แบกเป้ลงใต้ไปสตูล

ถ้ำภูผาเพชร / ล่องแก่งคลองลำโลน / บ้านพักโฮมสเตย์ไพรทอง

ข้อมูลทั่วไป

 
Image Gallery

บ้านพักโฮมสเตย์ไพรทอง ตั้งอยู่บนเส้นทางไปน้ำตกวังสายทอง เป็นบ้านพักที่สร้างอยู่เลียบคลองลำโลน มีลักษณะเหมือนบ้านที่อยู่อาศัยโดยทั่วๆ ไป ทำด้วยไม้มีใต้ถุนสูง ชั้นบนเป็นห้องโถงใหญ่ 1 ห้อง มีหน้าต่างโดยรอบ และมีห้องเล็กๆ อีกหนึ่งห้อง บ้านหลังนี้สามารถพักได้ไม่ต่ำกว่า 10 คน ด้านหน้าและด้านหลังห้องโถง มีประตูเปิดไปเป็นระเบียงเล็กๆ พอให้ยืนรับบรรยากาศจากขุนเขาด้านหน้้า และฟังเสียงลำน้ำที่ระเบียงด้านหลัง ไม่มีเตียงหรือเฟอร์นิเจอร์ใดๆ นอกจากมีที่นอนปูนอนเฉพาะคนไม่หนานัก ปูเรียงกันตามจำนวนคนที่มาพัก มีหมอนเล็กๆ และผ้าห่มให้คนละผืน นอกจากบ้านหลังใหญ่แล้ว ที่พักยังมีเป็นบ้านหลังเล็กๆ อีกสองหลัง อยู่ในบริเวณใกล้เคียง สำหรับพักหลังละสองคน เป็นเหมือนกระท่อมชั้นเดียว ปลูกสูงกว่าพื้นไม่มากนัก มีชานหน้าบ้านเล็กๆ ให้นั่งเล่นได้

โฮมสเตย์ส่วนใหญ่ในระแวกนี้ จะอยู่ติดคลองลำโลน ซึ่งคลองที่ว่าหน้าตาเหมือนเป็นลำธารมากกว่า เพราะมีแก่งหินเล็กหินน้อย น้ำก็ตื้นๆ ใสแจ๋ว เหมือนน้ำจากธารน้ำตก น้ำไหลผ่านโขดหิน ทำให้เกิดเป็นเสียงสายน้ำไหลเบาๆ ฟังแล้วรู้สึกสงบ ช่วยปรับอารมณ์ของคนกรุงเทพ ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายให้ผ่อนคลาย และสัมผัสความเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง

แบกเป้ลงใต้คราวนี้ลุยกันไปถึงจังหวัดสตูล จังหวัดใต้สุดของไทยในฝั่งอันดามัน เป็นที่ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีชาวเงาะเซมัง (หรือที่เรียกกันผิดกันมาตลอดว่าชาวซาไก) สถานที่ท่องเที่ยวมีมากมายทั้งถ้ำ ล่องแก่ง และท้องทะเลที่มีท้องฟ้าสีครามน้ำทะเลสีเขียว ทริปนี้ต้องลงไปให้เห็นกับตาว่า สตูล สงบ สะอาด ธรรมชาติบริสุทธิ์ สมกับคำขวัญของจังหวัดจริงหรือไม่

เมื่อรวบรวมสมาชิกกำลังดีที่ 8 คน เป็นการรักษานโยบายประหยัดเข้าไว้เพื่อให้เที่ยวได้บ่อยๆ เพราะว่ามีคนเยอะตัวช่วยหารก็จะมากขึ้น และค่าใช้จ่ายก็จะถูกลง ทริปนี้จองรถทัวร์สาย กรุงเทพ-หาดใหญ่ก่อน เพราะต้องไปรับสมาชิกอีกคน ที่บินตัดตอนตรงมาลงหาดใหญ่ ให้ทันไปลุยพร้อมกับคนอื่นๆ

จากหาดใหญ่ พวกเราเช่ารถตู้ นั่งไปอีกราวๆ 2 ชั่วโมง ตรงไปยังที่พักโฮมสเตย์ไพรทอง เขตอำเภอละงู จังหวัดสตูล เพื่อเก็บข้าวของเปลี่ยนเสื้อผ้า กินข้าวเที่ยง และเปลี่ยนชุดลุย สำหรับกิจกรรมหรรษาของทริปในวันแรก คือการไปถ้ำภูผาเพชร และต่อด้วยล่องแก่งวังสายธารคลองลำโลน

อาหารกลางวันมื้ื้อแรกที่โฮมสเตย์เป็นอาหารแบบพื้่นบ้าน มีแกงจืดไก่ แกงส้มปักษ์ใต้ กินกับปลาตัวเล็กทอด และน้ำพริกผักรวม อาหารรสชาติดีทีเดียว แต่ติดตรงที่ว่าเผ็ดนำตามประสาอาหารใต้ ทำให้คนกรุงที่กินเผ็ดไม่เก่ง ได้ปากเจ่อกันไปนิดๆ

 

หลังจากมื้อเที่ยง เรานั่งรถต่อไปยังถ้ำภูผาเพชร ซึ่งห่างไปไม่กี่กิโลจากที่พัก แค่ 20 นาทีก็ถึง ถ้ำภูผาเพชรเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของสตูล เพราะนอกจากความสวยงามของประติมากรรมหินงอกหินย้อยแล้ว ถ้ำภูผาเพชรยังเป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่มาก โดยมีพื้นที่ภายในถ้ำประมาณ 50 ไร่ หรือเท่ากับ 20,000 ตารางวา ถ้ำนี้ตั้งอยู่ในเขตป่าพน ตำบลปาล์มพัฒนา อำเภอมะนัง เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.30 - 15.30 น. (ช่วงวันหยุด 8.30 - 16.00 น.) ค่าธรรมเนียมผู้ใหญ่คนละ 30 บาท นักเรียนระดับมัธยมและนักศึกษา 20 บาท ส่วนนักเรียนชั้นประถม 10 บาท
เมื่อเราไปถึง ต้องเดินขึ้นจากเชิงเขาขึ้นไปยังปากถ้ำ เป็นบันไดประมาณ 300 กว่าขั้น เป็นการวอร์มร่างกาย เรียกเหงื่อนิดๆ ทางขึ้นมีจุดให้เช่าไฟฉาย อันละ 20 บาท สำหรับส่องดูหินงอกหินย้อยภายในถ้ำ (ภายในถ้ำมีไฟส่องแค่ทางเดิน)

บริเวณหน้าถ้ำ มีเจ้าหน้าที่คอยรอรับกลุ่มนักท่องเที่ยว เป็นเหมือนไกด์ท้องถิ่นนำทางเข้าไปชมจุดต่างๆ ภายในถ้ำ ไกด์แต่ละคนต่างได้รับการอบรมและมีความรู้ ที่สามารถอธิบายได้ถึงหลักของการเกิดหินงอกหินย้อย รวมถึงลักษณะทางธรรมชาติภายในถ้ำได้อย่างละเอียด ปากทางเข้าถ้ำมีขนาดเล็ก ขนาดพอให้คนน้ำหนักน่าจะไม่เกินร้อยผ่านได้ เมื่อผ่านเข้าไปแล้วภายในถ้ำกลับกลายเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ ทางเดินทำเป็นสะพานไม้มีราวจับ และมีโคมไฟติดไว้เป็นระยะๆ

ถ้ำภูผาเพชร มีอายุกว่า 5000 ปี เคยเป็นถิ่นฐานของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เพราะมีการขุดค้นพบซากโครงกระดูกในบริเวณนี้ เป็นถ้ำหินปูนที่เกิดจากภูเขาสองลูกยุบตัวลง เนื่องจากแผ่นดินไหวเมื่อนับพันปีมาแล้ว และทำให้เกิดเป็นโพรงขนาดใหญ่ มีเพดานถ้ำสูง มีอากาศถ่ายเทเพราะมีทางให้ลมเข้าออกหลายทาง (ทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น) มีหินงอกหินย้อยสวยงามตามธรรมชาติหลายรูปแบบ ลักษณะของถ้ำแบ่งเป็นห้องๆ กว่า 20 ห้อง ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมเพียงบางส่วน แต่ละห้องก็มีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไป ตามความสร้างสรรของธรรมชาติที่ปรากฏให้เห็น เช่น

  • เสาค้ำสุริยัน เกิดจากหินงอกและหินย้อย ที่มาบรรจบกันเป็นแท่งหินขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านราวกับค้ำตัวถ้ำไว้ 
  • ห้องปะการัง มีหินงอกที่เกิดจากการกระเซ็นของน้ำ ทำให้เกิดเป็นกลีบดอกพลิ้วเหมือนเป็นปะการังใต้น้ำ
  • ห้องโดมศิลาเพชร มีหินงอกเป็นแท่งสูงตระหง่านเหมือนประติมากรรมขนาดใหญ่ ที่น่าประหลาดก็คือ แท่งหินนี้มีน้ำจากเพดานถ้ำหยดลงบนแท่งหินอยู่ตลอดเวลา แต่น้ำเกือบทั้งหมดซึมเข้าไปในแท่งหิน ไม่ล้นออกมาให้เห็น
  • ห้องอ่างศิลาเป็นบริเวณที่เคยมีน้ำขังเป็นแอ่ง ทำให้เกิดเป็นลักษณะเหมือนอ่างน้ำขนาดต่างๆ ลดหลั่นกันไป
  • ห้องพญานาคพัน เป็นห้องที่เกิดจากระดับน้ำขังที่ขังเป็นระยะเวลานานกว่า 3000 ปี จนทำให้บริเวณผิวของน้ำเกิดการจับตัวของหินปูน เกิดเป็นคราบเป็นเส้นโดยรอบผนังถ้ำ ดูแล้วคล้ายกับลำตัวพญานาคพันอยู่รอบห้อง นอกจากนี้ห้องนี้มีความพิเศษคือ เป็นจุดที่มีความมืด 30 เท่าของความมืดปกติ เพราะเมื่อไกด์ได้พิสูจน์ให้เราได้อยู่ในความมืดสนิทโดยการดับไฟ พบว่าไม่สามารถมองเห็นแสงใดๆ ได้เลย 
  • ห้องสุดท้ายเป็นส่วนที่ติดกับปากปล่องเปิดที่เห็นทิวทัศน์ภายนอก เรียกว่าห้องมรกต เนื่องจากหินที่ตั้งอยู่กลางห้องโถงนี้มีสีเขียวมรกต เมื่อแร่ธาตุในหินทำปฏิกิริยากับแสงแดดที่ส่องกระทบ ทำให้เกิดเป็นสีเขียวมรกตขึ้น

  • เนื่องจากถ้ำภูผาเพชรเป็นถ้ำขนาดใหญ่ ต้องใช้ไกด์ท้องถิ่นนำชม เพื่อให้ได้ความรู้และจินตนาการตามธรรมชาติสร้างสรร จึงต้องใช้เวลาในการชมถ้ำประมาณ เกือบสองชั่วโมง

    หลังจากจบการสำรวจถ้ำแล้ว เราก็มุ่งหน้าต่อไปยังบริเวณคลองลำโลน เพื่อทำกิจกรรมล่องแก่ง สายน้ำคลองลำโลน-วังสายทอง ที่เป็นสายน้ำหลักของป่าต้นน้ำปากบารา ที่มีน้ำใสเย็น ลัดเลาะไปตามแก่งหินซอกเล็กซอกน้อย และมีธรรมชาติสมบูรณ์สองฝั่งคลอง มีน้ำไหลตลอดปี ช่วงที่เหมาะกับการล่องแก่ง คือ พฤศจิกายน ถึงธันวาคม เพราะมีน้ำปริมาณมากกว่าช่วงอื่นๆ แต่กระนั้นการล่องแก่งในคลองลำโลนในช่วงมีนาคม ถึงเมษายนที่มีน้ำน้อยกว่าปกติ ก็สามารถทำได้ และเนื่องจากน้ำในคลองค่อนข้างเย็น เวลาที่เหมาะแก่การล่องแก่งจึงประมาณตั้งแต่เที่ยงไปจนถึงสี่โมงเย็น

    การล่องแก่งเริ่มที่สมาชิกแต่ละคนต้องใส่ชูชีพ เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในขณะล่องเรือ สมาชิกสามารถจับคู่พายกันเอง หรืออาจให้เจ้าหน้าที่ช่วยพายก็ได้ เรือเป็นเรือคายัคที่มีขนาดนั่งได้ 2-3 คน พายง่าย ทั้งสายน้ำไม่เชี่ยวมาก และไม่มีเกาะแก่งอันตราย เด็กโตหรือผู้ทีี่ไม่เคยพายเรือมาก่อน ก็สามารถพายได้ ระยะทางทั้งหมดประมาณ 8 กิโลเมตร มีเกาะแก่งน้อยใหญ่ประมาณ 16 แก่ง ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ล่องแก่งเสร็จแล้วเราก็แวะกันไปชมน้ำตกวังสายทอง ที่เป็นน้ำตกที่ร่มรื่น ปกคลุมไปด้วยผืนป่าธรรมชาติ และโขดหินขาวที่ปกคลุมด้วยหินปูน จึงเป็นน้ำตกแห่งหนึ่งที่ไม่หินไม่ลื่น ปีนป่ายได้โดยไม่มีอันตราย

     

    เมื่อเราเดินทางกลับมาถึงที่พัก ได้เวลาที่หลายคนเริ่มหิวจากการใช้พลังงานในการพายงัดล่องเรือ จึงต้องเติมพลังด้วยมื้อเย็น มื้อนี้เราขอให้เจ้าของบ้านทำกับข้าวแบบไม่ค่อยเผ็ด ธรรมดาๆ แล้วเราก็ได้ ข้าว ไข่เจียว ผัดผักรวม ต้มยำรวมมิตร น้ำพริกผักสด ซึ่งรสชาติไม่แพ้ภัตตาคารชั้นดีเลยทีเดียว

    ข้อมูลเพิ่มเติม
    - ค่าใช้จ่ายในการเดินทางวันแรก
    - ค่ารถทัวร์ขาไป (บขส. 40 ที่นั่ง) สายกรุงเทพ-หาดใหญ่ 872 บาทต่อคน สามารถจองออนไลน์โดยจ่ายผ่าน 7-11 หรือ สอบถามได้ที่โทร. 0-2872-1777
    - ค่าที่พักหลังละ 1500 บาท (โฮมสเตย์ไพรทอง โทร 08-9294-9078, 08-6286-3098)
    - ค่าอาหารโฮมสเตย์มื้อละ 100 บาทต่อคน
    - ค่าเช่าเรือคายัคพร้อมชูชีพ คนละ 200 บาท
    - ค่าธรรมเนียมถ้ำภูผาเพชร คนละ 30 บาท
    - ค่าเช่ารถตู้จากหาดใหญ่(ไม่รวมค่าน้ำมัน) วันละ 1800 บาท

    ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

     
    แบกเป้ลงใต้ไปสตูล เกาะหลีเป๊ะ
    Tourism Authority of Thailand    Amazing Thailand     Pattaya Concierge     ChonHub     Kanchanaburi dot Co
    Copyright © 2016 - 2024 | Ceediz.Com Contact: info@ceediz.com, info.ceediz@gmail.com