คุณเคยได้ยินเสียงจิ้งจกร้องไหม [เรื่องเล่าผี]

หัวข้อกระทู้ ใน 'มุมอ่านเรื่องผี เรื่องเล่าผี นิยายผี เรื่องลึกลับ' เริ่มโพสต์โดย Number18, 2 มีนาคม 2018.

  1. Number18

    Number18 Moderator Staff Member

    ผมอาศัยอยู่ในห้องเช่าเก่าๆใจกลางเมืองที่จังหวัดแห่งหนึ่ง มันไม่ค่อยมีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรมากมายนักหรอก แต่เพราะมันราคาถูกดีผมจึงตัดสินใจพักอยู่ที่นี่เพื่อเรียนภาษา

    ห้องเช่าที่นี่มันเก่ามากแล้ว คนอยู่ก็เยอะและวุ่นวายพอสมควรเพราะใกล้โรงงาน ผมจึงเลือกผ้าถูกๆมาผูกที่ลูกกรงหน้าต่างเพื่อทำเป็นม่านหลีกหนีความวุ่นวายข้างนอกนั่น

    ผมจะอยู่ที่ห้องแค่ช่วงเวลากลางคืนถึงเช้ามืดเท่านั้น เพราะที่นั่นไม่สงบพอที่จะให้ผมใช้มันเป็นที่อ่านหนังสือ ผมชอบที่จะไปนั่งอ่านที่ห้องสมุดหรือสวนสาธารณะมากกว่า มันจึงทำให้ผมไม่ค่อยสนิทกับใครที่นั่นมากนัก

    ในทุกๆวันผมจะกลับมาที่ห้องประมาณ 2 ทุ่ม และทุกๆห้องที่อาศัยอยู่ชั้นเดียวกับผมก็มักจะเปิดประตูทิ้งเอาไว้ ส่วนเจ้าของห้องก็ออกมานั่งพูดคุยกันอยู่ที่เก้าอี้ไม้ยาวที่วางอยู่ตลอดแนวทางเดิน บ้างก็เอาข้าวมากิน บ้างก็เอาไพ่มาเล่น และเมื่อพวกเขาเห็นผมกลับมา พวกเขาก็มักจะชักชวนให้กินข้าวด้วยเป็นประจำ

    แต่วันนี้ทุกอย่างกลับไม่เหมือนเดิม

    ผมหยิบโทรศัพท์ทือถือออกมาดูเวลา เผื่อว่านาฬิกาข้อมือที่ซื้อจากตลาดนัดของผมมันจะเสีย ตัวเลขดิจิตอลบนหน้าจอมือถือบ่งบอกว่ามันเป็นเวลาเพียงแค่ 2 ทุ่มกว่าเท่านั้น แต่วันนี้ทุกห้องกลับปิดประตูมิดชิด มีเสียงผู้คนดังเล็ดลอดออกมาบ้าง แต่ไม่มีเลยสักห้องที่จะเปิดออกมาทำกิจวัติที่เคยทำอย่างทุกวัน

    พอผมกลับถึงห้องก็จัดการแกะห่อข้าวที่ซื้อจากหน้าปากซอยออกมานั่งกินที่เก้าอี้ยาวหน้าห้องตามปกติ แต่ผมยังคงตะขิดตะขวงใจเหลือเกินว่าทำไมวันนี้คนอื่นๆถึงได้ไม่ออกมานั่งหน้าห้องเหมือนทุกที ผมนั่งกินข้าวอย่างอ้อยอิ่งกว่าทุกวันเผื่อว่าจะมีห้องไหนเปิดประตูออกมาให้ผมได้ถามไถ่อะไรบ้าง แต่รอจน 4 ทุ่มแล้วก็ไม่มีวี่แววว่าใครจะออกมาสักคน

    ผมตัดใจแล้วเข้าห้องปิดประตูไปอาบน้ำเตรียมเข้านอน ตอนนี้เป็นเวลา 5 ทุ่มกว่าแล้ว ผมข่มความสงสัยเอาไว้แล้วพยายามหลับตาลงเพื่อพักผ่อน

    “จุ๊ๆๆๆๆ”

    ผมลืมตาโพลงขึ้นมาในความมืด เสียงจิ้งจกร้องที่ผมได้ยินบ่อยจนออกจะชินชาดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกล ปกติผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับมันมากนัก แต่มันต้องไม่ใช่คืนนี้ คืนที่ผมต้องการการนอนให้เต็มอิ่มเพื่อไปสอบในตอนเช้า

    ผมคว้าไม้ตีแมลงวันข้างหัวเตียงขึ้นมาแล้วเปิดไฟห้องตามล่าตัวมัน

    “จุ๊ๆๆๆๆๆๆ”

    ไม่ผิดแน่ เสียงนั่นดังมาจากข้างหน้าต่างฝั่งประตูหน้าห้อง ผมค่อยๆย่องเข้าไปแล้วฟาดผัวะเข้าให้ที่ตำแหน่งนูนๆหลังผ้าม่าน จิ้งจกอ้วนตัวนึงหล่นแปะลงมาที่พื้น ผมใช้กระดาษทิชชู่จับร่างอันขาวอวบของมันไปโยนลงชักโครกอย่างอ่อนโยน

    เช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นไปเรียนตามปกติ เมื่อเปิดประตูออกมาผมก็พบกับบรรดาเพื่อนข้างห้องเหมือนอย่างเคย พวกเขาจับกลุ่มเม้าท์อะไรบางอย่างกันอยู่ แต่วันนี้ผมมีสอบ ไว้กลับมาค่อยถามก็แล้วกัน

    การสอบผ่านไปไม่ง่ายนักสำหรับผม ถึงแม้นี่จะเพิ่ง 5 โมงเย็น แต่ผมก็เหนื่อยล้าเกินกว่าจะไปอ่านหนังสือต่อที่ห้องสมุด ผมโบกแท๊กซี่ให้เข้าไปส่งที่ห้องพักแทนการเดินเหมือนที่ผ่านมา และทันทีที่ถึงห้องผมก็ทิ้งตัวลงที่นอนแล้วหลับไปอย่างรวดเร็ว

    “จุ๊ๆๆๆๆ”

    เสียงจิ้งจกนรกปลุกให้ผมตื่นขึ้นจากความฝันอันแสนหวาน ผมใช้มือควานหามือถือขึ้นมาดูเวลาแล้วพบว่ามัน 1 ทุ่มกว่าเท่านั้น

    “จุ๊ๆๆๆๆๆๆ”

    “แม่งเอ้ยยย!!” ผมสบถอย่างอารมณ์เสีย

    ผมเหนื่อยและขี้เกียจเกินกว่าจะลุกขึ้นไปตามหาไอ้จิ้งจกบ้านนั่น จึงได้แต่เอาหมอนขึ้นมาปิดหัวแล้วพยายามข่มตานอนต่อ

    “จุ๊ๆๆๆๆๆๆ”

    “เงียบโว้ย!” ผมหยิบหมอนที่วางข้างตัวปาใส่กำแพงฝั่งที่คิดว่ามันจะอยู่เข้าเต็มแรง

    “จุ๊ๆๆๆๆๆ”

    “เชี่ย!!”

    ความอดทนของผมสิ้นสุดลงแล้ว ผมคว้ามือถือและหนังสือเล่มหนาลุกตรงไปยังหน้าต่างข้างประตูบนเดิมที่ผมเจอมันตัวนึงเมื่อวาน และเพราะว่าผมไม่ได้เปิดไฟในห้อง แสงไฟจากระเบียงทางเดินที่สาดเข้ามาจึงทำให้ผมเห็นเงาคนยืนอยู่ตรงหน้าต่าง

    “อ้าว มานานแล้วหรอพี่ ทำไมไม่เคาะประตูอ่ะ” ถึงห้องพักมันจะเก่า แต่ระบบความปลอดภัยที่นี่แน่นหนาไม่แพ้คอนโดหรูๆ ผมจึงมั่นใจว่าคนที่อยู่อีกฝั่งของหน้าต่างต้องเป็นคนที่พักอยู่ที่นี่ บางทีเขาอาจจะมาขอหยิบยืมอะไรเล็กๆน้อยๆเหมือนอย่างทุกที “แป๊บนะพี่ ผมกำจัดจิ้งจกก่อน”

    “จุ๊ๆๆๆๆๆ”

    “แม่ง อยู่ไหนวะ” ผมเอื้อมมือไปเปิดไฟห้องแล้วสอดส่ายสายตาหามันทุกสอกทุกมุมแต่ก็ยังไงเจอ “พี่จะมายืมอะไรอ่ะ เข้ามาช่วยผมหาจิ้งจกก่อนได้ไหม แม่งร้องอยู่ได้ผมนอนไม่หลับ”

    ผมเอื้อมมือไปปลดล็อคกลอนประตูแล้วตะโกนขอความช่วยเหลือออกไป แต่เงาตรงประตูก็ยังไม่ยอมขยับหรือตอบผมแม้แต่คำเดียว

    “ไหนๆก็จะมายืมของกันแล้วก็มาช่วยผมหน่อยเถอะนะ” ด้วยความที่ผมอยู่ในอารมณ์หงุดหงิดที่โดนจิ้งจกปลุกจึงทำให้ผมโมโหที่แขกผู้มาเยือนเอาแต่ยืนอยู่เฉยๆ

    ผมเดินตรงไปที่หน้าต่างแล้วกระชากม่านให้เปิดออกเพื่อจะต่อว่า “เห้ยพี่ ก็มาชะ-”

    คำพูดอื่นๆถูกดูดกลืนหายเข้าไปในลำคอเมื่อผมเห็นหน้าผู้มาเยือนชัดๆ เขาจ้องมองมาที่ผมด้วยดวงตาแดงก่ำที่มันแทบจะถล่นออกมานอกเบ้า ใบหน้าดูบวมอืดจนเนื้อเริ่มปริแตกและเริ่มมีสีคล้ำ บริเวณคอถูกผูกด้วยเชือกเส้นหนาที่มันรัดแน่นเสียจนลิ้นออกมาจุกอยู่นอกปาก กลิ่นเหม็นเน่าพุ่งเข้ามาปะทะหน้าผมจนเกือบอ้วก พี่เขาแสยะยิ้มให้ผมก่อนจะห่อปากแล้วส่งเสียงออกมา

    “จุ๊ๆๆๆๆ”

    ผมทรุดลงอย่างคนหมดแรงแล้วแหกปากลั่นอย่างไม่กลัวว่าใครจะด่า ใช้เวลาอยู่นานพอสมควรจึงจะมีเสียงคนมากมายตะโกนถามผมว่าเป็นอะไร

    “ผะ ผี ผี!!” ผมตอบกลับไปเสียงสั่น ตาก็ยังคงจ้องไปที่เงาตรงหน้าต่างไม่วาง กลัวก็กลัว แต่จะให้หลับตาก็ไม่กล้า กลัวว่าลืมตามาอีกที พี่แกจะมานั่งอยู่หน้าผม

    ผมนั่งเป็นบ้าอยู่ตรงนั้นไม่นานพวกพี่ๆข้างนอกก็เปิดประตูเข้ามาช่วยผม ผมดึงใครก็ไม่รู้เข้ามากอดแน่นแล้วเอาแต่พูดว่าผีๆๆไม่หยุด

    หลังจากที่ผมได้สติก็มีคนเล่าให้ฟังว่า เมื่อวานพี่ที่ชื่อชาติที่อยู่ห้องถัดจากผมไป 2 ห้องเขาผูกคอตายตรงลูกกรงหน้าต่าง เหตุเกิดจากน้อยใจเมียที่มีชู้หรืออะไรสักอย่าง เดิมทีพี่แกเป็นคนขี้แกล้ง ผมก็ไม่เคยโดนแกแกล้งหรอกนะตอนเป็นๆน่ะ แต่พอตายแล้วกลับมาเล่นกับผมคนแรกเลยทีเดียว

    สู่สุขคติครับพี่ชาติ ผมย้ายหอละ บาย

แบ่งปันหน้านี้