พี่คิมคนเห็นผี

หัวข้อกระทู้ ใน 'มุมอ่านเรื่องผี เรื่องเล่าผี นิยายผี เรื่องลึกลับ' เริ่มโพสต์โดย Number18, 2 มีนาคม 2018.

  1. Number18

    Number18 Moderator Staff Member

    ผมชื่อคิม ต้องบอกก่อนว่าผมเนี่ยเห็นผีมาตั้งแต่เด็กๆ มาแบบน่ากลัวบ้าง มาแบบเฉยๆบ้าง มาแบบน่าสงสารก็มี ถามว่ากลัวไหม นี่ก็ 27 ปีกว่าๆมาแล้วครับที่เห็นผีมา เป็นใครก็ต้องชิน

    แต่ผมไม่ชิน!!

    คนปกติทั่วไปอาจจะคิดว่าผีจะต้องโผล่มาเฉพาะตอนกลางคืน พร้อมกับเสียงหมาหอนและอากาศเย็นเฉียบสินะครับ แต่จริงๆแล้วมันไม่เสมอไป ผีที่โผล่พรวดพราดมาตอนแสงแดดแยงตาท่ามกลางอากาศร้อนนรกกลางสี่แยกผมก็เคยเจอมาแล้ว

    ผมเองก็เจอมาหลายประเภท แต่เรื่องที่จะมาเล่าวันนี้เป็นเรื่องที่ทำให้ผมคิดว่าถ้าในอนาคตผมมีลูก ผมก็จะเล่าให้ลูกของผมฟัง

    สมัยทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง ผมมีรุ่นน้องคนหนึ่งชื่อไอ้ทีม ไอ้ทีมทำงานที่นี่มาก่อนผม แต่ดูเหมือนจะเป็นที่เอือมระอาของทุกคน ถึงได้ไม่มีใครอยากจะพูดคุยกับมัน มันจึงมาเกาะติดผมเป็นตังเมตั้งแต่วันแรกที่ผมเข้ามาทำงาน

    ไอ้ทีมเป็นเด็กผู้ชายตัวผอมแห้ง ผิวขาวๆ หน้าตาออกเกาหลี(ที่ยังไม่ผ่านการเกลา) นิสัยงงๆ โง่ๆ พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง สั่งอะไรเข้าหูซ้ายออกหูขวา สั่งชาได้โค้ก สั่งโจ๊กได้ก๋วยเตี๋ยวอะไรแบบนั้น เอาเป็นว่ารู้จักมันแค่นี้พอครับ พูดอะไรไปมากกว่านี้มันจะเสียหาย

    ไอ้ทีมมักจะมาหาผมที่โต๊ะทำงานบ่อยๆ เอางานนู่นนี่นั่นมาให้ช่วยแก้ ซึ่งก็เป็นงานที่เกือบจะสมบูรณ์อยู่แล้ว ขาดแค่นิดๆหน่อยๆตลอด ผมบอกมันหลายครั้งมากว่าอีกนิดก็จะเสร็จแล้ว ให้ลองแก้ด้วยตัวเองดูมันจะภูมิใจกว่า แต่คำตอบที่ได้มาคือ

    “ผมเชื่อใจพี่ แล้วแต่พี่เลย”

    ไอ้ประโยค’แล้วแต่พี่’ของมันนี่แหละที่ทำให้ผมเอือมระอา เพราะมันแล้วแต่ผมทุกเรื่อง แต่เมื่อทำออกมาแล้ว มันกลับทำไอ้สิ่งที่แล้วแต่มัน

    เรื่องมันเกิดเมื่อเดือนกุมภาปีไหนสักปีนึง ไอ้ทีมหลงรักสาวแผนกข้างๆเข้าให้ มันบรรยายสรรพคุณว่าเธอคนนั้นสวยทั้งกาย สวยทั้งใจ แถมยังทำงานดีอีกต่างหาก ผมเองก็ไม่เคยเห็นเธอหรอกครับ แต่ไอ้ทีมก็มาเล่าเรื่องเธอให้ผมฟังทุกวี่วัน

    จนกระทั่งวันที่ 14 กุมภา ไอ้ทีมก็มารบเร้าขอให้ผมช่วยทำอะไรสักอย่างเพื่อให้มันได้คุยกับเธอคนนั้นที่มันไปสืบรู้มาว่าเธอชื่อเนตะระ ถึงผมจะแย้งมันแล้วแย้งมันอีกว่าเขาชื่อเนตรรึเปล่ามึง แต่มันก็ไม่ฟัง


    “พี่ช่วยผมหน่อยดิ”

    “บอกให้ซื้อกุหลาบมา มึงซื้อรึยัง”

    “ทำไมต้องกุหลาบวะพี่”

    “ผู้หญิงเค้าก็ชอบกุหลาบกันทั้งนั้น”

    “แต่ย่าผมชอบดอกบัวนะ ผมเห็นซื้อทุกเช้าเลย”

    “ย่ามึงเค้าเอาไปไหว้พระ ไอ้ควาย!”

    “มะลิผมก็เคยเห็นนะ”

    “มึงจะไปเอาเค้ามาเป็นแม่รึไง”

    “งั้นเอาไงดีวะพี่ ผมไม่มีกุหลาบ”

    “แล้วมึงจะเอาไง”

    “ไม่รู้อ่ะ แล้วแต่พี่เลย”


    หึ แล้วแต่พี่...

    สุดท้ายผมก็ไล่ให้มันไปซื้อกุหลาบมาให้ได้ แล้วพอตกเย็นหลังเลิกงาน ผมก็เห็นมันหอบกระถางดอกดาวเรืองมา โดยให้เหตุผลว่า

    “วันนี้กุหลาบโคตรแพงเลยพี่ ดอกนึงเกือบร้อย นี่ดาวเรือง กระถาง 20 จ่าย 40 ได้ปุ๋ยด้วย”

    เออ เรื่องของมึงเหอะ

    เช้าวันต่อมามันก็มาร้องห่มร้องไห้ใส่ผมว่าคุณเนตะระของมันไม่ยอมรับดอกไม้ที่มันซื้อให้ ก็แน่ล่ะ มันเล่นไปวางไว้หน้าห้องน้ำตอนที่เธอเข้าไปฉี่ ออกมาอีกทีเห็นกระถางดาวเรืองวางอยู่ที่ประตูใครมันจะไปกล้าหยิบ

    ผมได้แต่ปลอบมันไปว่า “มึงเห็นไหม ผู้หญิงเค้าชอบแค่ดอกกุหลาบ มึงรอปีหน้าแล้วซื้อดอกกุหลาบไปให้เธอสิ” มันถึงได้ยิ้มออก

    เย็นวันนั้นขณะที่ผมกำลังเดินไปที่ลานจอดรถเพื่อขับรถกลับบ้าน ผมก็เจอเข้ากับผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง เธอกำลังหอบของจำนวนมากเดินผ่านผมไปด้วยความทุลักทุเล เห็นดังนั้นผมจึงอาสาเข้าไปช่วยเธอถือของไปส่งที่รถ

    หลังจากช่วยเธอเก็บของใส่รถเสร็จเธอก็หันมายิ้มขอบคุณผมแล้วขับรถออกไป แต่ในขณะที่ผมกำลังจะหันหลังกลับแล้วเดินไปที่รถตัวเอง ผมก็ได้ยินเสียงเบรคดังสนั่นหวั่นไหว พอหันไปมองก็พบว่ารถของหญิงสาวคนเมื่อครู่ส่ายฉวัดเฉวียนไปมา และพุ่งชนขอบทางกั้นแล้วกระเด็นออกนอกตัวตึกไป!

    ผมได้แต่ยืนใจสั่นอยู่ที่เดิมด้วยความตกใจ แต่เมื่อได้สติก็รีบวิ่งไปดูที่เกิดเหตุ ที่ลานจอดรถชั้น 5 นี้ ผมก้าวขาที่สั่นพับๆไปยืนให้ใกล้ขอบมากที่สุดแล้วชะโงกลงไปดู

    สภาพรถพังยับเยิน ทั้งเศษกระจกทั้งเศษปูนแตกกระจายไปรอบตัวรถ ไม่ต้องถามเลยว่าคนขับจะปลอดภัยไหม

    “ขอบคุณนะคะ”

    ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงกระซิบอยู่ข้างหู แต่เมื่อหันกลับมากลับไม่เจอใครเลย และเมื่อหันไปมองข้างล่างอีกที ก็พบว่า...


    ...ไม่มี...


    ไม่มีเศษปูน

    ไม่มีเศษกระจก

    ไม่มีรถ

    ไม่มีอุบัติเหตุ

    .. ไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่ข้างล่างนั่น ..

    เช้าวันรุ่งขึ้นผมมาทำงานด้วยสภาพที่อิดโรยเต็มที ผมเห็นผีบ่อยก็จริง แต่ผมไม่เคยเห็นการตายของใครมาก่อน มันทั้งสลด ทั้งหดหู่ จิตตกที่ได้รู้ได้เห็นว่าคนที่เห็นๆอยู่นี่เขามีจุดจบของชีวิตยังไง

    ผมมีโอกาสได้เจอเธออีกครั้งในลิฟท์ เธอยิ้มให้แล้วกล่าวขอบคุณผมไม่หยุด เธอยังคงวนเวียนมาทำงานโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเธอตายไปแล้ว

    ผมครุ่นคิดอะไรเงียบๆคนเดียวจนลิฟท์ถึงชั้นที่ทำงาน ไอ้ทีมคว้าแขนผมแล้วลากผมออกมาผมถึงได้สติ แต่เมื่อผมเงยมองหน้าจะขอบใจมัน มันกลับมาทำหน้าตาโมโหใส่ผม

    “อะไรของมึง”

    “ทำไมเธอยิ้มให้พี่”

    “เธอไหน”

    “คุณเนตะระไง!”

    “คุณเนตรเด็กมึงอ่ะเหรอ!? คนไหนวะ?”

    “อย่ามาทำไก๋ว่ะพี่! ผู้หญิงที่พันผ้าพันคอสีแดงในลิฟท์นั่นไง! เค้าขอบคุณพี่เรื่องอะไร! พี่แย่งผมจีบเค้าเหรอ!!”

    ผมว่าเมื่อคืนผมหดหู่ถึงขีดสุดแล้วนะ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันสุดได้มากกว่านั้น สาวในดวงใจของไอ้ทีม คือผู้หญิงที่ผมเจอเมื่อวาน

    “ทีม มึงแน่ใจนะว่าคนที่คุยกับกูคือคุณเนตรของมึง”

    “แน่ใจสิวะ! ทำไม!! นี่พี่ไปทำอะไรกันมาแล้วใช่มั้ย!!! เล่นอย่างงี้เลยเหรอวะ!! มึงเห็นว่ากูเป็นน้อง เห็นว่ากูเคารพ แล้วคิดจะทำอะไรก็ทำได้รึไง! รู้จักเค้า สนิทกับเค้าแต่แรก จะหุบปากไว้ทำซากอะไร! ตลกมากเลยใช่มั้ย ฟังเรื่องไอ้โง่คนนี้มันตลกมากเลยใช่มั้ย--!!”

    ผมรีบตะครุบปากมันแล้วลากมันไปที่บันไดหนีไฟ ระหว่างทางมันก็ตะโกนด่าทอผมไม่หยุด แต่ผมจำเป็นต้องทำ ผมเองก็อยากแน่ใจว่าเธอตายไปแล้วจริงๆ แล้วก็อยากให้ไอ้ทีมมันรู้สักทีว่าคนที่มันหลงรักนั้น เธอไม่ใช่คน

    ผมบอกให้มันสงบปากสงบคำก่อน พร้อมกับลากมันมาที่ห้องเก็บเอกสารเก่าของที่ทำงาน ที่ห้องนี้จะมีพวกประวัติของพนักงานที่ลาออกรวมทั้งคนที่ไม่ได้ลาออก แต่มาทำงานต่อไม่ได้อีกแล้ว ประจวบเหมาะที่ตอนนี้พนักงานในห้องเอกสารยังไม่มา และเพราะว่ามันไม่ได้มีเอกสารสำคัญอะไร มันจึงไม่ได้ถูกล็อคไว้

    ผมใช้เวลาอยู่นานในการหาแฟ้มประวัติพนักงานเก่า ผมพึ่งเข้ามาทำงานได้ไม่กี่เดือน ผมจึงไม่รู้ว่าคุณเนตรของไอ้ทีมเธอเข้ามาทำงานเมื่อไหร่และตายไปปีไหน ผมก้มหน้าค้นหาประวัติเธอท่ามกลางเสียงด่าว่า”พี่เป็นห่าอะไร”ของไอ้ทีม

    “ทีม มึงฟังกู กูอยากให้มึงดูใบประวัติของคนๆนึง” ผมยื่นหน้าประวัติผู้หญิงที่ผมเจอเมื่อคืนให้มันดู มันมองอยู่พักนึงก็ยิ่งขมวดคิ้ว

    “เพื่อ?”

    “นี่ใช่คุณเนตรของมึงไหม”

    “มันก็เขียนอยู่ว่าเนตรนภา ชื่อเล่นชื่อเนตะระ พี่จะถามทำไม อ่านไม่ออกหรอไง”

    ผมก้มลงดูที่กระดาษใบนั้นอีกครั้ง แล้วชี้ไปตรงสถานะของคุณเนตร ที่ช่องว่างหลังคำนั้น มันถูกปั๊มด้วยหมึกสีแดงเป็นคำว่า...


    ‘เสียชีวิต’


    ไอ้ทีมดูอึ้งๆไปก่อนจะแย่งแฟ้มไปดูเอง มันพลิกกระดาษไปมาอยู่หลายครั้งอย่างแรงจนกระดาษหลายใบหลุดกระจายออกมาจากแฟ้ม

    “ทีมมึงใจเย็นๆ”

    “นี่พี่เล่นอะไรของพี่วะ! แกล้งกันแบบนี้สนุกหรอ พอเหอะว่ะ! กูไม่ขอความช่วยเหลือแล้วก็ได้ ถ้าทำกันขนาดนี้ กูไม่ยุ่งก็ได้! แม่ง เสื่อมจริง ๆ พี่กู”

    “ทีม มึงก็เห็นอยู่ว่ามันอยู่ในแฟ้มของบริษัท กูจะไปแกล้งมึงได้ยังไง”

    “ก็คุณเนตะระเค้ายิ้มให้พี่ ขอบคุณพี่ แล้วพี่ก็พาผมมาที่นี่ มาดูกระดาษบ้าๆนี่ จะให้ผมคิดยังไง!”

    “ทีม ฟังหน่อยสิวะ กูไม่ได้แกล้งมึงจริง ๆ ”

    “ไม่ได้แกล้งอะไร! ก็เนี่ย! มันมีชื่อผมอยู่ในแฟ้มเล่มนี้ด้วยเนี่ย!! แล้วจะไม่แกล้งได้ไง!?”

    “ห๊ะ!!?”

    ผมรีบแย่งกระดาษจากมือมันมาดูทันที มือผมสั่นจนแทบมองตัวหนังสือไม่เห็น แต่ผมก็พยายามบังคับตัวเองให้อ่านมันต่อไป


    ‘นายแทนไท

    ชื่อเล่นชื่อทีม

    อายุ 23 ปี


    สถานะ


    ...เสียชีวิต...’


    หลังจากเกิดเรื่องนั้นได้ไม่นานผมก็ลาออกจากที่นั่น ไม่ใช่ว่าทนเห็นผีไอ้ทีมไม่ได้ แต่ผมทนไม่ได้ที่มันยังคงมาให้ผมแก้งานซ้ำๆไม่หยุดหย่อน

    กูเหนื่อย!

    ถึงแม้เรื่องมันจะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ผมยังจำทุกรายละเอียดได้อย่างแม่นยำ นายแทนไท หรือไอ้ทีม รุ่นน้องที่ผมรักมากที่สุดคนหนึ่ง เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวาย มันตายคาโต๊ะทำงานที่ออฟฟิศก่อนที่ผมจะมาทำงานสัก 3 ปีเห็นจะได้

    สู่สุขคตินะมึง

    เลิกเรียกคุณเนตรว่าเนตะระด้วย

    รัก
    พี่คิม

แบ่งปันหน้านี้