ตึกแดง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ครั้งที่ฝรั่งเศสเข้ามาอยู่ในจังหวัดจันทบุรี ขณะที่ไทยเกิดกรณีพิพาทกับฝรั่งเศส ในเหตุกรณีพิพาท เมื่อ 120 กว่าปีก่อน ตึกแดง ตั้งอยู่ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี เกือบสุดทางที่ท่าเรือปากน้ำแหลมสิงห์
ตึกแดง สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2436 โดยชาวฝรั่งเศส ในช่วงที่ฝรั่งเศสเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ในจังหวัดจันทบุรี ช่วงเหตุการณ์กรณีพิพาทไทย - ฝรั่งเศส หรือที่เรียกกันว่า วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112* ตึกแดงตั้งอยู่ในบริเวณที่เคยเป็นป้อมพิฆาตปัจจามิตร** ที่มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 เมื่อฝรั่งเศสเข้ายึดเมืองจันทบุรี ได้สั่งให้รื้อป้อมพิฆาตปัจจามิตร แล้วนำอิฐมาสร้างเป็นตึกแดงแทน
ตึกแดง เป็นอาคารชั้นเดียว ยกพื้นสูงจากขอบถนนนิดหน่อย สร้างเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบก่ออิฐถือปูน ขนาดกว้าง 7 เมตร ยาว 32 เมตร ทาสีแดงทั้งหลัง หลังคามุงกระเบื้องที่นำมาจากฝรั่งเศส ส่วนโครงสร้างหลังคาทำจากรางรถไฟที่นำมาจากเวียดนาม
รอบอาคาร มีแนวระเบียง กั้นด้วยไม้แบบโปร่งๆ บานประตูหน้าต่าง ทำเป็นบานเกล็ดไม้ ภายในอาคารแบ่งเป็น 5 ห้อง มีประตูทะลุถึงกันได้หมด
ในช่วงที่ฝรั่งเศสยึดครองเมืองจันทบุรี ตึกแดงถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักของทหารฝรั่งเศส ที่รักษาการณ์อยู่บริเวณปากน้ำแหลมสิงห์ หลังปี พ.ศ. 2447 ฝรั่งเศสได้ถอนกองกำลัง และออกไปจากเมืองจันทบุรีไปจนหมด ตึกแดงได้ถูกทิ้งร้างไว้ และได้รับการบูรณะในปี พ.ศ. 2527 เพื่อใช้เป็นห้องสมุด และศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน ของอำเภอแหลมสิงห์ และได้เลิกไป ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของตึกแดง ภายในอาคารห้องโถง มีปืนใหญ่หล่อสำริด น้ำหนักประมาณ 4 ตัน ลูกเหล็กกลม พร้อมโซ่เหล็กขนาดใหญ่จำนวนหนึ่ง เป็นปืนใหญ่ของฝรั่งเศส ซึ่งบนกระบอกปืนมีตราประทับรูปนกอินทรี ที่เป็นตราสัญลักษณ์ของนโปเลียนโบนาปาร์ต จักรพรรดิฝรั่งเศส ปืนกระบอกนี้ จมอยู่ในแม่น้ำจันทบุรี ได้ค้นพบหลังจากที่ฝรั่งเศสได้ถอนกำลังออกจากไทยจนหมดสิ้นแล้ว และได้นำมาจัดแสดงไว้
** ป้อมพิฆาตปัจจามิตร เป็นป้อมที่สร้างขึ้นช่วงกรณีพิพาทระหว่างไทยกับญวน ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 พระองค์ทรงเกรงว่าเมืองจันทบุรี ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญ อาจไม่ปลอดภัยจากญวน จึงโปรดฯ ให้ปรับเปลี่ยนเมืองจันทบุรี ให้เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมทางยุทธศาสตร์ พร้อมรับมือข้าศึก และให้สร้างป้อมขึ้น 2 ป้อม คือ "ป้อมไพรีพินาศ" ที่เขาแหลมสิงห์ และ "ป้อมพิฆาตปัจจามิตร" ที่ปากน้ำแหลมสิงห์ ซึ่งทั้งสองป้อมนี้ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเจ้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพระราชทานนามให้ภายหลัง
เวลาทำการ
ทุกวัน 08.30 - 16.30 น. (ไม่เสียค่าธรรมเนียมการเข้าชม)
เส้นทางไปยังแหลมสิงห์ ที่สะดวกมี 2 เส้นทาง คือใช้ถนนเส้นสุขุมวิท หรือถนนเฉลิมบูรพาชลทิต สามารถใช้เส้นทางสายในตัดตรง จากตัวเมืองถึงแหลมสิงห์ก็ได้ แต่เส้นทางอาจสับสน และไม่มีป้ายบอกทาง
จากถนนสุขุมวิท
1 | จากแกลง จ.ระยอง ใช้เส้นทางถนนสุขุมวิท (ทางหลวงหมายเลข 3)ตรงไปเรื่อย ๆ พอถึงสามแยกปากแซง ให้เลี้ยวขวาไปทางจังหวัดตราด หรืออำเภอขลุง |
2 | พอเลี้ยวมาแล้ว ให้ตรงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งผ่านทางเข้าน้ำตกพลิ้วไปประมาณ 500 เมตร จึงมีทางแยกขวาไปยังแหลมสิงห์ (หมายเลข 3149) |
3 | หลังจากเลี้ยวขวาแล้ว ให้ตรงไปเรื่อยๆ ตามทางหลักอีกประมาณ 17 กิโลเมตร จะเจอตึกแดงอยู่ด้านซ้ายมือ (เลยถึงแยกหาดแหลมสิงห์ 1 ไปไม่ไกล) |
จากถนนเฉลิมบูรพาชลทิต
1 | หากใช้เส้นทางเลียบทะเล ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต มาจากหาดเจ้าหลาว ผ่านเขาแหลมสิงห์ ข้ามสะพานตากสินมหาราช |
2 | เมื่อลงจากสะพานแล้ว เลี้ยวขวาไปทางหาดแหลมสิงห์ |
3 | เลี้ยวขวาไปได้หน่อยเดียว ถึงสามแยก (แยกวัดปากน้ำ) เลี้ยวขวาไปอีกประมาณ 400 เมตร เกือบสุดทาง ตึกแดงอยู่ทางซ้ายมือ |