วัดบางพลีใหญ่กลาง (วัดกลาง หรือ วัดพระนอน) เป็นที่ประดิษฐานพระปางไสยาสน์องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย* แวะนมัสการ และชมความยิ่งใหญ่ขององค์พระ หนึ่งใน unseen ของวัด คือการได้กราบสักการะปิดทองถึงส่วนหัวใจพระนอน จากนั้นเดินลอดใต้โบสถ์เพื่อความเป็นสิริมงคล การเดินทางไปวัดบางพลีใหญ่กลางไม่ยุ่งยากซับซ้อน สะดวกทั้งรถยนต์ส่วนตัว และรถสองแถวโดยสาร
* ในพ.ศ.2560 พระนอนที่ยาวที่สุดยังคงเป็น สมเด็จพระศากยมุนีศรีสุเมธบพิตร ณ วัดบางพลีใหญ่กลาง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ (ยาว 52.7 เมตร) อันดับ 2 คือ พระศรีเมืองทอง ณ วัดขุนอินทรประมูล อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง (ยาว 50 เมตร) อันดับ 3 คือ พระนอนจักรสีห์ ณ วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี (ยาว 47.4 เมตร)
วัดบางพลีใหญ่กลาง ตั้งอยู่ในอำเภอบางพลี ไม่ไกลจากวัดบางพลีใหญ่ใน (ห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตร) และไม่ไกลจากบิ๊กซีบางพลีด้วย ทางเข้าวัดมีได้หลายทาง หากมาจากถนนบางนา-ตราด ทางเข้าจะอยู่ตรงถนนกิ่งแก้ว-บางพลี หรือจะเข้าจากถนนเทพารักษ์ ก็สามารถเข้าทางเดียวกับวัดบางพลีใหญ่ใน แล้วมาออกทางวัดบางพลีใหญ่กลางก็ได้
วัดบางพลีใหญ่กลาง หรือที่ชาวบางพลีเรียกสั้นๆ ว่า "วัดกลาง" เพราะเดิมอยู่คั่นกลางระหว่างวัดบางพลีใหญ่ใน กับวัดคงคาราม หรือวัดยายหนู (ซึ่งกลายเป็นวัดร้างไปแล้ว) วัดสร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ.2367 บนเนื้อที่ประมาณ 32 ไร่ 3 งาน 2 ตารางวา ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ.2478 วัดกลางสร้างขึ้นโดยนายน้อย หมื่นราษฎร์ ปลูกสร้างในที่ดินของนายช้าง หมื่นราษฎร์ (ผู้เป็นน้องชาย) เมื่อสร้างเสร็จได้ขุดสระเพื่อปลูกบัวหลวง จึงตั้งชื่อวัดว่า "วัดน้อยปทุมคงคา" ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "วัดราษฎร์ศรัทธาธรรม" และได้เปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น "วัดบางพลีใหญ่กลาง" หรือที่มักเรียกกันว่า วัดพระนอนบางพลี
พื้นที่วัดครอบคลุมไปถึงคลองสำโรง ซึ่งเคยเป็นเส้นทางคมนาคมหลักในการเข้าถึงวัด เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป มีการตัดถนนทำให้ทางเข้าหลักกลายเป็นบริเวณด้านหลังวัด ซึ่งเป็นถนนเส้นที่ผ่านหน้า อบต.บางพลีใหญ่ ทางเข้าวัดจากริมถนนมีอยู่ 2 ประตู ทางเข้าที่ใกล้กับพระนอน มีชื่อว่า ซุ้มประตูพิศาลโสภณ เป็นประตูที่อยู่ติดกับโรงเรียนบางพลีราษฎร์บำรุง ด้านหน้ามีสิงห์คู่ประจำอยู่ตรงทางเข้า เมื่อเข้าไปแล้วทางซ้ายมือจะเป็นลานจอดรถ ส่วนด้านขวาเป็นบึงกว้าง ตรงกลางเป็นเส้นทางที่มีราวระเบียงพญานาคอยู่ 2 ข้าง เป็นทางที่ตรงไปยังวิหารพระนอน ริมทางเดินมีรูปปั้นหมู่พระสงฆ์กำลังเดินแถวบิณฑบาตร
บริเวณที่เป็นบึงภายในวัด เป็นจุดที่มีศาลากลางน้ำชื่อว่า "ศาลาอรรถโกวิทวุฒิคุณ" สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2534 เป็นอาคารทรงจตุรมุข ตามแบบอาคารไทยประเพณี หลังคาซ้อนชั้น ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบัน ที่เสาอาคารและส่วนประกอบอื่นๆ ตกแต่งด้วยลวดลาย ประดับกระจกสีสวยงาม จากศาลามีสะพานปูนแข็งแรงเชื่อมถึงริมฝั่ง เดินได้สะดวก ภายในศาลาประดิษฐานพระพุทธรูป รอบบึง ปลูกต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่น เป็นจุดพักผ่อน เดินเล่น มีแนวเก้าอี้ม้ายาวริมบึง สำหรับนั่งเล่น ชมน้ำพุ ให้อาหารปลาได้
มหาวิหารพระนอน
เมื่อตรงเข้าไปด้านในศาลาหลังแรก เป็นจุดจำหน่ายเครื่องสักการะ ดอกไม้ ธูปเทียน ถัดไปเป็นมหาวิหารพระนอน มีท้าวเวสสุวรรณ ผู้ดูแลปกปักษ์ประจำทิศเหนือ ประจำอยู่หน้าทางเข้า 2 ฝั่ง บันไดทางขึ้นมีเพียงไม่กี่ขั้น เป็นบันไดพญานาคตัวยาวชูคอสูง เมื่อขึ้นไปด้านบนอาคาร มีซุ้มประตูด้านซ้ายและขวา ตรงกลางระหว่างประตู เป็นซุ้มพระพุทธรูปปางห้ามญาติ หรือปางห้ามสมุทรองค์ใหญ่ บริเวณนี้สามารถจุดธูปเทียนบูชาพระก่อนได้
พระนอนบางพลี
ภายในวิหาร เป็นโถงขนาดใหญ่ ประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์* มีพระนามเต็มว่า "สมเด็จศากยมุนีศรีสุเมธบพิธ” แต่ชาวบ้านเรียกกันสั้นๆ ว่า "พระนอนบางพลี" สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2521 - 2544 (ใช้เวลา 23 ปี) พระครูพิศาลวุฒิกิจ (จำนง สุเมโธ) เจ้าอาวาสปัจจุบันเป็นผู้ริเริ่มสร้าง โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเป็นผู้วางศิลาฤกษ์ พระนอนบางพลี นับว่าเป็นพระนอนที่มีความยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาวองค์พระตั้งแต่ปลายเกศจนถึงพระบาท 53 เมตร (26 วา 1 ศอก 9 นิ้ว) กว้าง 6.5 เมตร (3 วา 1 ศอก) สูง 18 เมตร องค์พระลงรักปิดทองเหลืองอร่ามตลอดทั้งองค์ อยู่ในอิริยาบทนอนตะแคงขวา พระหัตถ์ซ้ายทอดทาบไปตามพระวรกายด้านซ้าย ส่วนพระหัตถ์ขวาตั้งขึ้นรับพระเศียร มีพระเขนย (หมอน) รองรับ พระบาทสองข้างซ้อนทับเสมอกัน แต่เดิมสร้างอยู่กลางแจ้ง ไม่ได้มีวิหารครอบเหมือนในปัจจุบัน วิหารนั้นได้สร้างขึ้นภายหลัง
* พระพุทธรูปปางไสยาสน์ หรือปางโปรดอสุรินทราหู เป็นพระพุทธรูปประจำวันเกิดวันอังคาร อยู่ในอิริยาบท นอนตะแคงขวา หลับพระเนตร พระหัตถ์ซ้ายทอดทาบไปตามพระวรกาย ส่วนพระหัตถ์ขวาตั้งขึ้นรับพระเศียร โดยหนุนพระเขนย (หมอน) หรือพระเขนยอยู่ใต้พระกัจฉะ (ใต้รักแร้) พระบาทสองข้างซ้อนทับเสมอกัน เรียกกันว่าเป็นการนอนแบบ สีหไสยาสน์ เป็นลักษณะการนอนอย่างราชสีห์ คือนอนอย่างมีสติสัมปชัญญะ ในท่วงท่าที่สำรวมและสง่างาม
ส่วนที่บ้างก็เรียกปางไสยาสน์นี้ว่า "ปางโปรดอสุรินทราหู" นั้น มาจากพุทธประวัติที่ว่า ในสมัยพระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ วัดเชตวันมหาวิหาร ในนครสาวัตถี แคว้นโกศล ซึ่งเป็นแคว้นที่มีผู้ปกครอง คือ พระเจ้าปเสนทิโกศล และมีอสุรินทราหูเป็นอุปราช (อสุรินทราหู มีร่างกายใหญ่โตมาก) เมื่ออสุรินทราหูได้ยินกิตติศัพท์ด้านธรรมะของพระพุทธเจ้าจากเหล่าเทวดา จึงอยากเข้าฟังธรรมเทศนาจากองค์พระศาสดาบ้าง แต่ก็มีทิฐิคิดว่าตนมีร่างกายใหญ่โต พระพุทธเจ้าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา หากไปเฝ้าจะต้องน้อมตัวก้มหัวให้ ซึ่งตนนั้นไม่ยอมก้มหัวให้ใคร แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเหาะไปหา
เมื่อพระพุทธเจ้าทรงทราบด้วยญาณว่าอสุรินทราหูจะมา จึงรับสั่งให้พระอานนท์จัดที่ประทับ ปูที่นอนไว้ จากนั้นทรงแสดงพุทธปาฏิหาริย์ เนรมิตพระวรกายให้ใหญ่กว่าขุนเขา แล้วเสด็จไปประทับในลักษณะสีหไสยาสน์ พระเศียรหนุนภูเขาแทนหมอน เมื่ออสุรินทราหูมาถึง กลายเป็นว่าตัวเล็กกว่าพระพุทธองค์ จนถึงกับต้องแหงนมองคอตั้งบ่า จึงรู้สึกปลาบปลื้มใจ
หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าได้พาอสุรินทราหูขึ้นไปยังชั้นพรหมโลก โดยเกาะกับพระองค์ไว้ เมื่อบรรดาเทวดาเห็นอสุรินทราหู จึงมองราวกับเป็นแมลงที่เกาะอยู่เท่านั้น จนอสุรินทราหูเกิดความกลัว และลดทิฏฐิความทะนงตนอวดตัวลง หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าจึงแสดงธรรมเทศนา อสุรินทราหูเมื่อได้ฟังธรรมแล้วจึงเกิดความเลื่อมใสในพุทธศาสนาตั้งแต่บัดนั้น
องค์พระพุทธรูปปางไสยาสน์ ตั้งอยู่บนฐานสูง พระเขนย(หมอน) ที่เท้าแขนอยู่ มีลักษณะเป็นสามเหลี่ยมคล้ายหน้าบัน ประดับด้วยลวดลายปูนปั้นรูปพระพุทธรูปปางสมาธิ ด้านข้างเป็นลายเทพพนม บริเวณฐานพระนอน มีพระพุทธรูปปางสมาธิองค์เล็กวางเรียงรายโดยรอบ จิตรกรรมฝาผนังภายในวิหาร ด้านเศียรพระเป็นรูปพุทธประวัติ แบ่งเป็นช่องสี่เหลี่ยมเล่าเรื่องราวเป็นตอนๆ
ความพิเศษขององค์พระพุทธไสยาสน์นี้ นอกจากมีขนาดใหญ่แล้ว ยังสามารถเข้าไปข้างในเพื่อปิดทองที่หัวใจองค์พระได้ (มีค่าบำรุงในการเข้าชมหัวใจพระ) ภายในองค์พระแบ่งพื้นที่เป็น 4 ชั้น มีบันไดเดินขึ้นจากด้านใน คือ
ชั้น 1 เป็นห้องพักสำหรับผู้มาปฏิบัติธรรม
ชั้น 2 เป็นการแสดงภาพวาดตามฝาผนังและเสา เป็นภาพพระสงฆ์เกจิอาจารย์สำคัญ
ชั้น 3 แสดงภาพจิตรกรรมฝาผนังเพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านพุทธศาสนา มีภาพหลากหลายรูปแบบ เช่น พุทธประวัติ พระโพธิสัตว์ เรื่องความดีความชั่ว คุณธรรมจริยธรรม และภาพการทำพิธียกเกศพระนอน เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2529 มีให้ชมมากกว่า 500 ภาพ ซึ่งเป็นฝีมือการวาดภาพของอาจารย์วัจฉละ สาเงิน อาจารย์ศิลปะจากโรงเรียนสตรีสมุทรปราการ แต่ละภาพมีข้อความบรรยายไว้ให้เดินอ่าน เดินชมได้เพลินๆ
ชั้น 4 เป็นชั้นบนสุดที่มีหัวใจพระ บริเวณนี้มีพื้นที่ไม่กว้างนัก ส่วนของหัวใจองค์พระเป็นผนังทำเป็นลายนูนต่ำ แสดงส่วนของอวัยวะภายใน ตับ ลำไส้ และหัวใจองค์พระ จุดนี้สามารถปิดทองที่หัวใจ เพื่อเป็นการสักการะองค์พระกันถึงกลางใจกันเลย
พระอุโบสถ
พระอุโบสถ เป็นอีกหนึ่งความงดงามที่ไม่ควรพลาดชม สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2472 ตั้งอยู่ด้านหลังวิหารพระนอน พระอุโบสถสร้างหันหน้าไปทางทิศใต้ หรือทางคลองสำโรง ซึ่งแต่เดิมเป็นเส้นทางคมนาคมหลัก ต่อมาเส้นทางหลักเปลี่ยนเป็นถนน เมื่อสร้างวิหารหันหน้าไปทางเส้นทางถนนหลัก โบสถ์และวิหารจึงมีลักษณะหันหลังชนกัน พื้นที่บริเวณโบสถ์ล้อมรอบด้วยระเบียงคด ภายในระเบียงคดประดิษฐานพระพุทธรูปเรียงรายไว้มากมาย มีจุดที่ให้ลอดใต้โบสถ์เพื่อความเป็นสิริมงคล และเป็นการสะเดาะเคราห์ ใต้พระอุโบสถทำเป็นโถงทางเดินโปร่ง กว้าง เดินได้สะดวก ภายในมีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังเป็นเรื่องราวของการทำความดีความชั่ว และมีลูกนิมิตลูกเอกครั้งเมื่อสร้างโบสถ์ ให้ปิดทองได้อีกด้วย
อาคารพระอุโบสถ ณ วัดบางพลีใหญ่กลาง เป็นพระอุโบสถที่ประดับลวดลายทั้งหลัง โดดเด่นด้วยการลงสีทอง ดูสวยงามอร่ามตา ใช้สีแดงทาตัดกันที่พื้นตามขอบประตู หน้าต่าง เพดาน ด้านหน้าและหลังโบสถ์ มีบันไดทางขึ้นเป็น มกรคายนาค 5 เศียร** ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธาน หลวงพ่อสุริยะ หรือหลวงพ่อสูรย์ ในพุทธลักษณะแบบพระพุทธชินราช ที่เป็นที่นับถือศรัทธาของชาวบ้าน
** มกร (อ่านว่า มะ-กะ-ระ หรือ มะ-กอน) หรือตัวเหรา (อ่านว่า เห-รา) เป็นหนึ่งในสัตว์ป่าหิมพานต์ ลักษณะคล้ายจระเข้ผสมนาค เป็นสัตว์กินเนื้อ มีขาหน้า 1 คู่ ขาหลัง 1 คู่ ลำตัวมีเกล็ด ตัวเหยียดยาวคล้ายพญานาค รู้จักกันว่าเป็น "ตัวสำรอก" ที่กำลังคายอะไรบางอย่าง (ไม่ใช่กำลังกลืน) เช่นคายพญานาค หรือคายพวงอุบะ มักจะปรากฏในศิลปะทางภาคเหนือของไทย ตามความเชื่อของชาวล้านนา พม่า เขมร ลาว เป็นลวดลายประกอบหน้าบัน ทับหลัง และราวบันได หากเป็นราวบันได สามารถสังเกตได้จากบริเวณเชิงบันได จะเห็นเป็นตัวมกร กำลังอ้าปากคายพญานาคออกมาเป็นหัวบันได ตัวมกรจะมีขาหน้าและขาหลังแสดงให้เห็น สำหรับเชิงบันไดโบสถ์วัดบางพลีใหญ่กลางนี้ จะเป็นตัวมกร คายพญานาค 5 หัวออกมา
พระมหาเจดีย์พิศาลวุฒิกิจมงคลมหาชนบูชิต
พระมหาเจดีย์พิศาลวุฒิกิจมงคลมหาชนบูชิต หรือพระมหาเจดีย์วัดกลาง เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ (ในปี พ.ศ.2560 กำลังอยู่ในระหว่างการประกอบเรือนยอดที่เกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว) โดยมีพิธียกยอดฉัตรทองคำขึ้นสู่ยอดมหาเจดีย์ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2559 องค์เจดีย์ตั้งอยู่ใกล้กับคลองสำโรง ซึ่งเป็นบริเวณหน้าวัด มีความโดดเด่น มองเห็นได้แต่ไกล
พระมหาเจดีย์ มีความสูงประมาณ 95 เมตร กว้าง 50 เมตร ตั้งอยู่บนอาคาร 3 ชั้น เป็นเจดีย์ทรงกลม ส่วนบนมีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปพระพุทธเจ้า 28 พระองค์ (พระพุทธรูปปางประทานพร ขนาดหน้าตัก 29 นิ้ว) เหนือขึ้นไปเป็นพระพุทธรูปประทับยืนในซุ้มจระนำ 8 ทิศ ส่วนอาคารที่เป็นเสมือนฐานขององค์เจดีย์ ชั้นแรกประดิษฐานพระสังกัจจายน์ ชั้นที่ 2 ประดิษฐานพระพุทธรูปสมัยอู่ทอง สุโขทัย และเชียงแสน ชั้นที่ 3 ประดิษฐานพระแก้วมรกตจำลอง และบนองค์พระเจดีย์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดบางพลีใหญ่กลาง
- ศาลพญาศรีสุทโธนาคราช (มีเศียรเป็นพญานาค ร่างกายเป็นคน) อยู่หน้าวิหารพระนอน
- ห้องพระอินทร์ พระพิฆเนศ อยู่ด้านหลังวิหารพระนอน
- พระพุทธเจ้าปางปรินิพพาน (มีลักษณะคล้ายกับปางไสยาสน์ คือนอนตะแคงขวา พระหัตถ์ซ้ายทอดตามพระวรกายด้านซ้าย ส่วนพระหัตถ์ขวาวางราบหงายพระหัตถ์อยู่ข้างพระเศียร)
- หลวงพ่อโสธรองค์จำลอง
- เรือสำเภาโบราณ ตั้งอยู่บริเวณท่าน้ำ
สถานที่น่าสนใจบริเวณใกล้เคียง
- วัดบางพลีใหญ่ใน
- ตลาดน้ำบางพลีใหญ่ใน
การเดินทาง
ห่างจากวัดบางพลีใหญ่ใน 1 กิโลเมตร
ห่างจากเมกา บางนา 8 กิโลเมตร
ห่างจากสถานตากอากาศบางปู 17 กิโลเมตร
ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิ 17 กิโลเมตร
เส้นทางรถยนต์
เส้นทาง ถนนสุขุมวิท -> ถนนเทพารักษ์
1 | หากใช้ถนนสุขุมวิท (ขาออก) จากแยกบางนา มุ่งหน้าสมุทรปราการ เมื่อผ่านอิมพีเรียล เวิลด์ สำโรง จะข้ามสะพานข้ามคลองสำโรง แล้วเจอแยกไฟแดง จึงเลี้ยวซ้ายแยกนี้ (เป็นถนนเทพารักษ์) |
2 | เมื่อเลี้ยวมาแล้ว ตรงตามป้ายบางพลี - บางบ่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งผ่านหน้าบิ๊กซีบางพลีไปสักระยะ จึงเลี้ยวซ้ายตามป้ายบอกทางเข้าวัดบางพลีใหญ่ใน |
3 | จากนั้นตรงไปจนผ่านหน้าวัดบางพลีใหญ่ใน แล้วจึงเลี้ยวซ้ายตรงสามแยกแรก จากนั้นตรงตามเส้นทางหลักไปเรื่อยๆ (ไปตามป้ายวัดพระนอน) วัดบางพลีใหญ่กลางจะอยู่ทางซ้ายมือ |
เส้นทาง ถนนบางนา-ตราด -> ถนนกิ่งแก้ว-บางพลี
1 | หากใช้ถนนบางนา-ตราด (ขาออก) จากแยกบางนา มุ่งหน้าชลบุรี ตรงไปเรื่อยๆ ตามป้ายบอกทางสะพานกลับรถไป อ.บางพลี (ทางออกคู่ขนานอยู่ประมาณ กม.12 แถวหน้าตลาดกิ่งแก้ว / แม็คโครบางพลี) |
2 | เมื่อกลับรถมาแล้ว ตรงกลับมาผ่านหน้าโฮมโปร (จุดนี้มีทั้งโฮมโปร Market Village และโลตัส) แล้วจึงเลี้ยวซ้ายตรงข้างโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 1 |
3 | เลี้ยวซ้ายมาแล้ว จะเป็นถนนกิ่งแก้ว-บางพลี ตรงไปอีกราว 3 กิโลเมตร จะมีป้ายบอกทางเลี้ยวซ้ายไป ที่ว่าการอำเภอบางพลี / สภ.บางพลี / อบต.บางพลีใหญ่ จึงชิดเลนซ้ายสุด (ไม่ขึ้นสะพานข้ามแยก) |
4 | จากนั้นเลี้ยวซ้ายตามป้าย อบต.บางพลีใหญ่ แล้วตรงไปอีกไม่ไกลจะเห็นวัดบางพลีใหญ่กลางอยู่ทางขวามือ |
** หากใช้เส้นทางพิเศษบูรพาวิถี ให้ออกตามป้ายบางพลี เมื่อลงมาแล้วตรงตามป้ายสะพานกลับรถไป อ.บางพลี พอกลับรถแล้วไปเลี้ยวซ้ายข้าง รพ.จุฬารัตน์ 1 เข้าสู่ถนนกิ่งแก้ว-บางพลี
เส้นทาง ถนนศรีนครินทร์ -> ถนนเทพารักษ์
1 | หากใช้เส้นทางถนนศรีนครินทร์ (ขาออก) มุ่งหน้าสมุทรปราการ พอผ่านฟู้ดแลนด์, แจส เออเบิน จากนั้นเลี้ยวซ้ายตามป้าย ถนนเทพารักษ์ มุ่งหน้าบางพลี |
2 | เลี้ยวซ้ายแล้วตรงไปจนผ่านบิ๊กซีบางพลี จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าซอยวัดบางพลีใหญ่ใน ผ่านหน้าวัดแล้วเลี้ยวซ้ายสามแยกแรก ตามป้ายวัดพระนอนไปจนถึงวัดบางพลีใหญ่กลาง |
** หากใช้เส้นทางถนนวงแหวนรอบนอก (ถนนกาญจนาภิเษก) ให้ลง ถนนเทพารักษ์ มุ่งหน้าบางพลี จากนั้นตรงไปจนผ่านหน้าบิ๊กซีบางพลี แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยวัดบางพลีใหญ่ใน เพื่อไปยังวัดบางพลีใหญ่กลาง
รถโดยสารประจำทาง
รถเมล์ (ถนนบางนา-ตราด) + รถสองแถว
- นั่งรถเมล์เส้นที่วิ่งบางนา-ตราด (สาย 132, 133, 365) ลงป้ายแม็คโคร บางพลี จากนั้นข้ามถนนมาฝั่งตรงข้าม (เป็นโฮมโปร / Market Village / โลตัส) รอขึ้นสองแถวสาย บิ๊กซี-รอบเมือง (ผ่านวัดเลย)
รถสองแถวสายบิ๊กซี - รอบเมือง (บิ๊กซี - บางนาตราด)
รถสองแถวสีฟ้าแถบขาว (สาย 1205) สายนี้จะวิ่งเป็นวงกลม คิวจะอยู่แถวหน้าบิ๊กซีบางพลี จากนั้นวิ่งเส้นบางพลี-กิ่งแก้ว เข้าถนนบางนา-ตราด จนวนกลับมาที่บิ๊กซีเหมือนเดิม
เส้นทาง: บิ๊กซีบางพลี - เลี้ยวเข้าซอยวัดบางพลีใหญ่ใน(วัดหลวงพ่อโต) - รร.บางพลีราฎร์บำรุง - วัดบางพลีใหญ่กลาง - ซอยหมู่บ้านลิขิต 7 - อบต.บางพลีใหญ่ - ออกถนนบางพลี-กิ่งแก้ว - กลับรถใต้สะพานข้ามคลองสำโรง - ถนนกิ่งแก้ว(มุ่งหน้าบางนาตราด) - เลี้ยวซ้ายแยกกิ่งแก้วเข้าบางนาตราด - ผ่านแยกกาญจนาภิเษก - หน้าเมกาบางนา - รร.ราชวินิตบางแก้ว - รพ.ปิยะมินทร์ - กลับรถตรงสะพานกลับรถ (กม.5) - หมู่บ้านกฤษดานคร 21 - โลตัสเอ็กตร้าบางนา - ตลาดกิ่งแก้ว - แมคโครบางนา - กลับรถตรงสะพานกลับรถบางพลี (กม.12) - โฮมโปรกิ่งแก้ว(Market Village / โลตัส) - เลี้ยวซ้ายเข้าถนนกิ่งแก้ว - เข้าซอย อบต.บางพลีใหญ่ - วัดบางพลีใหญ่กลาง - วัดบางพลีใหญ่ใน (วัดหลวงพ่อโต) - เลี้ยวขวาถนนเทพารักษ์ - กลับรถมาหน้าบิ๊กซีบางพลี
รถเมล์ (ถนนสุขุมวิท) + รถสองแถว (จากตัวเมืองปากน้ำ)
- นั่งรถเข้าตัวเมืองปากน้ำ สาย 25, 102, 142, 507, 508, 511, 536 ลงป้ายหน้าวัดพิชัยสงคราม
- จากนั้นเดินตามถนนจนถึงสี่แยกไฟแดงแรก จึงเลี้ยวซ้ายมุมถนน (จะเป็นถนนนารายณ์ปราบศึก) เดินเข้าไปไม่ไกลนัก จะเห็นคิวรถทางขวามือ สองแถวสีส้ม สายปากน้ำ - แพรกษา - คลองเก้า - บิ๊กซีบางพลี
- นั่งไปลงรถที่บิ๊กซีบางพลี แล้วรอรถสองแถวสายรอบเมืองหน้าบิ๊กซี รถจะวนไปถึงวัดบางพลีใหญ่กลาง
รถไฟฟ้า BTS (สำโรง) + รถตู้
- นั่งรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสำโรง (ทางออก 1) จากนั้นเดินบนทางสกายวอล์ค ย้อนกลับไปตรงหน้าห้างอิมพีเรียลเวิลด์ (ตรงหน้าธนาคาร UOB) มีคิวรถตู้สาย สำโรง-บางบ่อ นั่งมาลงหน้าบิ๊กซีบางพลี จากนั้นต่อรถสองแถวไปยังวัด
รถไฟฟ้า BTS (สำโรง) + รถสองแถว (ถนนเทพารักษ์)
- นั่งรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสำโรง (ทางออก 6) ลงมาแล้วเดินผ่านหน้าสถานีตำรวจภูธรสำโรงเหนือ ไปทางสามแยกเทพารักษ์ เลี้ยวซ้ายมุมถนน แล้วรอรถสองแถว (ตรงหน้า 7-11) จะมีรถสองแถวสีส้ม (ที่เขียนว่าบิ๊กซี บางพลี) นั่งสองแถวมาลงที่บิ๊กซี จากนั้นต่อสองแถวหน้าบิ๊กซี (สายบิ๊กซี - รอบเมือง) ถึงวัดเลย
รถไฟฟ้า BTS (สำโรง) + รถสองแถว (ซอยวัดด่านสำโรง)
- นั่งรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสำโรง (ทางออก 1) จากนั้นเดินบนทางสกายวอล์ค ย้อนกลับไปลงฝั่งตรงข้ามห้างอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง เดินเข้าไปในซอยวัดด่านสำโรง (ซอยสุขุมวิท 113) ประมาณ 100 เมตร ขึ้นสองแถวสีน้ำเงิน ที่เขียนว่าสำโรง-หนามแดง-บางพลี รถจะวิ่งไปถึงวัดบางพลีใหญ่กลางเลย
ข้อมูลการติดต่อ วัดบางพลีใหญ่กลาง
เวลาเปิดให้เข้าวิหารพระนอน: 8.10 - 16.30 น.
เวลาเปิดให้ชมหัวใจพระ: 9.00 - 15.00 น.
ที่อยู่ 1 หมู่ 8 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10540
โทร 02-337-3455, 02-337-4020, 02-337-3458