การเติมลมยาง วิธีการเติมตามปั๊ม และข้อดีข้อเสียของลมไนโตรเจน

หัวข้อกระทู้ ใน 'มุมยานพาหนะ รถมอเตอร์ไซต์ รถยนต์ รถเก่า ชลบุรี' เริ่มโพสต์โดย Number18, 19 สิงหาคม 2014.

  1. Number18

    Number18 Moderator Staff Member

    tirepressuregauge.jpg

    วันนี้เรามาว่าด้วยการเติมลมยางรถยนต์กันดีกว่า เพราะเชื่อได้เลยว่ามีคนจำนวนมากไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องนี้เท่าไรนัก ทำให้ไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ ลมยางรถยนต์เท่าไรนัก (รวมทั้งผมด้วย) ไม่ว่าจะเป็น ปริมาณการเติมที่พอเหมาะควรจะเป็นเท่าไร หรือบางคนแม้แต่วิธีการเติมลม ตามปั๊มน้ำมัน ยังไม่เคยได้ลองสักที ก็เลยยังใช้ไม่เป็น (เชื่อว่าคนมีรถใหม่ ๆ หลายคนคงจะเคยงงว่า มันเติมยังไงนะ มาแล้วแน่ ๆ)

    ว่าแล้วเราก็มาดูข้อมูลเกี่ยวกับลมยางรถยนต์กันเลยดีกว่า ส่วนวิธีการเติมลมยางตามปั๊ม จะอยู่ถัดจากส่วนนี้นะ

    ความสำคัญของแรงดันลมยางในล้อ
    สำหรับล้อรถเนี่ย นอกจากจะเป็นตัวช่วยขับเคลื่อน ให้รถไปทั้งเดินหน้าหรือถอยหลังแล้ว ยังเป็นตัวช่วยกันกระแทกระหว่างพื้นถนน และตัวโครงของรถยนต์อีกด้วย ซึ่งปริมาณแรงดันที่พอดีจะทำให้ประสิทธิ์ภาพและอายุการใช้งานของล้อรถอยู่ในระดับที่ดี แต่หากเราเติมลม มาก หรือ น้อยเกินไป จะมีผลดังต่อไปนี้

    การเติมลมยางมากเกินไป
    - หน้าสัมผัสของยางกับพื้นถนนลดน้อยลง ซึ่งทำให้เกิดการลื่นไถลได้ง่าย
    - ดอกยางบริเวณกลางจะสึกมากกว่าด้านข้าง ส่งผลให้อายุการใช้งานของยางลดลง
    - ความนุ่มนวลในการขับขี่ลดลง เพราะรถจะกระดอนกว่าปกติ เมื่อไม่ได้วิ่งบนทางเรียบ

    การเติมลมยางน้อยไป
    - ทำให้ดอกยางไม่เรียบ
    - โดยดอกยางบริเวณไหล่ยางจะสึกเร็วกว่าบริเวณกลางยาง
    - สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง (* การเติมลมยางมากจะทำให้แรงเสียดทานน้อยกว่า จึงมีผลให้ประหยัดน้ำมันมากกว่า)

    มาถึงตอนนี้ มือใหม่หลาย ๆ คน อาจจะมีคำถามเกิดขึ้นมาในใจกันว่า แล้วต้องเติมลมกี่ปอน ถึงจะได้ปริมาณที่พอดีกับรถเรา ซึ่งคำตอบนี้ง่ายมาก โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้แต่งรถเท่าไร เพราะมาตรฐานการเติมลมจะติดอยู่กับรถเรา ตรงประตูรถฝั่งคนขับ คือ ถ้าเปิดประตูรถมาจะเจอสติ๊กเกอร์แปะอยู่ตรงโครงรถนั่นเอง

    โดยมากแล้ว
    - ถ้ารถคันเล็ก ๆ อย่าง Eco Car จะอยู่ที่ประมาณ 30-32 ปอนด์
    - รถขนาดกลาง ปริมาณลมที่พอเหมาะจะอยู่ที่ประมาณ 32-34 ปอนด์
    - รถใหญ่ ๆ หน่อย น่าจะอยู่ที่ประมาณ 36 ปอนด์ (สำหรับอันนี้ลองเช็คอีกทีละกัน)


    เราต้องเช็คลมยางบ่อยแค่ไหน
    เนื่องจากรถยนต์ที่เราขับนั้น ลมยางจะค่อย ๆ ลดไปเรื่อย ๆ ประมาณเดือนละ 2-3 ปอนด์ เพราะฉะนั้นจากคำแนะนำโดยทั่วไปแล้ว เราควรจะเช็คลมยาง อย่างน้อยเดือนละครั้ง ไม่เช่นนั้นลมยางของเราอาจจะอ่อนเดินไปโดยไม่รู้ตัว

    ส่วนตัวแล้วเคยเจอคนที่มาเช็คลมแล้ว ปรากฏว่าลมยางอ่อนมาก เหลือเพียงแค่ 25 ปอนด์เท่านั้น ซึ่งการขับรถยนต์ในลักษณะนี้ ไม่เป็นผลดีเลย

    กรณีที่เราต้องบรรทุกของหนัก
    ในบางครั้งเราอาจจะต้องบรรทุกของหนักกว่าปกติ เช่น อาจจะไปเที่ยว หรือทำการขนย้ายของ เป็นต้น ซึ่งกรณีนี้เราควรคำนึงถึงลมยางด้วยว่า จะต้องเติมให้มากกว่าปกตินิดหน่อย เพื่อเผื่อกับน้ำหนักที่เกินกว่ามาตรฐานนั่นเอง



    การเติมลมยางตามปั๊มน้ำมัน
    ในปัจจุบัน ตามปั๊มน้ำมันจะมีเครื่องเติมลมยาง ไว้คอยให้บริการคนใช้รถใช้ถนนอยู่ด้วย ซึ่งหากไม่เคยใช้งานมากก่อนก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะว่าที่จริงแล้วการเติมลมด้วยเครื่องแบบนี้ ถือว่าง่ายมากเลยทีเดียว

    inflator.jpg

    1. หากเราไปที่ปั๊ม (สมมุติว่าเป็นปั๊ม ปตท. ละกัน) เราจะเห็นเครื่องเติมลมตั้งอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งของปั๊ม ซึ่งเราก็สามารถเอารถเข้าไปเทียบได้เลย
    2. ที่ตัวเครื่องจะมีสายเติมลมอยู่แล้ว บวกกับมีจอเล็ก ๆ ที่มีตัวเลขบอกว่า ต้องการลมกี่ปอนด์ โดยที่ด้านข้างของจอจะมีปุ่ม บวกและลบ อยู่ หากเราอยากได้เท่าไหร่ ก็กดเอาตามต้องการเลย
    3. พอเซ็ตเสร็จแล้ว ก็เดินไปที่ล้อ เอาฝาจุกเติมลมของล้อออก แล้วก็ใส่หัวเติมลมเข้าไป ซึ่งพอเรากดลงไปแล้ว หากเรามองกลับมาที่จอ มันจะขึ้นว่าตอนนี้ ลมในล้อยางล้อนี้มีเท่าไร และจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นที่ละนิด ๆ พอถึงที่เราตั้งไว้ มันจะร้อง ปิ๊บ ๆ ๆ เราก็เอาหัวเติมลมออกจากล้อ และก็ปิดจุกตามเดิม

    ยกตัวอย่าง
    สมมุติว่า ล้อที่เราเติม มีลมอยู่ 29 ปอนด์ แต่เราตั้งไว้ที่เครื่องว่า 32 ปอนด์
    พอเราเอาหัวเติมลมมาเติมที่จุกล้อยางของเรา มันจะขึ้น 29 จากนั้น ก็เพิ่มเป็น 30 ไป 31 และ ไป 32 ซึ่งพอถึง 32 มันจะมีเสียงเตือนเรานั่นเอง (เสียงเตือนพวกนี้ใช้ช่วยเราได้มากทีเดียว โดยเฉพาะกรณีที่เราเติมล้อหลังอยู่ และมองไม่เห็นตัวเลขที่จอ)

    สอนการเติมลมตามปั๊มด้วยตนเอง





    เพิ่มเติม การเติมลมด้วยไนโตรเจน
    ในปัจจุบัน ยังมีการเติมลมไนโตรเจนแทนลมธรรมดาด้วย ซึ่งว่ากันว่ามีข้อดีกว่าการเติมลมแบบทั่ว ๆ ไป อยู่พอสมควรทีเดียว ว่ากันว่าไนโตรเจนใช้เติมพวกรถที่ใช้ความเร็วสูงมาก ๆ อย่างพวกรถแข่งด้วย

    ลมธรรมดาจะมีไนโตรเจนอยู่ประมาณเกือบ 80 เปอร์เซ็น ส่วนลมไนโตรเจนจะมีไนโตรเจนอยู่ 90 กว่าเปอร์เซ็น (เห็นว่าไนโตรเจนมีส่วนผสมของน้ำน้อยกว่านั่นเอง)

    มาดูกันว่าข้อดี-ข้อเสีย ที่รวบรวมมาได้ ก็มีตามนี้

    ข้อดีของการเติมไนโตรเจน
    - มีอัตราต่อความเสี่ยงของยางระเบิดน้อยกว่า เนื่องจากไนโตรเจนนั้นรักษาอุณภูมิได้ดี ไม่ร้อนง่าย
    - ไนโตรเจนจะซึมออกมาจากล้อได้ยากกว่า ทำให้เราไม่ต้องทำการไปเช็คลมยางบ่อย ๆ
    - เมื่อลมยางซึมออกได้ยากกว่า ทำให้เราลดปัญหาการกินน้ำมันเมื่อลมยางอ่อนลงได้ดีขึ้น (หากยางอ่อนลง แรงเสียดทานยางกับถนนมีมากขึ้น)
    - ยืดอายุการใช้งานของยาง

    ข้อเสียของการเติมไนโตรเจน
    - เติมลมไนโตรเจนมักจะมีค่าใช้จ่ายด้วย ไม่ได้เติมฟรีแบบที่เราเติมกันอยู่
    - ร้านที่ให้บริการ ไม่ได้มีทุกหนทุกแห่งเหมือนกับปั๊มน้ำมัน (ซึ่งหากเราเติมไนโตรเจนไปแล้ว มาเติมลมธรรมดาที่ปั๊ม มันจะกลายเป็นลมธรรมดาไปทันที)
    - หากการเติมลมไนโตรเจนอย่างไม่ได้มาตรฐาน จะทำให้มีออกซิเจนปะปนเข้าไป จึงไม่มีประสิทธิภาพ (รวมถึงบางแห่งเรายังไม่รู้ด้วยว่าเค้าเติมไนโตรเจนจริง ๆ หรือเปล่า ใช่มั้ยล่ะ)

    สรุปแล้วการต้องเติมไนโตรเจนหรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าของรถเอง ทั้งด้านที่คิดว่าสิ้นเปลืองและสะดวกหรือไม่

    การเติมลมยางไนโตรเจน


    มุมมองการเติมไนโตรเจนจาก Pantip
    http://pantip.com/topic/30581318
    Last edited: 19 สิงหาคม 2014
  2. Number18

    Number18 Moderator Staff Member

    ขอเพิ่มเติม อีกเรื่องนึงละกัน

    พอดีคนที่บ้านบอกว่าให้มีเครื่องเติมลมอัตโนมัติติดรถไว้ด้วย เพราะว่าบางครั้งมันทำให้คุณรอดพ้นเหตุการณ์ยางรั่วแบบไม่รู้เนื้อรุ้ตัวได้
    ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงกับคนที่บ้านผมเลย เพราะว่ากำลังขับรถกลับจากกรุงเทพแล้วเกิดยางรั่ว ก็ใช้เครื่องเติมลมเนี่ยแหละ ช่วยให้ค่อย ๆ กลับมาเปลี่ยนยางที่ชลบุรีได้

    แต่ปกติแล้วเราก็สามารถเอามาใช้เติมลมเองได้ที่บ้าน ไม่ต้องขับรถไปแวะที่ไหนอยู่แล้ว

แบ่งปันหน้านี้