วัดถ้ำเขาน้อย เป็นวัดที่อยู่ติดกันกับวัดถ้ำเสือ แต่มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกัน เป็นวัดเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมากว่า 130 ปี และเป็นหนึ่งในสองวัดญวนในจังหวัดกาญจนบุรี วัดหนึ่งคือวัดถาวรวราราม ที่อยู่ในตัวเมือง อีกวัดนึงคือวัดถ้ำเขาน้อย ที่มีสถาปัตยกรรม และศิลปกรรมเป็นแบบจีนที่งดงาม เรียบง่าย ตามแบบของศาสนาพุทธนิกายมหายาน ตามที่ชาวญวนนับถือ สามารถเข้าเที่ยวชม สักการะเทพเจ้า และพระบรมสารีริกธาตุได้ทุกวัน
วัดถ้ำเขาน้อย เป็นอีกหนึ่งในศาสนสถานตามลักษณะพุทธนิกายมหายาน ที่มีลักษณะแบบจีน ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2426 มีพระจีนมาพำนักเป็นรูปแรก คือ หลวงปู่แห้ง (กั๊กเง้ง) ต่อมาได้มีพระอาจารย์เตี๊ยบถ่อ ซึ่งเป็นพระสงฆ์นิกายมหายาน ฝ่ายอนัมนิกาย (ในรูปแบบญวน) มาบูรณะดูแลต่อให้สวยงามดังในปัจจุบัน
สถาปัตยกรรม รูปเคารพ และศิลปะภายในวัด เป็นแบบจีนแทบทั้งสิ้น ชั้นล่างมีพระประธานคือพระศรีอาริยเมตไตรย หรือพระสังกัจจายน์ ซึ่งฝ่ายมหายานถือว่า เป็นองค์พระโพธิสัตว์ที่จะได้มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต เป็นพระที่มีร่างกายอวบอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เป็นลักษณะที่มีความสุข เบิกบานอยู่ตลอดเวลา ติดกันซ้ายขวาของพระประธาน เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปอรหันต์ 18 พระองค์ แต่ละองค์มีเอกลักษณ์ท่าทางไม่ซ้ำกัน ซึ่งจะแฝงด้วยคติธรรมในการถ่ายทอดธรรมแก่พุทธศาสนิกชน ตามตำนานของอนัมนิกายจีนโบราณ
ระหว่างทางเดินไปยังเจดีย์หมื่นพุทธะ หรือเก๋งจีน จะมีวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปองค์สำคัญๆ เช่นเจ้าแม่กวนอิม วิหารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ พระพุทธบาทจำลอง ทั้งยังมี ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 องค์ ที่คอยปกปักษ์ คุ้มครองพุทธศาสนาทั้ง 4 ทิศ คือ
- ทิศอุดร (เหนือ) มีท้าวกุเวร(เวสุวัณ) เจ้าแห่งยักษ์
- ทิศทักษิณ (ใต้) มีท้าววิรุฬหก เจ้าแห่งกุมภัณฑ์ (อสูรชนิดหนึ่งคล้ายยักษ์แต่ไม่มีเขี้ยว)
- ทิศบูรพา (ตะวันออก) มี ท้าวธตรฐ เจ้าแห่งคนธรรพ์ (เป็นอมนุษย์ครึ่งเทวดา)
- ทิศปัจฉิม (ตะวันตก) มี ท้าววิรุฬปักข์ เจ้าแห่งนาค
เจดีย์หมื่นพุทธะ มีลักษณะเป็นเก๋งจีนทรง 8 เหลี่ยม มี 7 ชั้น ด้านในมีบันไดวนขึ้นไปได้ถึงชั้นบนสุด แต่ละชั้นมีลักษณะเป็นห้องโถงมีประตูหน้าต่างเปิดโล่ง ฝาผนัง พื้น และตามระเบียงประดับด้วยกระเบื้องเคลือบ โมเสค และผนังบางแห่งประดับด้วยกระเบื้องเคลือบรูปพระจากจีน รอบเจดีย์แต่ละชั้นมีระเบียงเชื่อมต่อกันเป็นวงรอบ สามารถเดินชมวิวจากระเบียงรอบอาคารได้ทุกชั้น ชั้นบนสุดเป็นที่ประดิษฐานองค์พระบรมสารีริกธาตุ ที่ได้รับจากสมเด็จพระสังฆราชจากวัดมังกร
จากประวัติความเป็นมาของชาวญวน หรือชาวเวียดนาม ที่มีการอพยพ มาตั้งรกรากถิ่นฐานในประเทศไทย พบว่า มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา สมัยกรุงธนบุรี แต่มีเข้ามามากมากนั้น มีมาตั้งแต่ต้นสมัยกรุงรัตนโกสินทร์เป็นต้นมา เมื่อปี พ.ศ. 2526 ได้เกิดกบฎขึ้นที่เมืองเว้ ที่เรียกว่า "กบฎไต้เซิน" ทำให้ “องเชียงสือ” เจ้านายญวน ต้องลี้ภัยทางการเมือง เข้ามาขอพึ่งพระบรมโพธิสมภารจากรัชกาลที่ 1 และได้แรงสนับสนุนจากกองทัพไทยในการปราบกบฎ
ชาวญวนที่ติดตามและอพยพเข้ามาในช่วงแรกได้มาอยู่ในฝั่งพระนคร แถบตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา และแถวสามเสน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวญวนที่นับถือศาสนาคริสต์ ในสมัยรัชกาลที่ 3 จึงโปรดเกล้าให้ชาวญวนที่นับถือพุทธ แยกมาอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยรักษาป้อมปราการทางฝ่ายตะวันตกด้วย ชาวญวนที่อาศัยที่กาญจนบุรี มีความเลื่อมใสในพุทธศาสนาแบบมหายาน และได้ร่วมใจกันสร้างวัดญวนขึ้น
การเดินทางจากกรุงเทพฯ
1. จากกรุงเทพฯ ผ่านอำเภอบ้านโป่ง เข้าถนนแสงชูโต จะผ่านแยกมิราเคิล ออฟ ไลฟ์ จากนั้นพอถึงแยกท่าม่วง เลี้ยวซ้ายไปทางอำเภอท่าม่วง
2. ผ่านหน้าโรงพยาบาลท่าม่วง วนวงเวียนหอนาฬิกา เพื่อเลี้ยวซ้ายไปถนนเลียบคลองชลประทาน
3. เจอสามแยก เลี้ยวขวาไปอีก 2 กิโลเมตร (มีป้ายบอกทาง) ให้วิ่งไปทางเดียวกับวัดม่วงชุม พอเลยวัดม่วงชุมไปจะเห็นทางเข้าวัดถ้ำเสือ อยู่ทางซ้ายมือ
การเดินทางจากตัวเมืองกาญจน์
1. จากตัวเมืองกาญจน์ วิ่งผ่านหน้าโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา เจอสามแยกไฟแดงตรงหน้าศาลากลางจังหวัด ให้เลี้ยวขวา
2. หลังจากข้ามสะพานแล้ว ให้ทำการเลี้ยวซ้ายข้างสะพาน (ทางเดียวกับทางไปวัดบ้านถ้ำ) จากนั้นวิ่งถนนสายใน ไปอีกประมาณ 10 กิโลเมตร
3. วิ่งข้ามคลองชลประทานไป จนเห็นวัดม่วงชุม เลี้ยวขวาข้างวัด (ตรงนี้ไม่มีป้ายบอกทาง) วิ่งเลาะรั้ววัดมา ถึงสามแยกเลี้ยวขวา จะเห็นป้ายทางเข้าวัดถ้ำเสือทางซ้ายมือ
ข้อแนะนำ
- วัดถ้ำเสือ และ วัดถ้ำเขาน้อย เป็นวัดที่อยู่ติดกัน สามารถเที่ยวชมได้ทั้งสองวัดในวันเดียวกัน
- ควรแต่งกายสุภาพเข้าวัด
- การเดินทางไปยังวัดถ้ำเสือ และวัดถ้ำเขาน้อย มีบางช่วงเส้นทางค่อนข้างซับซ้อน เพราะต้องผ่านเข้าไปในเส้นทางแคบในเขตชุมชน และบางจุดป้ายบอกทางไม่ชัดเจน ควรสังเกต ยอดของพระเจดีย์เกศแก้วปราสาทของวัดถ้ำเสือ แล้วมุ่งเดินทางไปตามเส้นทางนั้น