มูลนิธิไทยกรุณา ศูนย์รักษาโรคมะเร็งและโรคต่าง ๆ ด้วยสมุนไพร

หัวข้อกระทู้ ใน 'คลังความรู้เรื่องความสวยความงามและสุขภาพ' เริ่มโพสต์โดย Lohan, 18 สิงหาคม 2014.

  1. Lohan

    Lohan New Member

    ไทยกรุณา.jpg

    เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ได้มีโอกาสพาแม่ไปที่มูลนิธิไทยกรุณา ที่จังหวัดกาญจนบุรี จึงอยากนำประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟัง อาจเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังหาทางเลือกทางด้านสุขภาพ

    ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่ามูลนิธิไทยกรุณา (หรือชมรมคนรักสุขภาพ) เป็นสถานรักษาแบบทางเลือกซึ่งอาจจะเหมาะกับคนบางกลุ่ม บางโรคเท่านั้น เป็นการใช้ยาสมุนไพรไทยตามตำหรับยาโบราณ และวิธีทางธรรมชาติ เช่นใช้การอบตัวด้วยสมุนไพรในการรักษาตัว ผู้ริเริ่มคือแม่ชีเมี้ยน และต่อมามีหลวงพ่อนิพนธ์ เข้ามาสืบต่อ คนที่มารับการรักษาส่วนใหญ่เป็นโรคทั่วๆ ไป ของคนสูงอายุ เช่น การรักษาปัญหาข้อเข่า การรักษากระดูกทับเส้น เดินไม่ได้ การรักษาปัญหาโรคไต เบาหวาน หรือโรคที่ร้ายแรงมากๆ เช่น มะเร็ง (มูลนิธิไทยกรุณาแห่งนี้ ดูเหมือนจะเน้นการรักษามะเร็งเป็นหลัก)

    วันที่พาแม่ไปนั้นเป็นวันพฤหัส เพราะคิดว่าวันอาทิตย์คนคงจะเยอะมากแน่ๆ (มูลนิธิเปิดแค่ วันพฤหัส กับวันอาทิตย์) และเราไปกันเป็นครั้งแรก เลยอยากรู้ว่าเค้าต้องทำอะไรยังไงกันบ้าง เราขับรถกันไปถึงที่มูลนิธิประมาณตี 4 ครึ่ง ไปครั้งแรกนี่หาทางเข้าแทบไม่เจอ เพราะถนนหนทางมืดๆ ทำให้งงกับทางเข้าอยู่เหมือนกัน เพราะไม่มีป้ายทางเข้าจากถนนหลัก และทางเข้าเป็นถนนซอยเล็กๆ เท่านั้น พอขับผ่านป้อมมีคนยื่นกล่องสำหรับเก็บค่าที่จอดรถ (เราให้ไป 20 บาท) จุดนี้จะไม่ให้ก็ได้นะคะ จะขับเลยไปก็ได้ ไม่มีการรับบัตรจอดรถ เข้าไปจะมีลานจอดรถด้านขวามือ แบบมีหลังคา จอดรถได้เยอะมาก แต่ขนาดไปถึงตี 4 ครึ่ง ก็มีรถรามาจอดกันมากอยู่เหมือนกัน

    เมื่อเข้ามาในมูลนิธิ สิ่งแรกที่เห็นด้านขวามือเป็นศาลาหลังใหญ่โล่งๆ ส่วนด้านหน้าศาลาก็มีที่นั่งเป็นม้ายาวๆ ไว้หลายตัว ในมูลนิธิ ไม่มีการติดป้ายบอกขั้นตอนการเข้ารับรักษาเหมือนตามโรงพยาบาลทั่วไป ผู้คนส่วนใหญ่จะมากันแทบทุกสัปดาห์ เห็นจนจำหน้ากันได้ ทักทายพูดคุยกันบ้าง สำหรับคนที่เป็นหน้าใหม่อย่างเรา เห็นได้ชัดคือดูเป็นพวกตื่นๆ สถานที่ ถามคนนู้นทีคนนี้ที ว่าต้องทำยังไงกันบ้าง ตามสเต็ปนั่นแหละ

    ข้อมูลต่าง ๆ สำหรับคนที่จะมาที่มูลนิธิไทยกรุณา ก็ตามนี้นะ

    1. สมาชิกใหม่

    มูลนิธิไทยกรุณาเปิดแค่ 2 วัน คือวันพฤหัส และวันอาทิตย์ ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ไม่มีค่ารักษาพยาบาล ไม่เรี่ยรายรับบริจาคใดๆ การสมัครครั้งแรกสิ่งที่ต้องเตรียมมาคือ
    - รูปถ่าย 2 ใบ
    - สำเนาบัตรประชาชน 1 ใบ

    ** ถ้าไม่ได้เตรียมมา ที่ศาลาทำบัตรก็มีที่ถ่ายรูป (60 บาท) รอรับได้เลย และมีที่ถ่ายเอกสารอยูใกล้ๆ ด้วย
    - ผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ควรมีพี่เลี้ยงหรือผู้ดูแลมาด้วย หมายถึงคนที่มาเป็นเพื่อนคนป่วย เป็นลูกหลาน สามี ภรรยา เพื่อน หรือคนที่ขับรถมา ต้องเป็นคนที่อายุน้อยกว่าผู้ป่วย ไม่ใช่คนสูงอายุ คนที่เจ็บป่วย หรือคนที่กำลังเข้ารับการรักษา ซึ่งสามารถช่วยฟัง และอธิบายให้ผู้สูงอายุฟังว่าต้องทำอะไรบ้าง

    สิ่งของจำเป็นที่ควรนำไปด้วย

    - ผ้าถุงสำหรับผู้หญิง และผ้าขาวม้าสำหรับผู้ชาย สำหรับเปลี่ยนเข้าห้องอบสมุนไพร หากไม่ได้เตรียมมา ที่มูลนิธิก็มีจำหน่าย

    - กระติกน้ำแข็ง หรือกล่องโฟม สำหรับใส่ยาที่ต้องแช่น้ำแข็ง ยาที่ได้จะใส่ขวดน้ำดื่มขวดเล็กมาให้ น้ำแข็งสามารถซื้อได้ที่มูลนิธิ (10 บาท)

    - ศาลา และห้องประชุมปูด้วยพื้นกระเบื้อง สำหรับผู้ใหญ่ที่ยืน หรือเดินบนพื้นเย็นๆ ไม่ได้ แนะนำว่าควรใส่ถุงเท้าไปด้วยค่ะ

    - สำหรับผู้สูงอายุ คนที่เดินมากไม่ได้ ทางมูลนิธิมีรถเข็นให้ยืมฟรี ให้เอาบัตรประชาชนไปแลก จุดยืมรถเข็นจะอยู่ด้านหน้าทางเข้า

    เมื่อไปถึงก็จะต้องต่อแถวสำหรับขึ้นไปยังศาลาใหญ่ด้านหน้านี้ก่อน แบ่งเป็นแถวสำหรับสมาชิกเก่ากับใหม่ ก่อนขึ้นศาลาต้องถอดรองเท้าไว้ด้านล่าง ตรงนี้เปิดรับตั้งแต่ 4.00 - 8.00 น. (สมาชิกเก่าเปิดถึง 9.00 น.) ต่อคิวแล้วจะได้บัตรคิวเล็กๆ ก่อน เมื่อกรอกใบสมัครแล้วจึงจะเปลี่ยนเป็นบัตรคิวใบใหญ่ ก่อนอื่นเค้าจะแจกใบสมัครมาให้กรอก และให้ซื้อดอกไม้ขี้นไปไหว้แม่ชีเมี้ยน (ถือเป็นผู้ริเริ่มตำหรับยา) ที่ตึกด้านในกันก่อน แล้วค่อยนำเอกสารมาส่งตอน 7.30 น.

    ใบสมัครที่กรอกก็มีรายละเอียดคือ

    - ชื่อ ที่อยู่ ปีเกิด
    - ผู้ที่สามารถติดต่อได้ กรณีฉุกเฉิน 2 ชื่อ ความสัมพันธ์ เบอร์โทรศัพท์ (ก็คือคนที่มาด้วย ผู้ดูแล หรือคนที่ขับรถมากับเรา ควรเป็นคนที่ติดต่อแล้วจะให้การช่วยเหลือได้ทันที) อันนี้สำคัญเหมือนกันค่ะ ต้องกรอกให้ชัดเจน เว้นไว้ไม่ได้เลย
    - รู้จักมูลนิธิจากไหน หรือใครแนะนำมา ใส่ชื่อผู้ที่แนะนำมา พร้อมเบอร์โทรศัพท์
    - อาการของโรค ตรงนี้ต้องเขียนบรรยายไปให้หมดเลยค่ะว่า เจ็บป่วยตรงไหน ยังไงบ้าง
    - การรักษาปัจจุบัน ได้รับการรักษาอย่างไร ตรงนี้อาจบอกไปด้วยว่ากำลังรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลไหน ได้รับยาอะไรบ้าง เคยได้รับการบำบัดยังไง เช่นคนเป็นโรคมะเร็งเคยฉายแสงมาหรือยัง กี่ครั้ง
    - เซ็นชื่อผู้ป่วย

    ประมาณ 7.30 - 8.00 น. สมาชิกใหม่เอาใบสมัครไปส่งไปตรงศาลาเดิมอีกครั้ง เมื่อตรวจสอบเรียบร้อย เค้าจะเรียกให้นั่งตามเบอร์คิวเพื่อฟังขั้นตอนการเข้ารับการรักษา จากนั้นจะแจกบัตรคิวจริงอีกครั้ง

    สมาชิกใหม่ จะได้รับการเข้าฟังบรรยายจากหลวงพ่อนิพนธ์ และสวดมนต์ในศาลาด้านใน รอบที่ 2 คือ 10.30 น. ถึงประมาณเที่ยง (ผู้ดูแลที่มาด้วยไม่ต้องเข้าไป) จากนั้นก็จะต้องออกมาอบสมุนไพร 3 รอบ รอบละ 10 นาที ก่อนเข้าอบควรเตรียมน้ำดื่มไว้ดื่มด้วย เมื่ออบตัวเสร็จสมาชิกใหม่จะต้องเข้าไปรับฟังเรื่องการกินยา และการเก็บรักษายา โดยกลับเข้าไปในห้องประชุมอีกครั้ง

    ห้องอบสมุนไพรแยกเป็นหญิง ชาย มีหลายห้อง เจ้าหน้าที่จะคอยดูแลให้เข้าอบพร้อมกัน เวลาเข้าอบสมุนไพร ของมีค่าสามารถเอาไปฝากไว้ได้ ส่วนเสื้อผ้าเปลี่ยนก็มีที่แขวนไว้

    ช่วงรอเข้าสวดมนต์ จะหาอะไรกินรองท้องก่อนก็ได้ ในมูลนิธิมีโรงอาหาร เปิดตั้งแต่เช้า ประมาณตี 5 มีกาแฟ โอวัลติน ปาท่องโก๋ (ปาท่องโก๋ทำสดใหม่ร้อนๆ อร่อยมาก) อาหารอย่างอื่นก็มีพวกข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว ขายในราคาปกติ 30-35 บาท ไม่แพงเลย เป็นการอุดหนุนมูลนิธิด้วย ซื้ออาหารต้องแลกคูปองก่อนนะคะ ใช้ได้ทั้งวัน แลกคืนได้ภายใน 4 โมงเย็น หรือบางคนอยากบริจาคคูปองส่วนที่เหลือ ก็มีกล่องวางไว้ให้


    2. สมาชิกที่ไปครั้งที่ 2 - 5 และสมาชิกถาวร

    เมื่อไปถึงก็ต้องไปรับบัตรคิวที่ศาลาด้านหน้า บนศาลาด้านซ้ายมือจะมีโต๊ะตั้งอยู่ 4-5 ตัว เขียนบอกไว้สำหรับคนที่มาเป็นครั้งที่ 2,3,4 และ 5 เพื่อเข้าสวดมนต์ ฟังบรรยาย และอบตัว ซึ่งจะต้องมีบัตรแสดงทุกครั้ง ถ้าใครต้องการรอบเช้า ไปแต่เช้าก็จะได้คิวต้นๆ เมื่อเข้าสวดมนต์เสร็จ ก็สามารถนั่งเล่น นอนเล่น พักผ่อนในบริเวณนั้นจนกว่าจะถึงเวลาเรียกรับยา ในตอน 4 โมงเย็น ซึ่งต้องรอรับด้วยตัวเอง

    สำหรับคนที่มาเป็นสัปดาห์ที่ 5 จะได้รับการเปลี่ยนบัตรใหม่ (เป็นบัตรสีเขียว) เพื่อเป็นสมาชิกถาวร ครั้งต่อๆ ไป รับยาเป็นแบบกระเป๋าที่มีรูปติดที่กระเป๋า เมื่อมาถึงนำกระเป๋าไปให้ที่ห้องในโรงอาหารได้เลย

    3. คนเป็นโรคมะเร็ง

    สำหรับคนเป็นโรคมะเร็งจะได้รับสิทธิพิเศษ คือสามารถมาเข้าสวดมนต์ ฟังบรรยาย อบสมุนไพร ได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง คือ ทั้งวันพฤหัส และอาทิตย์ เมื่อครบ 5 สัปดาห์ (10 ครั้ง) นำใบรับรองแพทย์มาแสดง และสามารถติดต่อขอรับยาได้พิเศษ ไม่ต้องรวมกับโรคอื่นๆ สำหรับคนที่เดินไม่ไหว ทางเข้ามูลนิธิ มีรถเข็นให้ยืมฟรี โดยเอาบัตรประชาชนไปแลก หากคนที่เป็นมาก เหนื่อย หรือไม่ไหวจริงๆ ไม่สามารถเข้าสวดมนต์ ฟังบรรยาย รอรับยาได้ทั้งวัน จะมีการพิจารณาเป็นกรณีๆ ไป แต่ครั้งแรกควรไปด้วยตนเองก่อน (อาจจ่ายยาให้แล้วให้กลับบ้านได้เลย)


    4. รอบการสวดมนต์ เข้าฟังบรรยาย

    ทุกคนต้องเข้าห้องสวดมนต์ ฟังบรรยาย
    รอบแรก 8.00 -10.00 น. เรียกตามบัตรคิว มาก่อนได้เข้ารอบแรก สวดมนต์ ฟังบรรยาย (และอบสมุนไพร)

    รอบที่ 2 10.30 - 12.30 น. เรียกคิวต่อไป สวดมนต์ ฟังบรรยาย (และอบสมุนไพร)

    รอบที่ 3 12.30 14.00 น. เรียกคิวที่เหลือ สวดมนต์ ฟังบรรยาย (และอบสมุนไพร)

    16.00 - 17.30 น. เรียกรับยาตามคิว


    5. รับยาสมุนไพร

    ทุกคนจะได้รับยาในช่วงเวลาพร้อมกันหมด เริ่มประมาณ 16.00 น. ไม่ว่าจะเข้าสวดมนต์รอบไหน ก็จะต้องรอถึงตอนเย็นเพื่อรับยาตามเบอร์คิว ให้ตรงกับเจ้าของยาตามรูปที่อยู่ในบัตร คนที่เป็นโรคทั่วๆ ไป (ไม่ใช่มะเร็ง) รับยาได้สัปดาห์ละครั้ง (ยาที่ให้มาจะพอดีสำหรับ 1 สัปดาห์)

    ยาที่ได้ของแต่ละคน แต่ละโรคจะได้ไม่เหมือนกัน ยามีหลายขนาน เช่น สมุนไพรตำลึง สมุนไพรเขียว มะกรูด น้ำผึ้ง น้ำมะพร้าว น้ำมะนาว น้ำกระดูก เป็นต้น ยาบางตัวเป็นน้ำ ใส่มาในขวดน้ำดื่ม บางตัวเป็นแบบเปียกๆ เวลากินต้องปั้นเป็นลูกกรอน บางตัวต้องแช่น้ำแข็ง บางตัวแช่เย็น แล้วค่อยอุ่นเวลาทาน จำนวนครั้งในการกินก็ไม่เหมือนกัน บางตัวกินเป็นเวลา บางตัวกินแค่ครั้งเดียวตอนไหนก็ได้ บางตัวใช้จิบ ตรงนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะจำไม่ได้ เค้าจะมีใบประกอบมาให้ว่ายาแบบไหน เก็บยังไง กินยังไงบ้าง

    สำหรับยาที่ต้องแช่น้ำแข็ง ถ้าเราเตรียมกระติกหรือกล่องโฟมมา ซื้อนำ้แข็งที่มูลนิธิแช่ใส่ได้เลย (น้ำแข็ง 10 บาท) ถ้าไม่มีอะไรมาใส่ แถวนั้นก็มีกระติกขาย


    6. การติดต่อ

    พิกัดที่ตั้งมูลนิธิ 13.975305,99.673633

    ที่อยู่ เลขที่ 43 หมู่ 7 ตำบลวังศาลา อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี 71110

    เบอร์โทร มูลนิธิยังไม่มีเบอร์ติดต่อส่วนกลาง (สอบถามได้ทางเฟสบุ๊ค)

    เว็บไซต์ http://thaikaruna.blogspot.com/

    เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/iGoodHealth?ref=br_tf


    7. การเดินทาง

    มูลนิธิไทยกรุณา ตั้งอยู่บนถนนแสงชูโต เส้นทางหลักเข้าตัวจังหวัดกาญจนบุรี (เลยแยกท่าเรือ และก่อนถึงแยกมิราเคิล ออฟ ไลฟ์)

    ห่างจากกรุงเทพฯ (อนุสาวรีย์ชัยฯ) 110 กิโลเมตร
    อยู่ก่อนถึงตัวเมืองกาญจนบุรี 17 กิโลเมตร

    - วิ่งไปทางเส้นทางไปกาญจนบุรี ผ่านบ้านโป่ง เลี้ยวขวาเข้าถนนแสงชูโต (วิ่งไปอีกประมาณ 30 กิโลเมตร)
    - ผ่านสี่แยกท่าเรือ ไปอีกประมาณ 10 กิโลเมตร ซ้ายมือมีร้านของฝากโรงงานวุ้นเส้นท่าเรือ (ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านของฝากศรีฟ้ากาญจน์)ให้ชิดขวาเตรียมกลับรถ ในยูเทิร์นถัดไป
    - ยูเทิร์นแล้วเข้าซ้ายทันที (ทางเข้าอยู่ใกล้กับจุดยูเทิร์นมาก) ทางเข้าเป็นซอยเล็กๆ (ไม่มีป้ายบอก) เมื่อเข้าไปข้ามทางรถไฟแล้วเลี้ยวขวาเข้าที่จอดรถ ทางเข้าออกเป็นวันเวย์ ทางออกจะออกทางซอยโรงน้ำแข็งวังศาลา

    ความคิดเห็นเพิ่มเติมจากพันทิป http://pantip.com/topic/31036432

    เส้นทางไปมูลนิธิไทยกรุณา จากทางด่วน http://www.naddalim.com/forum/viewtopic.php?f=29&t=1977
    Last edited: 18 สิงหาคม 2014
    Number18 ขอบคุณโพสต์นี้.

แบ่งปันหน้านี้