง |
3 | เมื่อเลี้ยวซ้ายมาแล้ว จะผ่านหน้าสถานีรถไฟฉะเชิงเทรา และวิทยาลัยเทคนิคฉะเชิงเทรา จากนั้นจะเห็นสะพานข้ามแยก (ไม่ต้องขึ้นสะพาน) ให้ชิดซ้าย ตรงไปจนถึงสี่แยกจึงเลี้ยวซ้าย |
4 | พอเลี้ยวมาแล้ว จะเป็นถนนศุภกิจ ให้ตรงมาอีกสักพัก (ประมาณ 1.5 กิโลเมตร) เมื่อเลยโรงเรียนเซ็นต์หลุยส์ไปสักระยะ จะเห็นวัดอุภัยภาติการามทางซ้ายมือ |
หากมาจากวัดหลวงพ่อโสธร
1 | ออกจากวัดแล้วเลี้ยวขวา ตรงไปเรื่อยๆ จนถึงสี่แยกไฟแดง |
2 | จากนั้นให้ตรงต่อไป (ตามป้ายบอกทาง อ.บางน้ำเปรี้ยว) ประมาณ 1.5 กิโลเมตร เมื่อเลยโรงเรียนเซ็นต์หลุยส์ไปสักระยะ จะเห็นวัดอุภัยภาติการามทางซ้ายมือ |
ข้อมูลการติดต่อ วัดอุภัยภาติการาม (ซำปอกง)
ที่อยู่ 475/7ก ถนนศุภกิจ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา 24000
โทร 038-816-904, 038-511-198, 083-187-6939
เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/วัดอุภัยภาติการาม-178451348926490/
เวลาเปิด 6.00 - 18.00 น.