เรื่องที่เกิดขึ้นกับเพื่อนของฉัน [เรื่องเล่าผี]

หัวข้อกระทู้ ใน 'มุมอ่านเรื่องผี เรื่องเล่าผี นิยายผี เรื่องลึกลับ' เริ่มโพสต์โดย Number18, 4 มิถุนายน 2018.

  1. Number18

    Number18 Moderator Staff Member

    เรื่องนี้เป็นที่เกิดขึ้นกับเพื่อนของฉัน แต่มันก็มีบางเหตุการณ์ ที่มีตัวฉันเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

    ฉันมีเพื่อนที่สนิท 2 คน ชื่อน้ำกับใหม่ ใหม่ก็เป็นเพื่อนที่นิสัยปกติธรรมดาทั่วไป แต่น้ำนี่สิ จะเป็นคนที่ไม่ชอบพกโทรศัพท์มาตั้งแต่สมัยไหนๆ ทำให้การติดต่อน้ำเป็นอะไรที่ยากมาก

    เรา 3 คนรู้จักกันตั้งแต่สมัยม.ต้น มาสนิทกันจริงจังก็ช่วง ม.ปลาย แล้วก็ลากยาวไปจนถึงมหาวิทยาลัย แต่พอเรียนจบแล้ว เราต่างก็ได้งานคนล่ะที่ จึงทำให้แยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง

    ฉันกับใหม่ยังคงติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ มีนัดกันไปดูหนังบ้าง เที่ยวบ้าง แต่น้ำนั้น เรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่หายสาบสูญเลยทีเดียว

    จนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา วันหยุดปีใหม่ที่แสนสุขสันต์ของฉัน ก็ถูกปลุกด้วยเสียงของแม่ ที่ตะโกนเรียกแต่เช้าตรู่ เพราะมีคนมาหาฉัน

    พอฉันลงมา ก็เจอกับน้ำที่ยืนรออยู่หน้าบ้าน เธอเปลี่ยนไปมากจากครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน ตอนแรกฉันก็ลังเลว่าจะเปิดให้เข้ามาก่อน หรือจะถามก่อนดีว่าน้ำมาทำไม แต่ดูจากสีหน้าอันอิดโรยของเพื่อนแล้ว ฉันคิดว่าเปิดประตูให้น้ำเข้ามาก่อนจะดีกว่า

    จากการพูดคุยกันวันนั้น ฉันพอจะจับใจความได้ว่า หลังจากเรียนจบมหาลัย น้ำก็ถูกทาบทามให้ไปทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งใกล้บ้าน น้ำเจอกับผู้ชายคนนึงที่นั่น เขาเป็นรุ่นพี่เรา 3 ปี ทั้งสองพูดคุยกันถูกคอ แล้วก็ตัดสินใจคบกันในที่สุด

    แต่หลังจากที่คบกันแล้ว น้ำก็ได้รู้ว่า พี่เค้าเป็นโรคทางจิตชนิดหนึ่ง ที่มันต้องคอยกินยาระงับอยู่อย่างสม่ำเสมอ ไม่เช่นนั้นพี่เค้าอาจจะลุกขึ้นมาทำร้ายตัวเองอย่างไม่มีเหตุผล หรือถ้ามีเรื่องอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง พี่เค้าอาจจะถึงขั้นฆ่าตัวตายได้

    ตอนที่รู้ความจริง น้ำก็รู้สึกสงสารมาก ไม่อยากจะทิ้งพี่เค้าไปไหน ไม่อยากให้พี่เค้าอยู่คนเดียว เพราะกลัวว่าจะทำร้ายตัวเอง เลยตัดสินใจย้ายไปอยู่ด้วยกัน จะได้คอยดูแล คอยเอาใจใส่เขาได้ตลอดเวลา

    แต่เมื่อนานวันเข้า พี่เค้าก็เริ่มทำให้น้ำเหนื่อยกับโรคที่เขาเป็น ทะเลาะกันทีไร พี่เค้าก็เอาแต่พูดว่า ถ้าไม่มีน้ำพี่ก็จะฆ่าตัวตาย แรกๆน้ำก็กลัว จึงเป็นฝ่ายยอมมาตลอด

    จนมาช่วงหลังๆ พี่เค้าบอกกับน้ำว่าอยากมีลูก แต่เมื่อน้ำลองคิดถึงอนาคตของลูกดูแล้ว น้ำเลยไม่ยอม

    และนี่ก็เป็นการทะเลาะกันที่แรงที่สุด ตั้งแต่คบกันมา พี่เค้าขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย แต่ครั้งนี้น้ำคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะมาตามใจกันได้แล้ว ถ้าพ่อยังเป็นแบบนี้อยู่ แล้วลูกที่เกิดมาจะใช้ชีวิตยังไง

    น้ำเครียดมาก ที่ทั้งชีวิตของพี่เค้าดูเหมือนฝากไว้ที่น้ำเพียงคนเดียว แล้วตอนนี้น้ำก็เหนื่อยแล้ว อยากจะออกมาจากบ้านหลังนั้นเต็มทน แต่ถ้าน้ำไป พี่เค้าก็จะฆ่าตัวตาย น้ำเลยไม่รู้จะหาทางออกให้กับเรื่องนี้ยังไง

    ฉันไม่ได้แนะนำทางออกอะไรสำหรับเรื่องนั้น เพียงแต่บอกไปว่า ถ้าน้ำเครียดมาก ก็แวะมาหาฉันได้ หรือถ้าอยากพาแฟนมาทำความรู้จักกับเพื่อนๆ ฉันกับใหม่ก็ยินดีต้อนรับเสมอ

    หลังจากวันนั้น น้ำจึงเริ่มพาแฟนมาเจอฉันกับใหม่ เรานัดเจอกันบ่อยๆ ประมาณ 3 ครั้งต่ออาทิตย์ พี่เค้าเข้ากับพวกเราได้ไวกว่าที่คิด ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี อาการของแฟนน้ำก็เหมือนจะดีขึ้นด้วย

    แต่เมื่อเข้าสู่เดือนมีนา น้ำก็หายหน้าหายตาไปจากพวกเราอีกครั้ง หายยาวไปตลอดทั้งเดือน จนกระทั่งเมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา น้ำเป็นคนโทรมาชวน ให้ฉันกับใหม่ไปเที่ยวทะเลด้วยกัน

    เราเล่นน้ำกันจนตะวันตกดิน แวะพักกินข้าวกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ทั้งๆที่บรรยากาศแสนจะสนุก แต่หน้าตาของน้ำดูไม่ค่อยสดใสนัก ฉันกับใหม่ไม่ได้ถามอะไรเพื่อน เป็นอันรู้กันว่าถ้าน้ำมาคนเดียว ก็คงเพราะทะเลาะกับแฟนมาอีกแล้ว

    เรากินข้าวไปฟังเพลงไปจนดึกดื่น ดนตรีเปลี่ยนจากเพลงเร็วเป็นเพลงช้า แขกโต๊ะอื่นๆเริ่มทยอยกันกลับ เรา 3 คนเองก็เริ่มง่วงกันแล้ว ในตอนที่กำลังจะเรียกพนักงานมาเช็คบิล ฉันก็หันไปเห็นแฟนน้ำมายืนอยู่หลังน้ำ

    ใหม่หันมามองหน้าฉัน และโดยที่เรายังไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรกัน ฉันกับใหม่ก็ลุกขึ้นแล้วออกจากโต๊ะมา เพื่อหวังว่าจะให้น้ำกับแฟน ได้มีเวลาคุยกันตามลำพัง

    “เรียกเด็กไปคิดตังค์ที่โต๊ะแล้วนะ บอกไว้ว่าเดี๋ยวไปจ่ายหน้าเคาท์เตอร์” ใหม่พูดหลังจากเดินตามฉันมา

    ฉันพยักหน้ารับ แล้วเดินฝ่าฝูงชนไปรอจ่ายเงินที่หน้าเคาท์เตอร์

    “พวกมึงงงง”

    ในขณะที่ฉันกับใหม่กำลังรอพนักงานคิดเงิน เรา 2 คนก็ได้ยินเสียงน้ำตะโกนเรียก เมื่อหันไปมองก็เห็นน้ำกำลังเดินมาทางเรา ปากก็บ่นพึมพำบางอย่างไปด้วย ฉันกับใหม่หัวเราะท่าทางเด๋อด๋าของน้ำ

    “เฮ้ย!!” ฉันกับใหม่อุทานขึ้นพร้อมกัน เมื่อน้ำที่เดินมาดีๆ กลับเหยียบบางอย่างจนลื่นหงายท้อง

    เรา 2 คนหัวเราะกันอย่างบ้าคลั่ง กับภาพของน้ำที่นอนแผ่หราอยู่กลางร้าน น้ำชี้หน้าพวกเราก่อนจะค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้น แต่แล้วเสียงหัวเราะก็ค่อยๆหายไป เพราะฉันมองเห็นแฟนน้ำยืนยิ้มอยู่ไม่ไกล

    ถ้าเขายิ้มเพราะเอ็นดูความซุ่มซ่ามของน้ำ ฉันจะไม่คิดอะไรเลย แต่นั่นมันรอยยิ้มเหมือนกำลังเยาะเย้ย ราวกับว่าเขาสะใจเหลือเกินที่น้ำล้ม

    “แม่งทำเกินไปป่ะวะ” ใหม่พูด เลยยิ่งทำให้ฉันมั่นใจว่า ฉันไม่ได้คิดไปเองคนเดียว

    “มึงว่ามันผลักน้ำป่ะวะ” ฉันถาม

    “ยิ้มกวนตีนแบบนั้น ถึงไม่ได้ผลักเองแต่มันก็คงกำลังสมน้ำหน้าอยู่”

    “ทั้งหมด 1,345 บาทค่ะ” เสียงของพนักงานเรียกให้เราละสายตาจากน้ำไปยื่นเงินให้เขา และเมื่อหันกลับไปมองอีกที น้ำก็มายืนอยู่ข้างเราแล้ว

    “พวกมึงแม่ง จะลุกมาก็ไม่บอก ทิ้งกู” น้ำบ่น

    “อ้าว ก็เห็น-“ ฉันรีบสะกิดใหม่ แล้วส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามไม่ให้พูดเรื่องนั้น

    “มึงขับไหวป่ะเนี่ย” ฉันถามน้ำ

    “ไหวๆ ไม่ต้องห่วง กูกินเหล้าไปนิดเดียว”

    “โอเค ถึงบ้านแล้วโทรมาบอกพวกกูด้วยนะ”

    เราแยกกับน้ำที่หน้าร้าน ส่วนฉันก็นั่งรถไปกับใหม่ เพราะฉันขับรถไม่เป็น ใหม่จึงอาสามาส่งฉันที่บ้าน

    เมื่อมาถึงบ้าน ฉันก็จัดการทำธุระส่วนตัว แล้วกำลังจะเข้านอน แต่ยังไม่ทันที่หัวจะถึงหมอน ใหม่ก็โทรเข้ามาพอดี

    “ถึงบ้านเร็วจังวะ” ฉันถามทันทีที่รับสาย

    “มึง น้ำรถคว่ำ”

    หลังจากได้ยินประโยคนั้นของใหม่ ฉันก็กระโดดลงจากที่นอน คว้าเสื้อผ้าชุดเดิมขึ้นมาใส่ แล้ววิ่งออกไปรอใหม่ที่หน้าปากซอยทันที

    เรามาถึงโรงพยาบาลประมาณตี 4 ครึ่ง เจอแม่ของน้ำนั่งร้องไห้อยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน ฉันไม่กล้าที่จะถามอะไร จึงได้แต่นั่งกันเงียบๆอยู่แบบนั้น แต่นั่งกันอยู่ไม่นาน พ่อของน้ำก็มาถึง ฉันกับใหม่จึงขอตัวออกมาก่อน

    “มึง มันจะรอดไหมวะ” ใหม่ถามฉันด้วยน้ำเสียงสั่นๆ

    “ไม่รู้ว่ะ”

    “กูใจหายว่ะมึง เมื่อกี้เรายังนั่งกินข้าวด้วยกันอยู่เลย”

    “มึงใจเย็นๆ” ฉันบีบมือให้กำลังใจใหม่ ทั้งๆที่ตัวฉันเองก็กังวลไม่แพ้กัน “ยังไงมันก็ถึงโรงบาลแล้ว ตอนนี้ไปซื้อน้ำให้แม่มันก่อนเหอะ เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไป”

    หลังจากที่เราซื้อของกันเสร็จ เราก็กลับมานั่งรอที่หน้าห้องกันอีกครั้ง พ่อน้ำกำลังพูดปลอบใจแม่ไปเรื่อยๆ และตอนนั้นเองฉันถึงได้รู้ว่าน้ำไม่ใช่แค่รถคว่ำ

    ....แต่น้ำขับรถประสานงากับรถสิบล้อ....

    พวกเรานั่งคุยกันอีกไม่ถึง 10 นาที คุณหมอก็เดินออกมาเรียกญาติเข้าไปพบ

    ตี 5 32 นาที

    หมอแจ้งกับเราว่า...น้ำเสียชีวิตแล้ว...

    ซี่โครงหักทิ่มปอด สมองบวม แขนซ้ายหัก

    ฉันรู้สึกชาที่ใบหน้า มันจุกอยู่ในอก ภายในใจมันรู้สึกว่างเปล่า ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไง

    แต่ตอนนี้ฉันต้องพยายามเข้มแข็ง เพราะแม่ของน้ำกำลังจะเป็นลม ฉันช่วยพ่อน้ำประคองแม่ไปนั่งที่เก้าอี้ หมอเรียกให้พยาบาลมาช่วยกันดูแลแม่เอาไว้

    แต่ในขณะที่เรากำลังพากันปลอบแม่น้ำอยู่นั้น ฉันก็หันไปเห็นว่าใหม่ยืนมองไปที่นอกประตูไม่ยอมละสายตาไปไหนเลย ตรงจุดที่ฉันยืนอยู่นี่ มองไม่เห็นคนด้านนอก ฉันจึงไม่รู้ว่าใหม่กำลังมองใคร

    “ไอ้เหี้ย” ทุกคนสะดุ้ง เมื่ออยู่ๆใหม่ก็พ่นคำหยาบคายออกมา “สารเลว!”

    “มึง เป็นอะไร” ฉันรีบตรงเข้าไปดึงใหม่มานั่ง

    “ก็มึงดูมันดิ อิน้ำตายแล้วนะ มันยังมีหน้ามายืนยิ้มอยู่ได้ มึงทำอะไรเพื่อนกู!” ใหม่ตะโกนแล้วทำท่าจะพุ่งออกไป แต่ฉันรั้งเอาไว้สุดชีวิต ถึงตอนนี้ฉันรู้แล้วว่า คนที่ใหม่กำลังไม่พอใจก็คือแฟนของน้ำ “มึงเป็นบ้า ใครเค้าจะไปอยากอยู่กับมึง ทำไมต้องทำเพื่อนกูขนาดนี้ด้วย ฝีมือมึงใช่ไหม! อย่าคิดว่าเก่งนะ เป็นบ้าตำรวจก็จับได้ เพราะมึงฆ่าคนตาย!!”

    “ใครฆ่าน้ำ” แม่ของน้ำโพล่งขึ้น ฉันรีบปล่อยใหม่ แล้วเดินเข้าไปช่วยพ่อน้ำประคองแม่ ที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อจะเดินมาหาใหม่ “บอกแม่มา ฮึก ฮือออ ใครทำลูกแม่ บอกแม่ ฮือออ”

    “แฟนไอ้น้ำไงแม่” ใหม่พูดแล้วชี้ไปที่ประตู “หนูเห็นตั้งแต่ที่ร้านแล้ว มันผลักน้ำล้ม”

    “หมายถึงต้นหรอ” พ่อน้ำถาม แล้วหันมามองหน้าฉัน

    “ค่ะพ่อ” ฉันตอบ ถึงจะยังไม่แน่ใจว่าเขาผลักน้ำจริงไหม แต่ถ้าถึงป่านนี้ยังยิ้มอยู่ได้ ฉันก็คิดว่ามันคงไม่ปกติแล้ว

    “แต่ต้นตายแล้วนะ”

    ฉันกับใหม่หันมามองหน้ากันเพราะประโยคที่แม่น้ำพูด

    “อะไรนะคะ” ฉันถามย้ำ

    “ต้นตายแล้ว ผูกคอตายเมื่อเดือนก่อน ตอนนี้กำลังเป็นคดีอยู่ เพราะน้ำเป็นคนท้าให้ต้นทำ”

    คำพูดหลังจากนั้นของพ่อน้ำ ไม่ได้ดังเข้าหูฉันอีกเลย ฉันกับใหม่เอาแต่มองหน้ากัน ไม่มีคำพูดใดใดหลุดจากปากใหม่อีก แต่ฉันรู้ว่าใหม่มีอะไรอยากจะพูดมากมาย จากสายตาที่มองมา

    ถ้าแฟนน้ำตายนานแล้ว แล้วใครกันที่พวกเรามองเห็นที่ร้าน

    ใครกัน...ที่ใหม่ด่าด้วยความโมโหเมื่อครู่นี้

    อยู่ๆฉันก็รู้สึกเย็นยะเยือกที่แผ่นหลัง ขนที่แขนลุกซู่พร้อมกันโดยไม่มีสาเหตุ และทั้งๆที่ไม่ได้อยากจะมอง แต่ตาของฉันกลับมองไปที่กระจกสีดำตรงหน้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ

    ภาพที่ฉันเห็น คือเงาลางๆของฉันที่สะท้อนอยู่ในนั้น มีใหม่ยืนอยู่ข้างๆ

    แต่มันไม่ใช่แค่นั้น

    ที่ด้านหลังของฉัน บริเวณที่สัมผัสได้ว่ามันมีความเย็นผิดปกติ ฉันเห็นผู้ชายตัวสูง ใส่ชุดสูทยืนอยู่ตรงนั้น ที่คอของเขาถูกมัดด้วยเชือก ปลายเชือกถูกตัดจนห้อยต่องแต่งอยู่ที่คอเหมือนเนคไท ใบหน้าเขากำลังแสยะยิ้ม ตาคู่นั้นโตจนแทบถล่นออกมานอกเบ้า

    เขาเอื้อมมือมากำลังจะสัมผัสที่ตัวฉัน นาทีนั้นฉันทำอะไรไม่ถูก กลัวก็กลัว แต่เหมือนถูกบางอย่างสะกดให้ต้องมองอยู่ตลอดเวลา อยากกรี๊ดก็อยาก แต่เหมือนแม้แต่เสียงพูดเบาๆมันยังไม่สามารถออกมาได้

    ในตอนนั้นเองที่มือเขากำลังจะแตะโดนฉัน ฉันก็เห็นน้ำพุ่งตรงเข้ามาจากด้านข้าง ชนตัวพี่ต้นจนกระเด็นออกไปจากระยะสายตาของฉัน

    ฉันยืนนิ่งอยู่นานเพราะช็อคกับสิ่งที่เห็น ขยับตัวได้อีกที ก็ตอนที่ใหม่เข้ามาตบหน้าฉันเบาๆ หลังจากได้สติ ฉันก็เห็นว่าทุกคนมองมาที่ฉันด้วยสายตากังวล

    “มึง” ใหม่เรียกฉันด้วยน้ำเสียงที่ติดจะสั่น “มะ เมื่อกี้ กะ กู กูเห็นอิพี่ต้นที่หน้าห้อง มึงเชื่อกูใช่ไหม” ฉันพยักหน้า เพราะภาพเมื่อกี้ ไม่ใช่สิ่งที่ฉันคิดไปเองแน่ๆ “มึง มะ มันทำท่าเหมือนโกรธกูที่กูด่ามัน กะ กูกลัว”

    “กูเห็นน้ำ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งจนตัวเองยังตกใจ

    “ใช่” ใหม่พยักหน้า “น้ำช่วยกูไว้ มึง เราไปทำบุญให้มันกันนะ ฮึก กูสงสารมัน ฮือออ”

    หลังจากจัดการเรื่องเคลื่อนย้ายศพของน้ำเสร็จ ฉันกับใหม่ก็พากันไปทำบุญ กรวดน้ำชุดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยทำมาให้ชีวิต อุทิศทุกผลบุญในครั้งนี้ให้กับทั้งน้ำ และพี่ต้น

    แม่ของน้ำเล่าให้เราฟังว่า เมื่อเดือนก่อน น้ำหอบผ้าหอบผ่อนกลับมาอยู่บ้าน แม่ถามก็ได้ความว่า ทะเลาะกับพี่ต้นเรื่องเดิมๆ แต่ครั้งนี้มันมากเกินไป เพราะพี่ต้นหยิบมีดมากรีดข้อมือตัวเองต่อหน้าน้ำ น้ำเลยบอกว่าไม่อยากอยู่ด้วยแล้ว พี่ต้นก็ขู่ว่าจะฆ่าตัวตายอีกเหมือนเดิม

    และครั้งนั้น น้ำหมดความอดทนแล้วจริงๆ จึงตะโกนกลับไปว่า ‘อยากตายนักก็ตายไปเลย’ แล้วน้ำก็หนีออกจากที่นั่นมา

    ตกเย็นวันนั้นเอง แม่ของพี่ต้นก็โทรมาบอกน้ำ ว่าพี่ต้นผูกคอตาย ครอบครัวพี่ต้นดูโกรธน้ำมาก

    หลังจากวันนั้น น้ำก็ไม่เป็นอันทำอะไร นอนก็นอนไม่ค่อยหลับ ทำงานก็ไม่มีสมาธิ น้ำบอกกับแม่ว่า น้ำเห็นพี่ต้นตลอดเวลา เค้าจะมาเอาชีวิตน้ำ

    น้ำเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องไม่ออกไปไหน ในวันสงกรานต์ที่น้ำออกมาหาพวกฉัน แม่กับพ่อก็นึกว่าทุกอย่างมันกำลังจะดีขึ้น ลูกสาวเค้ากำลังจะกลับมาใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ

    แต่ก็เปล่าเลย ..

    สู่สุขสตินะเพื่อน พ้นทุกข์แล้วนะ

    รัก

แบ่งปันหน้านี้