ตัวตนของยมบาล [เรื่องเล่าผี]

หัวข้อกระทู้ ใน 'มุมอ่านเรื่องผี เรื่องเล่าผี นิยายผี เรื่องลึกลับ' เริ่มโพสต์โดย Number18, 2 มีนาคม 2018.

  1. Number18

    Number18 Moderator Staff Member

    ยมบาลมีตัวตนจริงไหม นรกมีจริงหรือเปล่า คุณเคยสงสัยกับสิ่งเหล่านี้ใช่ไหมคะ แต่จนทุกวันนี้ที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปไกล ก็ยังไม่มีใครหาคำตอบให้เรื่องพวกนี้ได้เลยสักครั้ง

    ย้อนกลับไปสมัยก่อนที่จะมีอินเตอร์เน็ต หลายๆคนคงเคยดูรายการผีที่ฉายผ่านทางทีวี และเชื่อว่าทุกคนที่เคยดูก็มักจะได้ยินเรื่องของกลุ่มคนที่ตายแล้วฟื้น

    พวกเขามักจะเล่าเรื่องราวหลังความตายคล้ายๆกันว่า ได้เจอกับผู้ชายร่างใหญ่ ตัวสีดำทมิฬ นุ่งโจงกระเบนสีแดง มาพาตัวเขาไปยังสถานที่หนึ่ง สถานที่ที่มีวิญญาณมากมายร้องโหยหวนเพราะถูกทรมาน ซึ่งพวกเราถูกสอนกันมาให้เรียกที่สถานที่นั้นว่า...นรก...

    ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่เคยดูรายการเหล่านั้นแล้วก็กลัวความตายจับใจ

    แต่มาลองนึกดูดีๆแล้วนั้น ตัวฉันเองก็เคยเจอเหตุการณ์อะไรที่คล้ายเรื่องที่คนเหล่านั้นเล่ามาก่อนเช่นกัน

    ย้อนกลับไปสมัยที่ฉันยังเด็กมาก เด็กเสียจนจำไม่ได้เลยว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นมันเกิดอะไรขึ้น และอะไรเป็นที่มาให้ฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้

    วันนั้นเป็นวันธรรมดาวันหนึ่งที่ฉันไปเรียนและเข้านอนตามปกติ ตกกลางคืนฉันฝันเห็นผู้ชายแปลกหน้า 2 คน ร่างกายของพวกเขาใหญ่โต แต่ไม่ได้เป็นสีดำเหมือนที่เคยได้ยินมาในทีวี ผู้ชาย 2 คนนั้นมาปลุกฉัน แล้วถามว่าจะไปเที่ยวกับเขาไหม ด้วยความที่เป็นเด็ก ฉันถูกแม่สอนมาเสมอว่าห้ามไปไหนกับคนแปลกหน้าเด็ดขาด ฉันจึงบอกเขาไปว่า ไปไม่ได้ แม่ไม่ให้ไป ผู้ชาย 2 คนนั้นยิ้มให้ฉันแล้วบอกว่าไม่เป็นไร ไว้ตื่นแล้วไปถามแม่ แล้วพรุ่งนี้ลุงจะมาถามใหม่

    เช้าวันรุ่งขึ้นฉันก็เล่าความฝันให้แม่ฟัง แล้วถามว่าถ้าคืนนี้เขามาชวนอีก ฉันจะไปกับเขาได้ไหม แม่ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก บอกเพียงแค่ว่าฉันทำดีแล้วที่เชื่อฟังแม่แล้วก็ไม่ไปกับคนแปลกหน้าง่ายๆแม้กระทั่งในฝัน

    ตกกลางคืน ฉันก็ฝันเห็นผู้ชาย 2 คนนั้นอีกเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้เขาหลอกล่อฉันด้วยคำว่า จะพาไปเที่ยวสวนสนุก ฉันลังเลเพราะไม่เคยไปเที่ยวสวนสนุกมาก่อน แล้วก็คิดได้ว่าแม่คงไม่ว่าอะไร เพราะมันเป็นแค่ความฝัน ฉันจึงตอบตกลง

    สวนสนุกที่พวกเขาพาฉันไป มันไม่ได้สนุกอย่างที่คิด เขาจับมือฉันไว้แน่นแล้วพาฉันเดินไปตามทางเดินที่มีแต่สีขาว ซึ่งฉันมาว่ารู้ตอนโตแล้วว่าสีขาวพวกนั้นมันคือหิมะ เพราะในฝันฉันรู้สึกหนาวมาก หนาวจนถึงกระดูก ฉันทนเดินต่อไปไม่ไหวแต่พอฉันหยุดเดิน คุณลุงที่ท่าทางใจดีเมื่อครู่ก็หันมามองฉันด้วยสายตาดุๆ

    “หยุดทำไม!” พวกเขาตะคอกใส่ฉันพร้อมกัน และเสียงนั้นมันทำให้ฉันไม่อยากไปกับพวกเขาแล้ว ฉันจึงทรุดลงแล้วเริ่มร้องไห้

    “ฮึก หนูไม่ไปแล้ว เดี๋ยวแม่ว่า” ฉันพยายามดึงมือตัวเองออกแต่ก็ไม่ได้ผล


    “มึงต้องไป!”


    ชาย 2 คนนั้นช่วยกันดึงฉันให้ลุกขึ้นเดินอีกครั้ง แต่ฉันก็เริ่มร้องไห้ดังขึ้น ความกลัวเริ่มเข้ามาเกาะกุมจิตใจมากขึ้นเมื่อดวงตาของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง

    ฉันสะบัดแขนสุดแรงเท่าที่จะทำได้ และเมื่อหลุดออกจากมือพวกเขา ฉันก็เริ่มวิ่งหนี เสียงตะโกนเรียกให้กลับไปดังอยู่เรื่อยๆและยิ่งดังมากขึ้นเมื่อพวกเขาวิ่งมาใกล้ถึงตัวฉัน ฉันร้องไห้ไปวิ่งไป เอาแต่ตะโกนเรียกแม่ให้มาช่วย และในตอนนั้นเองที่ชายคนใดคนหนึ่งเกือบคว้าตัวฉันเอาไว้ได้ ฉันก็ได้ยินเสียงแม่เรียกชื่อของฉัน

    ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาให้ห้องนอนของตัวเอง มีแม่นั่งมองอยู่ข้างๆด้วยสีหน้ากังวล บนตัวของฉันเต็มไปด้วยเสื้อกันหนาวและถุงเท้าหนาหลายชั้น แม่บอกว่าอยู่ดีๆฉันก็มีอาการหนาวสั่นเหมือนคนเป็นไข้ ฉันกอดแม่ร้องไห้แล้วเล่าความฝันอันน่ากลัวนั้นให้แม่ฟัง แม่กอดปลอบฉันแล้วบอกให้ฉันเลิกกังวล ฉันคงจะเป็นไข้ แล้วนั่นก็เป็นแค่ความฝัน

    แต่ฉันกลัว เพราะเมื่อฉันเพ่งมองผ่านความมืดออกไปข้างนอก ฉันเห็นชายแปลกหน้า 2 คนในฝัน ยืนอยู่ที่นอกหน้าต่างนั่น ฉันกรีดร้องด้วยความกลัวจนคนทั้งบ้านตื่น

    ฉันเล่าความฝันให้ทุกคนฟัง แต่ไม่มีใครเชื่อว่าฉันเห็นผู้ชายในฝันที่นอกหน้าต่างนั่นจริงๆ มีเพียงย่าที่กลับไปที่ห้องแล้วหยิบพระมาสวมคอให้ฉัน ท่านอาสาที่จะนอนกับฉันในคืนนั้น

    ฉันหลับไปอีกทีตอนไหนก็ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว ฉันลุกออกมาจากห้อง และพบว่ามีคนอยู่เต็มบ้านไปหมด

    ย่าเล่าให้ฟังว่าขณะที่ฉันหลับไปอีกครั้งเมื่อคืน มีเสียงโครมครามดังขึ้นตลอดเวลาที่นอกหน้าต่าง ย่าพยายามใช้ไฟฉายส่องดูแต่ก็ไม่เจออะไร พายุฝนก็ไม่ได้มา ต้นไม้บริเวณนั้นก็ไม่มี ย่ากังวลว่าเสียงนั่นอาจจะเป็นเสียงคน คนแปลกหน้าที่ฉันเห็น อาจจะไม่ใช่คนในฝันที่ฉันกลัวแต่เป็นขโมย จึงได้เรียกเพื่อนบ้านมาถามไถ่

    คืนต่อมาย่าก็มานอนเป็นเพื่อนฉันอีก แต่คราวนี้มีน้าผู้ชายมานอนอยู่หน้าห้องด้วย เผื่อว่าขโมยเมื่อวานจะงัดเข้ามาในห้องเพราะเห็นว่ามีเพียงเด็กกับคนแก่อยู่

    ทันทีที่ฉันหลับ ฉันก็ฝันเห็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยหิมะเหมือนเดิม หนาวสั่นเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ไม่มีผู้ชาย 2 คนนั้นอีกแล้ว ในฝันฉันพยายามเดินไปเรื่อยๆเพื่อหาทางออกจากที่นั่น เดินไปได้ไม่นานฉันก็สะดุ้งตื่นเพราะเสียงบางอย่าง

    ฉันลืมตาขึ้นมาในความมืด ผู้ชาย 2 คนที่หายไปจากความฝันเขาอยู่ที่นี่ อยู่ในห้องนี้ ยืนอยู่ที่ปลายเตียงของฉัน ฉันพยายามจะปลุกย่าแต่ย่าก็ไม่ตื่น พวกเขาใช้ดวงตาแดงก่ำจ้องมองมาที่ฉันอย่างโกรธเคือง

    “คราวนี้รอดไปนะมึง แต่เดี๋ยวก็ได้เจอกันอีก” เขาพูดเพียงแค่นั้นแล้วหายวับไป

    ฉันนอนคุมโปงอยู่ทั้งคืนแต่ไม่ได้หลับ กลัวว่าถ้าหลับตาลงแล้วจะเจอพวกเขาอีก กลัวว่าถ้าเปิดผ้าห่มออกมาแล้วจะเห็นเขายืนอยู่ที่ปลายเตียง ฉันขดตัวอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งย่ามาเรียก

    สายๆของวันนั้นย่าพาฉันไปทำบุญที่วัด ให้พระท่านรดน้ำมนต์ แล้วบอกให้ฉันสวดอะไรบางอย่าง แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง ฉันก็จำไม่ได้

    จนกระทั่งเรื่องราวผ่านมาประมาณ 10 กว่าปี อยู่ๆวันนึงแม่ก็พูดถึงเรื่องที่ฉันเคยป่วยใกล้ตายขึ้นมา ฉันงงว่าฉันเคยเป็นแบบนั้นเมื่อไหร่ แต่พอแม่บอกว่ามีอยู่วันนึงที่อยู่ๆฉันก็มีอาการหนาวสั่นติดต่อกัน 2 คืน เรียกก็ไม่รู้สึกตัว ไข้ก็ไม่มี แถมยังบอกว่าฝันเห็นผู้ชายตัวใหญ่มาชวนไปเที่ยวอีก

    พอได้ยินแบบนั้นรายละเอียดของความฝันในวันนั้นรวมถึงความรู้สึกต่างๆก็ย้อนกลับเข้ามาในหัว ทั้งผู้ชายแปลกหน้าในฝัน ดวงตาเกรี้ยวโกรธสีแดงฉาน ทางเดินสีขาวโพลนแสนเย็นยะเยือก รวมถึงตอนที่เขาออกมายืนอยู่ปลายเตียงในโลกแห่งความจริง แล้วจ้องหน้าฉันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ย้อนกลับไปนึกถึงทีไรฉันก็ยังขนลุกซู่ไม่หาย ภาพทุกภาพยังคงชัดเจนในสมองของฉันราวกับมันพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

    แม่กับย่าเชื่อกันว่านั่นคือพญายมที่จะมาพาดวงวิญญาณที่ถึงฆาตไปยังนรก แต่เพราะพวกท่านไปบนกับพระท่านหนึ่งเอาไว้ว่าพวกท่านจะทำบุญใหญ่ในวันพระตลอดชีวิต แลกกับการที่ให้ฉันยังไม่ต้องไปตอนนั้น อาการของฉันถึงได้ดีขึ้นและไม่กลับไปฝันแบบนั้นอีก

    และนี่คือเรื่องราวในวัยเด็กที่ฉันจำได้แม่นและยังสงสัยมาตลอด ว่าอาการหนาวสั่นเฉียบพลันวันนั้นของฉันคืออะไร แล้วผู้ชาย 2 คนนั้นในฝันออกมาปรากฎตัวข้างนอกจริงไหม พวกเขาคือพญายมจริงรึเปล่า ทุกอย่างยังคงเป็นปริศนาที่ไม่มีคำตอบเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ ฉันจึงอยากจะเอามาเล่าให้ทุกท่านได้อ่านกัน

แบ่งปันหน้านี้