คุณย่าตายไปแล้ว [เรื่องเล่าผี]

หัวข้อกระทู้ ใน 'มุมอ่านเรื่องผี เรื่องเล่าผี นิยายผี เรื่องลึกลับ' เริ่มโพสต์โดย Number18, 2 มีนาคม 2018.

  1. Number18

    Number18 Moderator Staff Member

    ฉันชื่อกิ๊บ เป็นพนักงานธรรมดาในบริษัทแห่งหนึ่ง ฉันแต่งงานกับสามีมาได้ 8 ปีแล้ว มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน อายุ 6 ขวบ

    ด้วยความที่บริษัทของฉันงานค่อนข้างเยอะ และสามีเองก็งานยุ่งไม่แพ้กัน เราจึงมักจะฝากลูกไว้กับคุณแม่ของสามีทุกครั้งที่เราต้องกลับดึก ชีวิตของฉันดูเหมือนจะราบรื่นดี แต่มันก็มาถึงจุดเปลี่ยนเมื่อคุณแม่ของสามีล้มป่วยและเสียชีวิตกระทันหัน

    หลังจากคุณแม่เสีย ลูกสาวของฉันก็ยังคงพูดถึงท่านเป็นประจำ แต่มันก็มักจะเป็นการพูดถึงด้วยประโยคแปลกๆ ซึ่งตอนนั้นฉันเองก็ไม่ได้คิดอะไร

    จนไม่กี่วันหลังจากงานศพ สามีของฉันก็มาล้มป่วยไปอีกคน หมอไม่สามารถวิเคราะห์อาการป่วยของเขาได้ เพียงแค่ไม่กี่วันอาการของเขาก็แย่ลงเรื่อยๆจนถึงขั้นช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ฉันตระเวณหาหมอที่เก่งๆเพื่อมารักษาสามี แต่ไม่ว่าหมอที่ไหนก็ไม่สามารถหาสาเหตุของอาการป่วยได้เลย

    จากนั้นไม่นานอาการของสามีก็ยิ่งทรุดลง ฉันโทรบอกญาติทุกฝ่ายว่าสามีคงไม่พ้นคืนนี้ ฉันนั่งดูอาการเขาอยู่ทั้งคืนกลัวว่าเขาจะไปโดยไม่ได้ลากัน พอตอนเช้าญาติๆก็พากันมาที่บ้าน ฉันจึงขอตัวไปงีบหลับเอาแรง แต่พอตื่นขึ้นมาตอนเย็นก็พบว่าสามีอาการดีขึ้นจนน่าแปลกใจ

    หลังจากที่สามีของฉันกลับมาเดินเหิรปกติ ลูกสาวของฉันก็ไม่เคยเรียกเขาว่าพ่ออีกเลย เอาแต่เรียกว่าคุณย่าๆ ฉันคิดว่าเพราะลูกผูกพันกับคุณย่ามาก พอรู้ว่าคุณย่าเสียลูกอาจจะรับไม่ไหวแล้วสร้างคุณย่าขึ้นมาในจินตนาการเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ฉันจึงตัดสินใจพาลูกเข้าไปพูดคุยกับจิตแพทย์เด็ก ลูกเข้ารับการรักษาอยู่หลายวัน แต่เขาก็ยังคงเอาแต่พูดถึงคุณย่า ฉันทำใจแล้วว่าลูกคงกลับมาปกติไม่ได้แล้วแน่ๆ

    จนกระทั่งจิตแพทย์เอาไดอารี่ของลูกมาให้อ่าน ฉันจึงอยากหยิบยกบางส่วนมาให้ทุกคนได้อ่านกัน


    .
    .
    .

    (เนื้อหาต่อจากนี้มาจากไดอารี่ของเด็ก 6 ขวบ ซึ่งผ่านการแก้คำผิดและเนื้อหาบางส่วนให้ผู้ใหญ่อ่านเข้าใจง่ายโดยจิตแพทย์ของน้อง)



    2 กุมภา 2561
    วันนี้คุณแม่มาปลุกฉันตอน 10 โมง ฉันตกใจมากตอนที่มองนาฬิกา มันเลยเวลาที่จะต้องไปโรงเรียนแล้ว ฉันคิดว่าต้องโดนดุแน่ๆ แต่คุณแม่ก็บอกฉันว่าวันนี้ไม่ต้องไปโรงเรียน แต่ให้ไปอาบน้ำแต่งตัวไปวัดแทน

    ฉันไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันสำคัญอะไร ครอบครัวถึงต้องมาพามาที่วัด แต่วันนี้คุณลุง คุณป้าที่อยู่ต่างจังหวัดก็มากันครบทุกคน ฉันสนุกมากที่ได้เจอพี่มิว พี่มิวโตกว่าฉัน 3 ปี ทุกครั้งที่ฉันไปเที่ยวที่บ้านพี่มิว พี่มิวจะใส่ชุดสีฟ้า แต่วันนี้กลับใส่สีดำ ที่จริงทุกคนที่วัดรวมทั้งตัวฉันก็ใส่สีดำเหมือนกัน วันนี้พี่มิวไม่เล่นกับฉันเหมือนทุกครั้ง แต่เอาแต่ร้องไห้ ผู้ใหญ่คนอื่นๆก็ร้องไห้ พอฉันถามว่าเป็นอะไรก็มีแต่คนบอกว่าคุณย่าไปแล้ว

    ฉันไม่เข้าใจว่าคุณย่าไปไหน ก็ยังเห็นท่านนอนอยู่บนโต๊ะกลางศาลาอยู่เลย


    3 กุมภา 2561
    วันนี้ฉันก็ไม่ได้ไปโรงเรียนอีกแล้ว คุณพ่อมารับไปที่วัดตอน 10 โมงเหมือนเดิม แต่วันนี้คุณย่าไม่ได้นอนอยู่บนโต๊ะแล้ว คุณแม่บอกว่าคุณย่านอนอยู่ในกล่องไม้สี่เหลี่ยม ที่ผู้ใหญ่เรียกกันว่าโลง บนโลงของคุณย่าจะมีไฟสีๆวางไว้มากมายเหมือนวันปีใหม่ ฉันเลยคิดว่านี่อาจจะเป็นงานวันเกิดคุณย่าที่ย้ายมาจัดงานที่วัดแทน

    ตอนกลางคืนมีคนเยอะแยะมาหาคุณย่า ทุกคนดูเศร้าเสียใจ มีคุณน้าคนหนึ่งที่ฉันจำได้ว่าเป็นเพื่อนคุณแม่พูดกับคุณแม่ว่า คุณย่าไปสบายแล้ว อย่าร้องไห้เลย ท่านจะห่วง แล้วเขาก็หันมาพูดกับฉันว่า เหงาหน่อยนะ คุณย่าไม่อยู่แล้ว เป็นเด็กดีนะลูก

    ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคุณน้าคนนั้นถึงบอกฉันว่าคุณย่าไม่อยู่แล้ว ก็ในเมื่อคุณย่านั่งฟังพระพูดอยู่ข้างโลงนั่นไง


    6 กุมภา 2561
    วันนี้คุณพ่อมารับฉันที่โรงเรียนเร็วกว่าปกติ ท่านบอกว่าจะพาไปส่งคุณย่าไปสวรรค์ ฉันไม่รู้ว่าสวรรค์อยู่ที่ไหน แล้วคุณย่าจะไปกี่วัน

    คุณแม่บอกว่าคุณย่าจะขึ้นไปสวรรค์ทางปล่องสูงๆนั่น ท่านสอนให้ฉันเรียกว่าเมรุ ทุกคนที่ไปส่งคุณย่าต่างร้องไห้กันเสียงดัง ฉันเองก็ร้องด้วย เพราะคิดว่าคุณย่าต้องไปสวรรค์หลายวันมากแน่ๆ


    9 กุมภา
    วันนี้เป็นวันเสาร์ ปกติแล้วคุณพ่อจะพาฉันไปหาคุณย่า ไปทำขนมอร่อยๆกินกัน แต่วันนี้คุณย่ามาเยี่ยมเราที่บ้านแทน ฉันดีใจที่เห็นคุณย่า ฉันนึกว่าท่านจะไปสวรรค์นานกว่านี้ซะอีก ฉันเข้าไปกอดท่านแล้วก็ถามว่าที่สวรรค์สวยไหม ฉันอยากไปบ้าง คุณย่าก็ยิ้มให้ฉันแต่ไม่พูดอะไร

    ฉันดีใจมากที่คุณย่ากลับมาแล้ว ฉันวิ่งไปบอกพ่อกับแม่ แต่พวกท่านกลับดุฉัน ฉันไม่เข้าใจว่าทำไม


    14 กุมภา
    วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ ฉันดีใจมากที่ได้สติกเกอร์จากเพื่อนๆ แต่ฉันไม่มีสติกเกอร์ ฉันคิดว่าจะซื้อตอนที่แม่มารับหลังเลิกเรียนแล้วค่อยมาติดให้เพื่อนๆ แต่สุดท้ายฉันก็ไม่ได้ทำแบบนั้น เพราะคุณแม่มารับฉันตอนพักเที่ยง แล้วบอกว่าคุณพ่อเข้าโรงพยาบาล

    แม่ร้องไห้ตลอดทางจากโรงเรียนฉันไปที่โรงพยาบาล ฉันเองก็ร้องเพราะกลัวว่าคุณพ่อจะเจ็บ
    พอไปถึงโรงพยาบาล คุณย่าก็อยู่ที่นั่นอยู่แล้ว แต่คุณแม่ก็เอาแต่ดุ ไม่ให้ฉันเข้าไปกอดท่าน ฉันเห็นคุณย่ายืนมองคุณพ่อตลอดเวลา ท่านคงจะเป็นห่วงคุณพ่อมากๆ


    18 กุมภา
    คุณพ่อกลับมารักษาตัวที่บ้าน คุณแม่บอกฉันว่าคุณพ่อเดินไม่ได้แล้ว ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเดินไม่ได้ ฉันเรียกคุณพ่อ แต่คุณพ่อก็ไม่มองฉัน เอาแต่มองไปที่คุณย่าที่ยืนอยู่ปลายเตียง ฉันเรียกคุณย่าให้เดินเข้ามาใกล้ๆคุณพ่อ เผื่อคุณพ่ออยากจะคุยกับคุณย่า แต่พอคุณย่าเดินเข้ามา คุณพ่อก็ส่งเสียงดังจนคุณแม่เข้ามาดุฉันแล้วไล่ฉันออกจากห้องนั้น ฉันร้องไห้เสียใจ อยากกอดคุณย่า แต่คุณย่าก็ไม่ยอมออกมาห่างจากคุณพ่อเลย


    19 กุมภา
    วันนี้คุณแม่สอนให้ฉันป้อนข้าวคุณพ่อ แต่คุณพ่อไม่ยอมทาน ฉันจึงหันไปเรียกคุณย่าให้มาช่วย แต่คุณย่าก็ทำแค่ปีนขึ้นไปอยู่บนเตียงคุณพ่อ แล้วก็ยืนมองคุณพ่อเหมือนเดิม


    20 กุมภา
    วันนี้มีคนมาเยี่ยมคุณพ่อหลายคน แต่ทุกคนพูดถึงคุณย่าว่าท่านไปสบายแล้วหมดห่วงแล้ว แต่ฉันว่าไม่จริงหรอก ก็คุณย่าเอาแต่ยืนมองคุณพ่ออยู่บนเตียงที่เดิมไม่ไปไหนเลยนี่นา


    21 กุมภา
    วันนี้เป็นวันที่ฉันเสียใจที่สุด คุณแม่ดุฉันหลายเรื่อง ด่าว่าฉันเอาแต่พูดถึงคุณย่าอยู่ได้ คุณย่าตายไปแล้ว หยุดพูดสักที ฉันรู้ความหมายของคำว่าตาย คนที่ตายจะหายไปจากโลกใบนี้ แต่คุณย่ายังอยู่ ทำไมคุณแม่ถึงบอกว่าคุณย่าตายไปแล้วก็ไม่รู้ ก็ฉันยังเห็นอยู่เลยว่าคุณย่ายืนเหยียบอยู่บนอกของคุณพ่อ ฉันบอกให้คุณย่าลงมา แต่คุณย่าก็ไม่ลง คุณย่าหันมองฉัน แล้วบอกว่า กูจะเอามันไป ฉันกลัว ฉันไม่เคยเห็นคุณย่าทำเสียงแบบนั้นมาก่อน ฉันรีบวิ่งไปบอกแม่ แต่แม่ก็ดุฉัน


    22 กุมภา
    วันนี้ญาติๆที่ต่างจังหวัดมาที่บ้านของเราแต่เช้า ฉันดีใจที่จะได้มีเพื่อนเล่น แต่พี่มิวก็ไม่ยอมเล่นกับฉันอีกแล้ว พี่มิวบอกว่าฉันเป็นคนขี้โกหก ฉันงงว่าฉันโกหกเรื่องอะไร พี่มิวก็บอกว่าฉันโกหกว่าเห็นคุณย่า ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงคิดว่าฉันโกหก ฉันเห็นคุณย่าจริงๆ แล้ววันนี้คุณย่าก็ยิ้มเยอะกว่าทุกวันที่ผ่านมาอีกด้วย

    ตอนเย็นพอคุณแม่ตื่นขึ้นมา ทุกคนก็ดูมีความสุขขึ้น ไม่เศร้าเหมือนตอนเช้าแล้ว คุณแม่เลยทำสุกี้ให้ทุกคนกินกัน คุณแม่ให้ฉันไปตามคุณพ่อ แต่ฉันหาคุณพ่อไม่เจอ ฉันจึงไปเรียกคุณย่ามากินด้วยกัน

    เป็นครั้งแรกที่คุณย่ายอมออกจากห้อง ฉันตักของกินเยอะแยะให้คุณย่า แล้วก็พูดคุยกับคุณย่าด้วยความดีใจ แต่ทุกคนก็มองฉันด้วยสายตาแปลกๆ แล้วอยู่ๆคุณแม่ก็ลุกขึ้นมาตีฉัน ฉันไม่เข้าใจว่าท่านโกรธเรื่องอะไร คุณแม่บังคับให้ฉันเรียกคุณพ่อ แต่ฉันจะเรียกได้ยังไง ก็คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามคุณแม่ตอนนี้ คือคุณย่าไม่ใช่คุณพ่อ


    .
    .
    .

    ฉันไม่กล้ากลับบ้านอีกเลยหลังจากอ่านไดอารี่ของลูก ฉันเช่าห้องราคาถูกแถวที่ทำงานอยู่แล้วพาลูกออกมาอยู่ด้วย

    จนกระทั่งวันหนึ่งฉันจำเป็นต้องไปที่บ้านหลังนั้นเพื่อเก็บของจำเป็น ฉันพยายามดึงลูกไม่ให้เข้าไปใกล้ผู้ชายคนนั้น แต่พอได้ยินลูกเรียก”คุณพ่อคะ” ฉันก็น้ำตาไหลออกมา

    ฉันคงเป็นบ้าไปเองที่เชื่อสิ่งที่เด็ก 6 ขวบเขียนลงไดอารี่ แท้จริงแล้วผู้ชายตรงหน้านี้ก็คือสามีของฉัน มันจะเป็นวิญญาณของคุณย่าที่เข้ามาสิงอยู่ได้ยังไง

    ฉันยิ้มให้เข้าแล้วเดินเข้าไปหาช้าๆ มีเรื่อวราวมากมายตลอดหลายเดือนที่ฉันทิ้งเขาไป ฉันอยากจะบอกเล่าเหตุผลแล้วขอโทษเขา

    แต่ฉันกลับชะงักเมื่อลูกที่วิ่งไปก่อนหน้าฉันวิ่งเลยสามีของฉันไป ลูกเปิดประตูเข้าไปในห้องที่สามีเคยนอนตอนป่วยแล้วพูดคุยกับเตียงที่ว่างเปล่า

    ในขณะที่ความคิดของฉันตีกันมั่วไปหมดว่าควรเชื่อสิ่งไหนดี ลูกก็วิ่งกลับออกมากอดสามีฉัน แล้วเรียกเขาว่า...คุณย่า...

    ฉันดึงลูกออกมาจากบ้านหลังนั้นอย่างรวดเร็วแล้วไม่คิดจะกลับไปอีก ฉันไม่รู้จะอธิบายให้คนอื่นฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง ทุกคนคงคิดว่าฉันบ้า

    จนถึงทุกวันนี้ฉันก็ยังไม่เคยแน่ใจเลยว่าตัวฉันปกติดีรึเปล่า แต่จากการที่สามีไม่ไปทำงาน ไม่ไปเยี่ยมญาติคนไหน แต่กลับไปปลูกผักทำไร่อยู่ที่บ้านแม่ของเขา มันก็ทำให้ฉันมั่นใจ ว่าฉันคงไม่ได้บ้าไปเอง

    ฉันมารู้เรื่องหลังจากนั้นไม่นานว่าแหวนสุดรักของคุณย่าหายไปก่อนที่ท่านจะป่วย แล้วก็รู้มาจากโรงรับจำนำแถวนั้นว่าคนที่เอาแหวนไปขายคือสามีของฉัน และนี่คงจะเป็นเหตุผลว่าทำไมเรื่องทั้งหมดจึงเป็นแบบนี้

แบ่งปันหน้านี้