เช้าวันที่สองของทริปสตูล หลังจากกินข้าวต้มทะเลตอนเช้า เราก็เก็บข้าวของพร้อมออกเดินทาง จากโฮมสเตย์เพื่อไปยังโปรแกรมต่อไปคือเกาะหลีเป๊ะ เกาะในฝันของหลายๆ คนที่รักหมู่เกาะ ทะเลสีคราม น้ำใสแจ๋วราวกับตู้ปลา
รถตู้ไปส่งเราไว้ที่ท่าเรือปากบารา เพื่อนั่งเรือข้ามไปยังเกาะหลีเป๊ะ ท่าเรือปากบารา อยู่ปากคลองละงู ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล ในปัจจุบันบริเวณท่าเรือได้รับการปรับปรุง สร้างใหม่ให้มีความสะอาด สวยงาม และสะดวกมากขึ้นกว่าในอดีตมาก มีลานจอดรถ บริษัทเรือเช่า และร้านค้าขายสินค้าต่างๆ ด้วย
สำหรับตอนนี้ การเข้าใช้บริการท่าเรือปากบารา ต้องเสียค่าธรรมเนียมคนละ 20 บาท (เฉพาะขาออกจากท่าเรือไปเกาะต่างๆ)
พวกเราเตรียมกินอาหารกลางวันไว้ซะตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะเมื่อไปถึงเกาะแล้วต้องออกไปดำน้ำทันที ซึ่งหลังจากกินอาหารแล้ว แต่ละคน ต่างก็ไปตามหาซื้อน้ำและขนมพกไปด้วย เพราะแน่นอนว่า ราคาของบนเกาะมักจะแพงกว่าบนฝั่งถึง 2-3 เท่า
การซื้อตั๋วไปยังเกาะ สามารถซื้อที่ท่าเรือได้เลย แต่เราได้ติดต่อพร้อมที่พักไว้แล้ว จึงแค่ติดต่อรับบัตรเรือจากที่จองไว้ ราคาอยู่ที่เที่ยวละ 600 บาท หรือไป-กลับ 1000 บาท มีทั้งเรือสปีดโบ๊ทลำใหญ่และเรือไฮสปีดเฟอรี่ ซึ่งทางท่าจะจัดการให้ว่าเป็นเรือแบบไหน เรือที่เราได้ไปกลับเป็นเรือเฟอรี่ ที่บรรทุกผู้โดยสารได้ประมาณ 70-80 คน แต่ก็ทำเวลาได้ไม่ต่างกันมากนักคือประมาณ 1ชั่วโมงครึ่ง ปกติแล้วเรือจะต้องแวะที่เกาะตะรุเตา เพื่อให้ลงไปชมทะเลที่เกาะไข่กันก่อน แต่อาจเป็นเพราะเกาะหลีเป๊ะ กำลังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เรือบางเที่ยวจึงวิ่งตรงจากปากบาราไปเกาะหลีเป๊ะเลย (อาจขึ้นอยู่กับช่วงฤดูกาลด้วย) เพราะฉะนั้นการจะเลือกเที่ยวเรือแต่ละวันนั้น ควรต้องเช็คให้ดีก่อน เที่ยวเรือขาไปมีรอบ 11.30-13.30 น. ส่วนขากลับมีรอบ 9.00 และ 13.00 น.
-เกาะหลีเป๊ะ อยู่ในกลุ่มของหมู่เกาะในเขตอุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะตะรุเตา ห่างจากท่าเรือปากบารา 67 กิโลเมตร เป็นเกาะเล็กๆ ความยาวแค่ประมาณ 3 กิโลเมตร ความกว้างประมาณ 1.75 กิโลเมตร อยู่ทางใต้ของเกาะอาดัง ห่างจากเกาะอาดังแค่กิโลเมตรกว่า ๆ แหล่งดำน้ำสำคัญบางแห่ง จึงเป็นบริเวณเดียวกันกับกลุ่มเกาะอาดัง-ราวี ถึงแม้เกาะหลีเป๊ะจะอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ แต่เกาะนี้ก็ได้รับการยกเว้นจากอุทยานฯ ให้ชาวบ้านบนเกาะและคนพื้นที่ ดูแลจัดการพื้นที่กันเอง ส่วนทางอุทยาน คอยให้ความช่วยเหลือ เรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
เกาะหลีเป๊ะมีรูปร่างคล้ายมูมเบอแรงคว่ำ หาดที่อยู่ทางด้านโค้งเป็นอ่าวใหญ่ทางใต้เรียก หาดพัทยา2 (หรือที่เดิมเรียกกันว่า หาดบันดาหยา) เป็นหาดที่มีความคึกคัก เปรียบได้กับหาดพัทยา แต่ความเป็นจริงแล้วก็ไม่เหมือนซะทีเดียว เพราะที่นี่ยังมีความสงบ และความเป็นธรรมชาติกว่ามาก หน้าหาดพัทยานี้มีร้านค้า ร้านอาหาร และที่พักเป็นจำนวนมาก กลางหาดมีซอยถนนคนเดิน จากหน้าหาดลึกเข้าไปเกือบกิโล เปิดตั้งแต่ 6 โมงเย็น ไปจนถึงเที่ยงคืน สองฝั่งของถนนคนเดิน มีร้านอาหารในบรรยากาศต่างๆ ที่ราคาถูกกว่าร้านอาหารติดริมทะเล ร้านโรตี รสชาติต้นฉบับชาวใต้ ร้านพิซซ่า ร้านขายสินค้า ของฝาก และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ ยังมีร้านที่ให้บริการด้านอินเตอร์เน็ต การดำน้ำ บริการทัวร์ นักท่องเที่ยวที่มาพักบริเวณหาดนี้ จึงเป็นกลุ่มที่ต้องการความสะดวกสบาย ในการหาของกินของใช้
-หาดทางตะวันออกของเกาะคือ หาดซันไรซ์บีช (Sunrise Beach) หรือหาดชาวเล เป็นหาดที่มีความสงบ สวยงาม มีความร่มรื่นเป็นธรรมชาติ ต้นมะพร้าวยาวเป็นทิวแถวตามแนวริมหาด เหมาะกับผู้ที่ชอบหลบจากความวุ่นวายของผู้คน และต้องการหาความรื่นรมย์จากธรรมชาติล้วนๆ
-หาดทางด้านเหนือของเกาะ ที่หันหน้าเข้าสู่่เกาะอาดังคือ หาดซันเซ็ท (Sunset Beach) หรือหาดประมง เป็นหาดที่ค่อนข้างเงียบกว่าหาดอื่น ๆ มีที่พักอยู่จำนวนไม่มาก มีร้านอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกน้อยกว่าหาดอื่น ๆ
เมื่อเรือมาถึงบริเวณเกาะ เรือจะให้ขึ้นเทียบท่าโป๊ะแพพัก บริเวณหน้าหาดพัทยา 2 (หาดชื่อว่าพัทยา) ก่อนถึงเกาะประมาณ 500 เมตร บริเวณนี้มีการเก็บค่าธรรมเนียม สำหรับการดูแลรักษาความสะอาด และพัฒนาสาธารณูปโภคบนเกาะหลีเป๊ะ (หรือที่หลายคนเรียกว่า ค่าเหยียบเกาะ) อีกคนละ 20 บาท (เสียเฉพาะขาเข้าเกาะ) จากนั้นต้องลงเรือหางยาวจากแพพักนี้ ไปยังเกาะเสียค่าเรือคนละ 50 บาท ซึ่งขากลับก็จะต้องจ่ายค่าเรือหางยาวตอนออกมายังแพพัก เพื่อรอขึ้นเรือใหญ่อีกทอดหนึ่งเช่นเดียวกัน (ค่าเรืออีกคนละ 50 บาท) โชคดีที่คณะเราได้จองที่พักไว้กับวารินทร์บีชรีสอร์ท ที่ให้เรือมารับโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก
เมื่อมาถึงเกาะหลีเป๊ะแล้ว พอได้สัมผัสผืนทรายที่ละเอียดยิ่งกว่าแป้ง และเห็นวิวความสวยงามของหาดทรายขาวโพลน ทะเลสีฟ้าใส ทำให้เข้าใจแล้วว่า ทำไมใครๆ ต่างพูดถึงหลีเป๊ะว่า เป็นหนึ่งในบรรดาเกาะที่สวยงามที่สุดที่ไม่ควรพลาด
กิจกรรมแรก เมื่อขึ้นมาถึงเกาะในเวลาหลังเที่ยง (แบบว่าแดดเปรี้ยง ๆ แทบลืมตาไม่ขึ้น) ก็คือการออกไปดำน้ำ เราได้เช่าเรือไว้ เพื่อได้ไปดำน้ำดูปะการังตามจุดยอดฮิตต่างๆ ซึ่งก็มีความงามแตกต่างกันไป เช่น
ร่องน้ำจาบัง เป็นร่องน้ำที่มีกระแสน้ำค่อนข้างเชี่ยว แต่ก็มีเชือกโยงไว้ให้ไต่ตามเชือก เพื่อดูปะการังหลากสีสัน ที่มีถึง 7 สี ครั้งนี้โชคดี ที่ได้เห็นปลาสิงโตสองตัวกำลังลำแพนครีบอย่างสวยงาม
ต่อมาเป็นเกาะยอดฮิตที่แทบทุกทริปต้องแวะ ซึ่งก็คือ เกาะหินงามนั่นเอง เป็นมุมที่ธรรมชาติสร้างสรรไว้อย่างน่าอัศจรรย์ ตรงที่หินทุกก้อนในบริเวณนี้มีลักษณะมลเกลี้ยงเป็นดำมัน มีขนาดพอๆ กัน บางคนถึงกับเชื่อว่าถ้าใครตั้งหินได้ 13 ชั้นเรียงกัน จะได้เลื่อนยศเลื่อนขั้น คิดอะไรสมปรารถนา แหมเราก็อยากอธิษฐานกะเค้ามั่ง แต่หินดำขลับเหล่านี้มันร้อนจนจับแทบไม่ไหว เลยได้แต่ดูคนเค้าพยายามนั่งตั้งหินกันไป
ต่อจากเกาะหินงาม คนเรือก็พาพวกเราไปพักเล่นน้ำที่หาดทรายขาว ตรงเกาะราวี ที่ถือว่าเป็นจุดที่สวยงามและมีความเป็นธรรมชาติมาก
แม้ว่าเพียงค่ำคืนเดียวบนเกาะ อาจจะดูน้อยไป สำหรับการเดินทางไกลลงมาถึงสุดเขตประเทศไทย แต่ก็คุ้มค่ากับการได้มาสัมผัสเกาะที่สวยงาม ของทะเลอันดามัน ภาพความสวยงามของโลกใต้ผิวน้ำ คงไม่สามารถบรรยายด้วยคำพูดหรือรูปภาพใดๆ ได้มากไปกว่าการเก็บภาพความทรงจำดีๆ ไว้ในใจที่…หลีเป๊ะ
ข้อมูลเพิ่มเติม
-ช่วงเวลาที่เหมาะกับการเที่ยวเกาะหลีเป๊ะคือช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน (บางช่วงสามารถเที่ยวได้ถึงเดือนพฤษภาคม)
- ตอนนี้สามารถเดินทางไปเที่ยวเกาะหลีเป๊ะโดยสายการบินราคาประหยัด เช่น แอร์เอเชีย ไทยแอร์เวย์ และนกแอร์ ซึ่งเที่ยวบินบางเที่ยวได้รวมค่าใช้จ่ายในการเดินทางตั้งแต่ค่าเครื่องบินจากกรุงเทพ-หาดใหญ่ ค่ารถตู้ทรานเฟอร์ไปท่าเรือปากบารา และค่าเรือข้ามไปเกาะหลีเป๊ะ
- Walking Street หลีเป๊ะ ตั้งแต่ 18.00-24.00 น.
หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ
รถทัวร์ บขส. 0 2872 1777
เรือ Andaman Express (สตูล-หลีเป๊ะ) 086 9648929, 081 479 7159
ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
- ค่าใช้จ่ายการเดินทาง
- ค่าธรรมเนียมผ่านท่าเรือปากบารา คนละ 20 บาท (จ่ายเที่ยวเดียว)
- ค่าธรรมเนียมการขึ้นเกาะคนละ 20 บาท (จ่ายเที่ยวเดียว)
- ค่าเรือหางยาวจากโป๊ะเทียบเรือไปยังเกาะหลีเป๊ะ คนละ 50 บาทต่อเที่ยว (ไป-กลับ = 100 บาท)
- ค่าเรือ ปากบารา-เกาะหลีเป๊ะ (ไป-กลับ) 1000 บาท (ราคาขอต่อรองมา)
- ค่าเช่าเรือดำน้ำดูปะการัง 2000 บาท สำหรับโปรแกรม One Day Trip ดำน้ำดูปะการัง 4 จุดโซนใน คือ ร่องน้ำจาบัง + เกาะหินงาม + เกาะยาง + หาดทรายขาวเกาะราวี (รวมค่าชูชีพ)
- ค่าที่พักวารินทร์บีชรีสอร์ท (ห้องการ์เดนวิว) คืนละ 2000 (สำหรับ 2 คน รวมบุฟเฟ่อาหารเช้า)
- ค่ารถทัวร์ บขส. สตูล-กรุงเทพ (รถ 46 ที่นั่ง) 749 บาทต่อคน
|