หมู่บ้านน้ำตาลสด เป็นจุดจำหน่ายน้ำตาลสดพร้อมดื่มในภาคตะวันออก และยังเป็นเหมือนศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้านการทำน้ำตาลสด ที่นับวันจะหาคนทำยากขึ้นเรื่อยๆ ได้เรียนรู้การทำน้ำตาลปึก รวมถึงได้พูดคุยใกล้ชิดกับคนที่มีอาชีพปาดตาล ทำน้ำตาล และยังเป็นจุดแวะซื้อ แวะชิมของดีของบางคล้า น้ำตาลสดหวานหอม เย็นชื่นใจ ไร้สารปรุงแต่ง
หมู่บ้านน้ำตาลสด ตั้งอยู่ในอำเภอบางคล้า หากมาเที่ยวตลาดน้ำบางคล้า หรือวัดปากน้ำโจ้โล้ ก็แวะได้สะดวก เพราะอยู่ริมทางสายในเส้นบางคล้า
หมู่บ้านน้ำตาลสด จัดตั้งโดยได้งบประมาณจากกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ เมื่อปี พ.ศ.2546 เพื่อจัดตั้งเป็นชมรมหมู่บ้านน้ำตาลสด ให้ชาวบ้านที่ทำน้ำตาลสดในแถบนี้ได้อนุรักษ์ สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น และเผยแพร่ความรู้ให้แก่นักท่องเที่ยว และคนรุ่นใหม่ ได้เห็น ได้สัมผัส เรียนรู้กระบวนการทำนำ้ตาลสด และ น้ำตาลโตนด*
* น้ำตาลโตนด (Sugar Palm) (โตนด อ่านว่า ตะ-โหนด) เป็นน้ำตาลที่ได้จากช่อดอก หรืองวงของต้นตาล ซึ่งส่วนใหญ่คนจะรู้จักในรูปของน้ำตาลปึก หรือน้ำตาลปี๊บ ที่เรียกตามรูปร่างของน้ำตาล และตามภาชนะที่ใส่ ในปัจจุบันนำ้ตาลโตนดแท้ๆ หาได้ยากมาก ในท้องตลาดส่วนใหญ่จะมีการผสมน้ำตาลทราย (บ้างก็ผสมแบะแซ) เข้าไปด้วย เพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิต หากต้องการน้ำตาลโตนดแท้ๆ ควรเลือกซื้อจากแหล่งผลิตโดยตรง
น้ำตาลปึก หรือน้ำตาลปี๊บ อาจได้จากน้ำตาลมะพร้าวด้วยก็ได้ ซึ่งขั้นตอนการผลิตน้ำตาลมะพร้าวก็เหมือนน้ำตาลโตนด เพียงแต่เป็นน้ำตาลที่ได้จากน้ำหวานของช่อดอก หรือจั่นมะพร้าวแทน
หมู่บ้านน้ำตาลสด จะเป็นย่านที่ชาวบ้านยังคงทำน้ำตาลสดกันมาก อย่างเช่นหนึ่งในสมาชิกของชมรมน้ำตาลสด ได้แก่ คุณลุงหม่อง กับป้าสมนึก จะเปิดแผงไว้ให้ผู้คนได้แวะมาศึกษา เรียนรู้ถึงวิธีการทำน้ำตาลสด รวมถึงจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากตาล โดยลุงหม่องจะเป็นผู้ให้ความรู้เรื่องการปีนต้นตาล ปาดตาล และการนวดงวงตาล พาไปชมการขึ้นตาล ส่วนป้าสมนึก ก็พร้อมจะอธิบายกระบวนการผลิตน้ำตาลสด การเคี่ยวตาล และการทำน้ำตาลปึก พร้อมสาธิตการเคี่ยวตาลให้ได้ชม
ขั้นตอนการผลิตน้ำตาลสด และทำน้ำตาลโตนด
1. การเลือกต้นตาล
ต้นตาลที่ใช้ทำน้ำตาลโตนดนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นต้นที่มีอายุ 10 ปีขึ้นไป ต้นตาลโตนด หรือที่เรียกกันสั้นๆ จนติดปากว่า ต้นตาล จะมีต้นที่มีดอกตัวผู้ แยกต้นกับต้นที่มีดอกตัวเมีย ต้นตัวผู้จะออกช่อดอกเป็นเหมือนงวงยาวออกมา จะให้น้ำตาลได้เยอะกว่าต้นที่เป็นตัวเมีย ส่วนต้นตัวเมียจะออกดอก ให้ลูกออกมาเป็นลูกตาล คนปาดตาลจะเลือกต้นตาลที่ออกงวงพร้อมที่จะให้น้ำตาลได้
2. การนวดตาล
การนวดตาล เป็นการกระตุ้นให้ต้นตาลรีดน้ำหวานออกมาไว้ที่ดอก หรืองวงตาล ช่วยให้ได้น้ำตาลเยอะ ซึ่งจะใช้เครื่องมือตามแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน มีลักษณะเป็นไม้ 2 ท่อน ผูกติดกันด้านหนึ่ง เหมือนตะเกียบ หรือตัวหนีบขนาดใหญ่ คนทำตาลจะนำไม้นวด ขึ้นไปนวดงวงตาลบนต้นทุกวัน วันละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 5-7 วัน ให้งวงนิ่ม เมื่อนวดเสร็จต้องเอาน้ำเปล่าใส่กระบอกไม้ไผ่ แช่งวงไว้ในน้ำเพื่อเป็นการบ่มงวงตาล และป้องกันแมลงมากินก่อนการปาด
3. การขึ้นตาล ปาดตาล
หลังจากการนวดตาลและบ่มงวงแล้ว เมื่อพร้อมจะปาดตาล คนปาดจะปีนขึ้นตาลวันละ 2 ครั้ง คือช่วงเช้ามืด (ประมาณ ตี 5) กับช่วงบ่าย (ประมาณ บ่าย 3 โมง) เพืื่อปาด และรองน้ำตาลเอาไว้ในกระบอกไม้ไผ่** คนปาดตาลจะขึ้นไปพร้อมกระบอกไม้ไผ่ นำน้ำตาลจากกระบอกที่รองไว้ลงมา จากนั้นใช้มีดคมๆ กรีดที่ปลายงวงตาล เพื่อให้น้ำจากงวงไหลออกมา (กรีดวันต่อๆ ไป ก็จะกรีดไล่ไปจนถึงโคนงวง) แล้วใช้กระบอกใหม่รองไว้อีก เพื่อปล่อยให้น้ำหวานไหลลงกระบอก พอช่วงเช้าก็มาเก็บ จากนั้นก็ปาดและรองน้ำหวานไว้ต่อ ทำอย่างนี้ทุกวันเรื่อยไปจนน้ำตาลหมด
** กระบอกไม้ไผ่ที่นำมารองน้ำหวานจากงวงตาล จะต้องนำไปรมไฟเพื่อฆ่าเชื้อ และต้องนำไปตากให้แห้งก่อน หากใช้กระบอกเปียก จะทำให้น้ำตาลสดบูดได้ ก่อนจะรองน้ำตาลก็ต้องใส่เศษไม้พะยอมชิ้นเล็กๆ ลงไปด้วย เพื่อกันน้ำตาลบูด
** การใส่ไม้พะยอม ลงไปในกระบอกตาลที่รองน้ำตาลนั้น ถือเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่ใช้สรรพคุณยาจากไม้พะยอมที่เป็นไม้ฝาด แทนสารกันบูดสังเคราะห์ ไม้พะยอมจะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำตาลสดที่รองไว้มีรสเปรี้ยว หรือเสียก่อนที่จะเก็บลงมา ซึ่งจะช่วยกันเสียได้ประมาณ 12 ชั่วโมง
4. การต้มตาล
เมื่อถึงเวลาเก็บตาล คนเก็บตาลจะปีนขึ้นตาลไปเพื่อนำกระบอกไม้ไผ่ที่รองน้ำตาลไว้ลงมา น้ำตาลจะเก็บได้ 2 ครั้ง คือช่วงเช้ามืด กับตอนเย็น (เก็บแล้วก็ปาดต่อ รองไว้ต่ออีก) จากนั้นนำน้ำตาลที่ได้ใส่กระทะใบบัว นำขึ้นตั้งไฟ (มักใช้เตาถ่าน) น้ำตาลจากต้นตาลตัวผู้ และตัวเมีย นำมาปนกันได้เลย ก่อนลงกระทะเทผ่านผ้าขาวบาง เพื่อให้กรองเศษไม้พะยอมออกก่อน
น้ำตาลที่รองมาได้จากต้นตาล หากยังไม่ได้ผ่านการต้ม รสชาติจะหวานอ่อนๆ มีกลิ่นไหม้นิดๆ เป็นกลิ่นที่มาจากกระบอกไม้ไผ่ที่รองน้ำตาลลงมา การทำน้ำตาลสดให้เก็บได้นานขึ้น จะต้องนำไปต้มให้พอเดือด น้ำตาลสดที่ผ่านการต้มแล้ว จะมีสีเข้มขึ้น ให้รสชาติหวานขึ้น และมีกลิ่นหอม
5. การทำน้ำตาลก้อน
ขั้นตอนการทำน้ำตาลปึก หรือน้ำตาลปีบ จะต้องเคี่ยวน้ำตาลให้เดือดอยู่ประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำระเหยออกไปให้มากที่สุด ระหว่างต้มต้องคอยตักฟองทิ้งด้วย จากนั้นก็เคี่ยวจนข้น และกลายเป็นน้ำตาลเหลว สีเข้ม จึงนำไปใส่เบ้าพิมพ์คล้ายถ้วย ก็จะได้น้ำตาลปึก หากใส่ปี๊บก็จะได้น้ำตาลปี๊บ
ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากต้นตาล นอกจากน้ำตาลสด น้ำตาลปึก น้ำตาลปี๊บ ยังมีผลจากลูกตาล นำมาทานได้ทั้งแบบสด และแบบเชื่อม ส่วนงวงตาลของตาลตัวผู้นำมาอบแห้ง สำหรับต้มกินน้ำลดเบาหวาน ลดน้ำตาลในเส้นเลือด
ลักษณะของน้ำตาลโตนดแท้
- น้ำตาลโตนด จะมีกลิ่นหอม และมีรสชาติกลมกล่อมกว่าน้ำตาลอ้อย และนำ้ตาลมะพร้าว
- น้ำตาลโตนด ควรเก็บไว้ในตู้เย็น เพื่อยืดอายุ และเป็นการรักษาคุณภาพ รสชาติ ความหอม และสีของน้ำตาล
ข้อแนะนำ
การเดินทาง
ห่างจากวัดปากน้ำโจ้โล้ 1 กิโลเมตร
ห่างจากอนุสรณ์สถานพระเจ้าตากสิน 3 กิโลเมตร
ห่างจากตลาดน้ำบางคล้า .5 กิโลเมตร
ห่างจากสวนปาล์มฟาร์มนก 5 กิโลเมตร
การเดินทางด้วยรถยนต์
1 | หากใช้เส้นทางจากตัวเมืองฉะเชิงเทรา มุ่งหน้าไปยังอำเภอบางคล้า โดยใช้เส้นทางฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี (304) |
2 | เมื่อถึงแยกบางคล้า ให้เลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าสู่ตัวอำเภอบางคล้า ตรงไปเรื่อยๆ จนสุดทางที่สามแยกรูปตัวที (T) จากนั้นเลี้ยวขวา |
3 | เมื่อเลี้ยวขวาแล้ว ตรงไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตร ผ่านทางเข้าวัดปากน้ำโจ้โล้ พอเจอสามแยกรูปตัววาย (Y) ที่มี 7-11 ให้ไปทางซ้าย ตรงไปอีกไม่ไกลนักก็จะเห็นหมู่บ้านน้ำตาลสดอยู่ริมทาง ขวามือ |
ข้อมูลการติดต่อ
ที่อยู่ หมู่ 11 ถนนวนะภูติ ตำบลปากน้ำ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา 24110
โทร 038-511-635