การดูภาพรวมคอนโด และการเลือกห้องพัก ต้องดูอะไรบ้าง

หัวข้อกระทู้ ใน 'คลังสาระพัดความรู้' เริ่มโพสต์โดย Number18, 10 กรกฎาคม 2014.

  1. Number18

    Number18 Moderator Staff Member

    743332_21588051.jpg
    การดูภาพรวมโครงการคอนโด

    การได้ดูภาพรวมของแต่ละโครงการก็เป็นเรื่องสำคัญ ดูแค่โบร์ชัวร์ หรือโมเดลโครงการ คงบอกอะไรมากไม่ได้ เราต้องมองภาพและคิดต่อออกมาให้ได้ว่าสิ่งที่เรายังมองไม่เห็นอื่นๆ จะมีอะไรบ้าง ซึ่งสิ่งที่ต้องดูและคิดถึงอยู่เสมอก็คือ เรื่องต่อไปนี้

    1.เลือกทำเลดีแล้ว สิ่งแวดล้อมโดยรอบต้องดีด้วย
    เวลาจะซื้อคอนโด หลายคนชอบยกเรื่องทำเลมาก่อน โดยอาจจะไม่เคยไปเห็นพื้นที่จริงของคอนโดที่จะสร้างเลยก็ได้ บางคนได้ยินว่าคอนโดกำลังขึ้นใหม่ ติดรถไฟฟ้า ติดทางด่วน ติดทะเล แถมราคาถูกด้วย ก็พากันอวย ซื้อใบจองไปซะก่อนโดยไม่ได้ดูให้ดีๆ ว่าทำเลที่ว่าดีนั้น มีอะไรดี แล้วอะไรบ้างที่ไม่ดี

    วิว ชุมชน และสิ่งแวดล้อมโดยรอบโครงการ ถือเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะคอนโดเพิ่งมาสร้างทีหลัง ต้องยอมรับสภาพกับสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่ก่อน ถ้าเราได้เคยไปเดินดูแถวสถานที่จะสร้างคอนโดจริงๆ อาจมีหลายอย่าง ไม่เป็นอย่างที่คิดก็ได้ เช่น
    - คอนโดทำเลใกล้รถไฟฟ้า แต่สร้างข้างๆ คอนโดสูงเสียดฟ้าที่มีอยู่ก่อนแล้ว บางด้านของโครงการ อาจจะโดนบล็อควิวได้
    - คอนโดทำเลดี วิวสวย ติดทะเล แต่อยู่ใกล้โรงงานน้ำปลา เปิดหน้าต่างทีไร ได้กลิ่นน้ำปลามาก่อนวิวซะอีก
    - คอนโดทำเลดี อยู่ใจกลางเมือง ใกล้ศูนย์การค้า แหล่งช้อปปิ้ง แต่กว่าจะขับรถเข้าคอนโดได้ ต้องติดไฟแดงไม่ต่ำกว่า 20 นาที
    - ทางออกจากคนโด มาเชื่อมต่อกับถนนที่เป็นวันเวย์ (ขับรถได้ทางเดียว) ทำให้ไม่สะดวกทั้งการไปและกลับจากทำงาน หรือการเดินทางไปที่อื่น ๆ
    - คอนโดทำเลดี อยู่ใกล้วัด ใกล้เมรุเผาศพ เป็นต้น

    ถ้าเจอทำเลแบบนี้ ก็อาจกลายเป็นทำเลที่ไม่ดีไปแทนก็ได้
    การเลือกทำเลจึงไม่ใช่แค่มองภาพรวมเท่านั้น ควรดูถึงรายละเอียดของพื้นที่ด้วยว่า มีสิ่งแวดล้อมโดยรอบเป็นอย่างไร

    2. โครงการ มี Facility (สิ่งอำนวยความสะดวก) อะไรให้บ้าง
    ปัจจุบันคอนโดแต่ละแห่ง จะเอา Facility มาล่อใจให้คนซื้อ เพื่อให้รู้สึกว่าคุ้มค่า น่าอยู่ เช่น มีสระว่ายน้ำยาวตลอดแนวตึก มีห้องฟิตเนสขนาดใหญ่ มีสวนหย่อม มีที่เดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนเก็บไปฝันต่อว่า จะได้ใช้ Facility เหล่านี้ เช้าๆ จะออกไปวิ่งในสวนหย่อมของโครงการ ตกเย็นจะลงไปออกกำลังกายในห้องฟิตเนส วันหยุดจะชวนเพื่อนมาว่ายน้ำกัน ซึ่งในความเป็นจริง มีทั้งคนที่ทำได้ และมีอีกหลายคนที่ไม่เคยได้ใช้ Facility เหล่านี้เลย ตอนเช้าต้องรีบไปทำงาน กลับมาก็ดึก วันหยุดนอนยาว กินข้าวกับเพื่อน ช้อปปิ้ง ก็หมดไปอีกวันนึงแล้ว

    สำหรับคนที่เน้นการใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกมากกว่าในบ้าน การเลือกโครงการที่ไม่ต้องมี Facility มาก ก็จะช่วยให้ได้คอนโดราคาที่ราคาถูกกว่า และจ่ายค่่าส่วนกลางน้อยกว่าด้วย
    ส่วนคนที่คิดว่าได้เล่นฟิตเนสแน่ๆ ชอบว่ายน้ำเป็นชีวิตจิตใจ ก็คงต้องเลือกโครงการที่มีมาให้พร้อม แต่ก็ต้องดูเรื่องอื่นๆ ประกอบด้วยเช่น โครงการนี้มีทั้งหมดกี่ยูนิต หากโครงการมีจำนวนห้องมาก แต่สระว่ายน้ำมีแค่สระเดียว ก็อาจเกิดปัญหาคนใช้สระว่ายน้ำเยอะในเวลาเดียวกัน ทำให้เสียความเป็นส่วนตัวไปได้

    3. ที่จอดรถ มีอัตราส่วนเพียงพอหรือไม่
    เรื่องที่จอดรถเป็นเรื่องที่มองข้ามไปไม่ได้เลยจริงๆ หากเป็นคอนโดที่อยู่ห่างจากชุมชน หรือห่างถนนสายหลัก แน่นอนว่าหลายๆ คนย่อมจะต้องใช้รถยนต์ส่วนตัว หากเป็นโครงการ ที่มีจำนวนยูนิตมาก แต่ให้ที่จอดรถไว้น้อยกว่า ย่อมเกิดปัญหาที่จอดไม่พอ ต้องจอดซ้อนคัน วนรถหาที่จอดนาน หรืออาจบานปลาย กลายเป็นปัญหาแย่งที่จอดรถกันระหว่างลูกบ้านในภายหลัง การจะเลือกซื้อคอนโดควรดูถึงปัญหาเรื่องที่จอดรถด้วยว่า หากเกิดปัญหาที่จอดรถไม่พอ จะมีการแก้ไขอย่างไร

    ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
    - อยากซื้อคอนโด ต้องทำอย่างไรบ้าง และเริ่มยังไงดี
    - การเลือกซื้อคอนโด ชลบุรี


    คำถามที่พบบ่อย

    ถาม : วิวบล็อกเป็นยังไง?
    ตอบ : ที่เรียกๆ กันว่า "วิวบล็อก" ก็คือวิวหน้าต่าง หรือระเบียงห้องพัก ต้องประจันหน้ากับวิวตึกอื่น หรือวิวห้องพักอื่น ซึ่งถือว่าเป็นห้องที่ไม่ได้ความเป็นส่วนตัวสักเท่าไหร่ ส่วนมากเมื่อซื้อคอนโดราคาสูงแล้ว ใครๆ ก็อยากได้วิวสวยๆ มองเห็นวิวได้กว้างๆ ถ้าเป็นวิวที่ชนกันกับอาคารอื่น จะทำให้รู้สึกอึดอัด จะเปิดประตู หรือหน้าต่างไปชมวิวก็ไม่มีความเป็นส่วนตัว ถ้าเปิดไปเจอกับหน้าต่างของห้องอื่น ส่วนมากห้องที่โดนวิวบล็อกจะปล่อยขายราคาถูก หรือมีของลดแลกแจกแถม ให้ดีควรใจแข็งเข้าไว้ เพิ่มเงินอีกหน่อยอาจได้ห้องที่วิวดีกว่า หรือลองดูโครงการอื่นๆ แทน เพราะหากทนซื้อมา โดยคิดว่าอยู่เองไม่มีปัญหาอะไร แต่หากวันนึงเกิดอยากขาย อาจขายได้ยาก

    ถาม : ซื้อคอนโดแล้วควรคำนึงถึงเรื่องที่จอดรถมากน้อยแค่ไหน?
    ตอบ : ถ้าเป็นคนที่ใช้รถยนต์ แน่นอนว่าต้องคำนึงถึงเรื่องของที่จอดรถมาก่อนเป็นอันดับแรก เพราะหลายโครงการมีจำนวนยูนิตมาก แต่กลับมีอัตราส่วนของที่จอดรถน้อย ถ้าทำเลคอนโดสามารถเดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้า รถเมล์ รถสองแถว ใกล้ตลาด ห้างสรรพสินค้า หรือแหล่งของกินของใช้ ก็อาจจะพออนุโลมว่า น่าจะมีคนใช้บริการรถสาธารณะมากกว่ารถยนต์

    แต่ถ้าเป็นคอนโดที่อยู่ลึกเข้าไปในซอย จำเป็นต้องขับรถเข้า-ออก เพื่อไปซื้อของ หรือหาอะไรกิน อาจจะต้องเช็คที่จอดรถดูให้ดีสักหน่อยว่าทางคอนโดมีพื้นที่ให้จอดได้เท่าไหร่ และควรต้องสอบถามไปถึงเรื่องระเบียบ เงื่อนไขการจอดรถด้วย ว่าจะต้องเสียค่าจอดรถรายเดือนด้วยมั้ย มีการล็อคที่จอดไว้ให้แต่ละห้องมั้ย มีพื้นที่แยกจอดรถสำหรับลูกบ้าน และแขกหรือไม่

    จริงๆ แล้ว ต่อให้คนที่ไม่ได้ใช้รถ ก็ต้องคำนึงถึงเรื่องที่จอดรถไว้ด้วยเหมือนกัน เพราะหากต้องการขายห้อง การมีพื้นที่จอดรถเพียงพอ ก็ทำให้ปล่อยขายได้ง่ายกว่า

    ถาม : คอนโดควรมีจำนวนที่จอดรถประมาณเท่าไหร่?
    ตอบ : การกำหนดจำนวนที่จอดรถนั้นต้องเป็นไปตามกฏหมาย อาคารขนาดใหญ่ ต้องมีที่จอดรถ 1 คัน ต่อพื้นที่อาคาร 120 ตารางเมตร สมมุติในโครงการมีขนาดห้องเท่ากันหมด 30 ตารางเมตร จะมีอัตราส่วนที่จอดรถเป็น 1 : 4 (เท่ากับ 25% หรือ 4 ห้อง มีรถได้ 1 คัน) ถ้าโครงการซอยห้องให้มีขนาดเล็กลง ในขนาดเหลือ 21-22 ตารางเมตร เท่ากับว่าพื้นที่จอดยิ่งกลายเป็นปัญหาเข้าไปใหญ่

    หากรู้จำนวนที่จอดรถของโครงการแล้ว ลองเอามาคำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์ดู เค้าว่ากันว่า จำนวนที่จอดควรมีมากกว่า 50% ถึงจะหลีกเลี่ยงปัญหาที่จอดรถได้มาก

    ค่าส่วนกลาง
    ถาม : ทำไมต้องมีส่วนกลาง?
    ตอบ : การอยู่คอนโด คล้ายๆ กับการอยู่ในหมู่บ้าน ที่จะต้องมีพื้นที่ส่วนกลาง และสิ่งอำนวยความสะดวก สำหรับใช้ร่วมกัน เช่นสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส ลิฟท์ โถงทางเดิน สวนหย่อม สนามเด็กเล่น ที่จอดรถ จึงต้องมีการจัดจ้างเจ้าหน้าที่คอยดูแลพื้นที่ส่วนที่ใช้ร่วมกันด้วย เช่น พนักงานรักษาความปลอดภัย พนักงานทำความสะอาด คนสวน จ่ายค่าไฟในพื้นที่ส่วนรวม ซึ่งค่าส่วนกลางของแต่ละโครงการจะคิดออกมาในอัตราที่ต่างกัน และเป็นภาระผูกพันที่จะต้องเสียทุกเดือน แบบไม่มียกเว้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เข้ามาอยู่ก็ตาม

    ถาม : ค่าส่วนกลางเค้าคิดกันยังไง ส่วนใหญ่ต้องจ่ายเท่าไหร่?
    ตอบ : ค่าส่วนกลางทำให้เข้าใจแบบง่ายๆ ทางโครงการจะบอกมาเป็นราคาต่อตารางเมตร อาจมีการเรียกเก็บเป็นก้อนรายปีในปีแรก ส่วนปีต่อไปก็จ่ายเป็นรายเดือน หรือรายครี่งปี แต่ละโครงการมีการจัดเก็บค่าส่วนกลางไม่เท่ากัน มีตั้งแต่ 20-100 บาท/ตารางเมตร (อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ก็ได้) เฉลี่ยแล้วถ้าอยู่ในช่วง 25-30 บาท/ตารางเมตร ก็ยังถือว่าไม่แพงมาก

    วิธีคิดค่าส่วนกลางง่ายๆ คือ สมมุติมีห้องขนาด 30 ตารางเมตร เก็บค่าส่วนกลาง 30 บาท/ตารางเมตร/เดือน
    ค่าส่วนกลาง 30 x 30 = 900 บาท/เดือน (10,800 บาท/ปี)

    การเรียกเก็บค่าส่วนกลางถือเป็นภาระของลูกบ้านที่จะต้องจ่ายไปเรื่อยๆ เพื่อนำมาใช้จ่ายในคอนโด ถ้าคอนโดนั้นๆ มีจำนวนยูนิตน้อย อาจมีการเก็บค่าส่วนกลางแพงกว่าคอนโดทั่วๆ ไป หรือบางแห่งเก็บไปแล้วไม่พอ ก็อาจจะมีการของเพิ่มในภายหลัง

    พูดคุยเรื่องการเก็บค่าส่วนกลาง http://www.prakard.com/default.aspx?g=posts&t=68723

    ถาม : ถ้าไม่จ่ายค่าส่วนกลาง จะเป็นยังไง?
    ตอบ : จริงๆ ตามกฏกติกามารยาทแล้ว ลูกบ้านทุกคนควรจ่ายค่าส่วนกลาง เพื่อนำมาใช้จ่ายและพัฒนาพื้นที่ส่วนรวม หากมีคนไม่จ่ายหลายๆ คนเข้า อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อส่วนรวมได้ ทางคอนโดอาจตั้งกฏระเบียบไว้ ถ้าค้างค่าส่วนกลาง จะขายต่อ หรือโอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้ ต้องชำระหนี้ที่ค้างไว้ทั้งหมดก่อน ส่วนกลางจึงจะออกใบปลอดภาระหนี้ส่วนกลาง เพื่อนำไปโอนกรรมสิทธิ์ที่กรมที่ดินได้

    กฏระเบียบของคอนโดแต่ละแห่งอาจแตกต่างกันไป บางที่จ่ายค่าส่วนกลางล่าช้า อาจต้องถูกเรียกปรับเพิ่ม หรือไม่จ่ายนานๆ อาจถูกฟ้องร้องได้
    Last edited: 10 กรกฎาคม 2014
  2. Number18

    Number18 Moderator Staff Member

    1064959_20762607.jpg

    วิธีการเลือกห้องพักคอนโด

    การเลือกห้องพักคอนโดนั้น มีหลายอย่างที่เราต้องดู ตั้งแต่ตำแหน่งโลเคชั่นของห้องว่าอยู่บริเวณไหนของตึก ห้องควรมีความสูงเท่าไร กว้างเท่าไรจึงจะดี ห้องน้ำเองก็เป็นเรื่องที่หลาย ๆ คน คำนึงถึง และอีกอย่างที่ต้องดูให้ดีก็คือพื้นห้อง ว่าแบบไหนทนไม่ทน ว่าแล้วเราก็มาดูกันดีกว่า

    การเลือกตำแหน่งห้องพัก
    การเลือกตำแหน่งห้องพัก ก็เป็นอีกเรื่องที่หลายคนคิดไม่ตก ยิ่งคนที่คิดมากเรื่องฮวงจุ้ย ความเชื่อต่างๆ นานา อาจแทบหาคอนโดอยู่ไม่ได้ เพราะห้องดีๆ บางทีก็ถูกคนเล็งจองไปซะหมด หรือมีราคาแพง บางทีเลือกห้องในตำแหน่งที่อาจจะไม่ตรงตามต้องการมาก แต่เป็นห้องที่ถูกสุขลักษณะ อยู่แล้วมีข้อเสียน้อยกว่าข้อดี แล้วค่อยใช้การตกแต่งภายใน ช่วยปิดบังข้อเสียของห้อง ก็สามารถช่วยทำให้ห้องน่าอยู่ได้

    คำถามที่พบบ่อย
    ถาม : เวลาซื้อคอนโด ควรเลือกอยู่ชั้นไหนดี?
    ตอบ :
    ถ้าเป็นคอนโดประเภทตึกสูง (High Rise) ก็ต้องเลือกสูงๆ ไว้เพื่อให้ได้วิวที่ดี แต่ยิ่งสูงราคาก็สูงตามไปด้วย สำหรับคอนโดสูงๆ บางทีจะมีลานจอดรถอยู่ที่ชั้น 1-4 จากนั้นก็ตามด้วย Facility พวกสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ไม่ควรอยู่ชั้นเดียวกับสระว่ายน้ำ หรือฟิตเนส เพราะอาจมีคนค่อนข้างพลุกพล่าน ไม่เป็นส่วนตัว หรือบางทีมีเด็กมาเล่นน้ำ เสียงดังรบกวนได้
    คอนโดประเภทตึกสูงไม่เกิน 8 ชั้น (Low Rise) ชั้น 1-2 เป็นชั้นที่มีคนผ่านเยอะ ค่อนข้างพลุกพล่าน อาจไม่ค่อยปลอดภัยนัก ชั้น 4-7 เป็นชั้นที่ควรเลือกมากกว่า ไม่ควรเลือกชั้นที่อยู่บนสุด เพราะเป็นชั้นที่มักจะมีปัญหาเรื่องความร้อนจากหลังคา หากบนดาดฟ้า มีการวางเครื่องปั๊มน้ำ เสียงปั๊มน้ำก็อาจดังให้ได้ยินได้ หรือมีปัญหาเรื่องนำ้รั่วซึม
    สำหรับคนที่ต้องการซื้อมาเพื่อขายต่อ ห้องที่อยู่ชั้นสูงๆ จะปล่อยขายได้ง่ายกว่าชั้นต่ำๆ

    ถาม : ควรเลือกห้องที่อยู่ทางทิศไหนดีของตึก?
    ตอบ : หลายๆ คนจะจำฝังใจว่าต้องเลือกห้องที่อยู่ทางทิศตะวันออกเท่านั้น ห้ามเลือกทิศตะวันตกเด็ดขาด เพราะทิศตะวันตกแดดจะร้อนมาก เป็นห้องที่อมแดดบ่าย ทำให้ร้อนตลอดทั้งวัน ไม่ดีต่างๆ นานา แต่ถ้าเป็นคอนโดสำหรับตากอากาศล่ะ สิ่งสำคัญที่สุดน่าจะไม่ใช่เรื่องทิศแล้ว ซื้อคอนโดในพัทยา แล้วอยากเห็นวิวทะเลสวยๆ ของอ่าวพัทยา เลือกห้องที่อยู่ทางทิศตะวันตก ก็จะได้วิวสวยกว่าแน่ๆ แต่สำหรับความเชื่อของคนส่วนใหญ่แล้วก็จะนิยมเลือกห้องทางทิศตะวันออกก่อน ดังนั้นถ้าเป็นการซื้อคอนโดไว้เพื่อขาย ก็ควรต้องเลือกห้องทิศตะวันออก
    ทิศของห้องมีผลกับเรื่องแสงแดด และลม ดังนี้

    ทิศเหนือ - เป็นทิศที่รับลมได้น้อยกว่าทิศใต้ ทิศเหนือรับลมได้เพียง 4-6 เดือนต่อปี ได้แสงสว่างบ้าง
    ทิศใต้ - เป็นทิศที่รับลมได้มากกว่าทิศอื่น แต่ก็อับแสงกว่า บางคนอาจไม่ชอบเพราะแสงแดดส่องเข้าห้องได้น้อย
    ทิศตะวันออก - รับแสงแดดตอนเช้า ไม่เหมาะกับคนที่ชอบนอนตื่นสายๆ
    ทิศตะวันตก - เป็นทิศที่รับแสงแดดร้อนแรงตอนบ่าย ซึ่งทำให้ห้องร้อนอบอ้าว แต่สำหรับบางคนก็ไม่แคร์ เพราะได้ห้องที่ไม่ร้อนในตอนเช้า ออกไปทำงาน กลับมาห้องก็คายความร้อนออกหมดแล้ว

    ถาม : ตำแหน่งห้องควรอยู่ตรงไหนของชั้น?
    ตอบ : ส่วนใหญ่คนจะชอบห้องมุม เพื่อให้เห็นแสงเข้าได้มากกว่า เห็นวิวได้ 2 ทิศทาง แต่ก็มักจะเป็นห้องที่มีราคาแพงกว่าห้องอื่น เมื่อเรารู้ว่าตึกหันไปทางไหนแล้ว ควรเลือห้องทางด้านไหน ก็ควรเลือกในตำแหน่งที่คิดว่าจะไม่เกิดสิ่งรบกวนขึ้นภายหลัง เช่น
    - ไม่ควรเลือกห้องที่มีประตูอยู่ตรงกันกับห้องฝั่งตรงข้ามพอดี
    - ไม่ควรเลือกห้องที่อยู่ตรงกับบันไดหนีไฟ หรือตรงข้ามบันไดหนีไฟ
    - ไม่ควรเลือกห้องตรงกับลิฟท์โดยสาร เพราะอาจต้องนอนฟังเสียงปิด-เปิดลิฟท์ตลอดเวลา
    - ไม่ควรอยู่ใกล้จุดทิ้งขยะ หรือตรงข้ามที่ทิ้งขยะของอาคาร ในแผนผังตึกอาจจะไม่ได้กำหนดไว้ อันนี้ต้องลองถามเซลส์ดู ส่วนใหญ่อยู่ตามมุมด้านใดด้านหนึ่งของตึก หรือใกล้บันไดหนีไฟ

    ถาม : ควรเลือกผังห้องคอนโดแบบไหนดี?
    ตอบ : จริงๆ แล้วก่อนที่จะดูไปถึงตำแหน่งและทิศทางของห้อง ควรดูผังห้องที่ถูกใจเราก่อน เพราะภายในห้องเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่เราต้องใช้เวลาอยู่ด้วยนานที่สุด จึงควรมีแบบแปลนที่เหมาะสมกับการใช้งาน บางคนเลือกห้องตามความเชื่อส่วนตัว หรือตามหลักฮวงจุ้ย เช่น ห้องน้ำไม่ควรอยู่ด้านหน้า เปิดประตูมาเจอห้องน้ำก็ไม่เอาแล้ว ห้องนำ้ต้้องไม่อยู่ในห้องนอน หัวนอนต้องไม่หันไปทางทิศตะวันตก ห้องควรเป็นรูปสี่เหลี่ยม ไม่เป็นมุมแหลม หรือป้าน นอกจากนี้บางคนยังมีความชอบส่วนตัวใส่เข้าไปอีก เช่น ชอบห้องที่มีระเบียง, หน้าต่างต้องกว้างเต็มพื้นที่ผนัง, ห้องเล็กไม่เป็นไร ห้องน้ำขอใหญ่ไว้ก่อน

    การที่จะรู้ว่าห้องมีการวางรูปแบบไว้ยังไงบ้าน ทางโครงการมักจะมีภาพผังห้อง ภาพตัวอย่างที่ตกแต่งจริง หรือมีโมเดลตัวอย่าง มาวางไว้ให้เห็น ดังนั้นเราควรดูผังห้องให้เป็นว่า ห้องหันไปทางทิศไหน ประตูทางเข้าอยู่ทางไหน ห้องน้ำอยู่ส่วนไหนของห้อง ห้องมีครัวอยู่ทางไหน มีการกั้นเป็นผนังมั้ย มีระเบียงรีเปล่า ระเบียงใหญ่มั้ย จากนั้นเราก็ดูภาพการตกแต่ง และโมเดลประกอบ ต้องลองนึกภาพตั้งแต่ยังไม่ได้ตกแต่งด้วยว่าจะออกมาหน้าตาเป็นยังไง เพราะอย่าลืมว่า เวลาเราได้ห้องมา เป็นห้องเปล่าๆ ที่เราต้องมาตกแต่งเอง เราอาจใช้เฟอร์นิเจอร์ และการตกแต่งไม่เหมือนกับห้องตัวอย่างเลยก็ได้

    ถาม : ทางโครงการมีโปรโมชั่นจองห้อง แล้วลดราคาให้ 50,000 บาท? แต่ไม่ได้ของแถมกับอีกโปรโมชั่นแบบให้ของแถมเป็นเครื่องใช้ในบ้าน ควรเลือกแบบไหนดี
    ตอบ : อันนี้คงต้องลองเช็คของแถมของทางโครงการที่จะแถมให้ดีๆ ว่าเป็นของคุณภาพแบบไหน ยี่ห้ออะไร จะได้เปรียบเทียบราคาคร่าวๆ ได้ว่า ถ้าต้องไปซื้ออุปกรณ์ของใช้เหล่านั้นเองจะคุ้มค่ากว่ากันมั้ย สำหรับคนที่ชอบแต่งห้องเอง บางทีของแถมที่ให้มาก็ไม่จำเป็นเท่าไหร่ เพราะอยากเลือกซื้อของตกแต่งทุกอย่างด้วยตัวเอง จะได้เข้าชุดกัน แบบนี้เลือกใช้โปรโมชั่นลดราคาก็น่าจะคุ้มกว่า

    ส่วนคนที่รู้สึกว่าของแถม ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการตกแต่งห้อง หรือของที่ได้เข้าเหลี่ยมเข้ามุมได้ดีกว่าการไปเดินเลือกหาซื้อเอง ก็น่าจะเลือกของแถม แต่ก็ต้องดูดีๆ ด้วยว่า ห้องที่เซลส์ขายให้แบบมีของแถม หรือมีโปรโมชั่น มีลักษณะต่างกับห้องอื่นๆ มั้ย เพราะบางทีห้องเหล่านี้เป็นห้องที่มีจุดบกพร่องบางอย่าง เช่นห้องมุมอับ วิวไม่สวย ทิศไม่ดี จนบางทีอาจจะทำให้เราเห็นเรื่องลดราคา และของแถม จนได้ห้องที่เราไม่ได้ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก
    Last edited: 10 กรกฎาคม 2014
  3. Number18

    Number18 Moderator Staff Member

    ขนาดห้อง
    ถาม : ดูยังไงว่าห้องที่เราซื้อมาถูกหรือแพง?
    ตอบ : ราคาคอนโดจะคิดเป็นตารางเมตร ที่มีตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงแสน ต่อตารางเมตร การจะบอกว่าห้องถูกหรือแพง ไม่ใช่แค่เอาตัวเลขแต่ละที่มาเปรียบเทียบกัน ต้องคิดรวมไปถึงบริเวณที่ตั้งคอนโด ทำเลที่สะดวก ใกล้ถนนใหญ่ ศูนย์การค้า ตลาด และสิ่งอื่นๆ ประกอบกันด้วย ยิ่งคอนโดที่อยู่ในทำเลที่เห็นวิวสวยๆ ราคาต่อตารางเมตรก็ยิ่งมาก อาจจะเรียกว่าแพง แต่เมื่อเทียบกับวิวที่หลายคนไม่มีโอกาสได้สัมผัส ก็อาจจะคุ้มค่า

    ถาม : ควรเลือกห้องขนาดไหนดี?
    ตอบ : การเลือกขนาดห้อง นอกจากอยู่ที่งบประมาณการซื้อแล้ว ยังควรมองไปถึงอนาคตด้วยว่า จะอยู่เองหรือปล่อยให้เช่า แล้วคนที่ซื้อคอนโดในโครงการเดียวกันเป็นคนประเภทไหนบ้าง ยกตัวอย่างเช่น การซื้อคอนโดใกล้สถานศึกษา ห้องขนาดเล็กจะปล่อยง่ายกว่าห้องขนาดใหญ่ หรือคอนโดที่อยู่ย่านชาวต่างชาติ ห้องขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย น่าจะหาคนต่างชาติมาเช่าอยู่ได้ง่ายกว่า เพราะไม่อึดอัดจนเกินไป

    ถาม : ห้องขนาด 21-22 ตารางเมตร เล็กไปมั้ย อยู่ได้มั้ย?
    ตอบ : เดี๋ยวนี้ บางโครงการสามารถซอยห้องได้เล็กถึง 21-22 ตารางเมตร ซึ่งจริงๆ แล้ว อาจจะเล็กไปสำหรับบางคน แต่สำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียว ก็อาจไม่รู้สึกอะไรมาก ห้องเล็กๆ แบบนี้ บางทีการวางผังที่ดี ก็สามาถทำให้มีพื้นทีีใช้สอยที่ได้ประโยชน์คุ้มค่า ที่สำคัญอยู่ที่การตกแต่งห้องให้ดูโล่ง โปร่งขึ้นด้วย ปัญหาใหญ่ๆ ของคนที่เลือกซื้อห้องเล็ก คือ เลือกหาเฟอร์นิเจอร์มาใส่ในห้องได้ยาก เพราะเฟอร์นิเจอร์ที่ขายทั่วๆ ไป มักจะมีขนาดที่ทำให้ห้องดูยิ่งแคบเล็ก เมื่อใส่โซฟา เตียง และตู้เสื้อผ้าเข้าไปแล้ว ก็อาจทำให้ดูเต็มพื้นที่จนอึดอัด การแก้ปัญหาคือการสั่งทำเฟอร์นิเจอร์แบบบิ้วอิน โดยดีไซน์ไว้ก่อนว่าจะติดบิ้วอินตรงไหนบ้าง ที่สำคัญ ค่อยๆ ใส่เฟอร์นิเจอร์เข้าไปทีละน้อย จะทำให้ห้องไม่ดูรก หรือเล็กมากเกินไป
    การดูตัวอย่างการตกแต่งห้องขนาดเล็กจากหลายๆ แห่ง เช่นแมกกาซีน เว็บไซต์ อาจช่วยให้ดีไซน์ห้องในสไตล์ของตัวเองได้มากขึ้นด้วย

    ตัวอย่างการแต่งห้องขนาดเล็ก (22.5 ตารางเมตร) http://pantip.com/topic/31756145
    ตัวอย่างการแต่งห้องขนาดเล็ก (21 ตารางเมตร) http://pantip.com/topic/31883508
    ตัวอย่างการแต่งห้องคอนโด http://pantip.com/topic/30352370

    ถาม : แล้วห้องที่อยู่สบาย หาเฟอร์นิเจอร์ง่าย ห้องควรมีขนาดประมาณเท่าไหร่?
    ตอบ : ห้องที่มีขนาดตั้งแต่ 30 ตารางเมตรขึ้นไป ดูจะเป็นห้องพอเหมาะที่สามารถหาเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว มาตกแต่งห้องได้ง่ายกว่า จะปรับหมุนโยกย้ายก็สะดวกกว่าด้วย วางเฟอร์นิเจอร์เตียง ตู้เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์แล้ว ก็ยังมีพื้นที่ให้ได้หาของตกแต่งเพิ่มเติมได้อีก

    ถาม : เฟอร์นิเจอร์แบบบิ้วอิน (Built-in) และแบบลอยตัว เป็นยังไง เลือกอย่างไหนดีกว่ากัน?
    ตอบ : เฟอร์นิเจอร์แบบบิ้วอิน เป็นเหมือนการใส่เสื้อผ้าสั่งตัด ที่ต้องการความพอดีตามสัดส่วน ดูเรียบร้อย เป็นที่เป็นทาง คอนโดที่มีห้องขนาดเล็ก อาจหาเฟอร์นิเจอร์ตามท้องตลาดค่อนข้างยาก หรือ เมื่อนำมาใส่ในห้องแล้ว เข้าเหลี่ยมเข้ามุมไม่พอดี ดูไม่เหมาะสม จึงต้องแก้ไขด้วยการสั่งทำเฟอร์นิเจอร์ขนาดพิเศษขึ้นมา เพื่อให้ห้องดูเรียบร้อยสวยงามยิ่งขึ้น เฟอร์นิเจอร์ที่นิยมทำบิ้วอิน เป็นพวกตู้เสื้อผ้า ตู้เก็บของ ชั้นวางของ โต๊ะ เป็นต้น

    ข้อดี
    - ห้องดูเรียบร้อย สวยงาม ได้พื้นที่ใช้สอยเต็มที่
    - สามารถออกแบบ ได้ตามความต้องการ และตรงตามจุดประสงค์การใช้งานได้มากกว่า
    - สามารถดีไซน์เฟอร์นิเจอร์ให้พรางจุดบกพร่องของห้องได้

    ข้อเสีย
    - ต้องวางแผนให้ดีก่อนการสั่งทำ หรือติดตั้ง เพราะเฟอร์นิเจอร์บางชิ้น ติดตั้งแล้วโยกย้ายไม่ได้ หรือเปลี่ยนแปลงลำบาก
    - ต้องใช้เวลาในการผลิต และติดตั้ง ไม่สามารถเลือกซื้อได้ทันที
    - อาจมีราคาแพงกว่าเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป
    - อาจมีข้อจำกัดเรื่องของวัสดุที่ใช้

    เฟอร์นิเจอร์ แบบลอยตัว เป็นเฟอร์นิเจอร์เป็นชิ้นๆ ที่ขายตามร้านเฟอร์นิเจอร์ทั่วไป ขนาดห้องที่ใหญ่ สามารถหาเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวได้ง่ายกว่า ห้องขนาดเล็ก
    ข้อดี
    - สามารถยก โยกย้าย ปรับเปลี่ยนที่วางได้ตามต้องการ เมื่อไม่ต้องการก็สามารถเอาออกได้ไม่ลำบาก
    - สามารถเห็นสินค้าจากร้านค้า และเลือกซื้อได้ทันที มีสินค้าให้เลือกหลากหลายแบบ และหาสีที่ต้องการได้ง่ายกว่า
    - เมื่อไม่ต้องการใช้ สามารถยกออกไป หรือเปลี่ยนแปลงได้ง่ายกว่า

    ข้อเสีย
    - อาจมีข้อจำกัดเรื่องขนาด ไม่พอดีกับความต้องการ

    ถาม : ห้องควรมีความสูงของเพดานอยู่ที่เท่าไหร่?
    ตอบ : ความสูงที่น้อยที่สุดของห้องควรอยู่ที่ 2.4 เมตร (วัดจากพื้นถึงฝ้าเพดาน) ซึ่งสำหรับความสูงมาตรฐานหญิงไทย ถ้าคิดที่ 165 เซ็นติเมตร ก็ยังไม่รู้สึกอะไรมาก แต่ถ้าสำหรับผู้ชายที่สูงมากๆ อาจรู้สึกอึดอัดก็ได้ หากความสูงของเพดานห้องต่ำกว่า 2.4 เมตร ลงมาอีกแค่ 5-10 เซ็นติเมตร บางทีก็ทำให้ห้องดูแน่นๆ อยู่แล้วรู้สึกไม่สบายแล้ว
    สำหรับ คนที่อยากทำเพดานแบบเจาะเป็นช่อง ควรเลือกโครงการที่เสนอขายห้องที่มีเพดานสูงๆ ไว้ก่อน เช่นขนาดเพดานสูง 2.65 เมตร เพราะการเจาะเพดานทำเป็นช่อง คือการทำให้พื้นเพดานต่ำลงมาอีก และหากต้องการเจาะเพดาน ก็ควรสอบถามกับทางโครงการก่อนว่าทำได้มั้ย เพราะพื้นที่ส่วนเหนือฝ้าเพดาน เป็นส่วนของทางโครงการ
    โครงการ ส่วนใหญ่จะทำเพดานมาตรฐานตามที่กฏหมายกำหนด คือไม่ต่ำกว่า 2.4 เมตร แต่ในการก่อสร้างจริง อาจเกิดกรณีเพดานห้องเตี้ยลงมาอีก ซึ่งต้องแจ้งให้เจ้าของโครงการทราบ เพราะเพดานห้องที่เตึ้ยลงมา เมื่อใส่เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ แล้ว ยิ่งทำให้ห้อง ดูอึดอัดมากกว่าเดิมด้วย
  4. Number18

    Number18 Moderator Staff Member

    ห้องน้ำ
    ถาม : ห้องน้ำควรอยู่ในห้องนอน หรือห้องนั่งเล่นดี?
    ตอบ : ตำแหน่งห้องน้ำดูจะเป็นข้อถกเถียงอยู่ในใจลึกๆ ของหลายๆ คน บางคนคิดว่าประตูห้องน้ำน่าจะเปิดไปในส่วนของห้องนั่งเล่นมากกว่า หากห้องน้ำอยู่ในห้องนอน จะทำให้เกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ หรืออาจมีเชื้อโรคแพร่กระจายเข้ามาในบริเวณห้องนอนได้ หรือเวลามีคนมาที่ห้อง ต้องการเข้าห้องน้ำ ก็ต้องเดินผ่านห้องนอน ทำให้เสียความเป็นส่วนตัว แต่สำหรับบางคนกลับคิดว่า ห้องน้ำอยู่ในห้องนอนน่าจะสะดวกกว่า และตู้เสื้อผ้าส่วนใหญ่ก็มักจะอยู่ในห้องนอน เดินออกจากห้องน้ำก็สามารถแต่งตัวในห้องที่มิดชิดได้เลย

    ด้วยเหตุผลที่หลากหลาย ว่าห้องน้ำควรจะมีประตูเปิดไปทางห้องไหน จึงมักจะขึ้นอยู่กับการใช้งาน และความพอใจของแต่ละคนมากกว่า หากห้องน้ำอยู่ในห้องนอน แต่มีระบบระบายอากาศที่ดี หรือมีช่องหน้าต่างเปิดให้ระบายอากาศสู่ภายนอกได้ ก็อาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ที่สำคัญคือตำแหน่งการวางสุขภัณฑ์ควรต้องอยู่ให้ถูกที่ถูกทางด้วย เช่นไม่วางโถขับถ่ายไปตรงกับประตู ซึ่งถ้าเผลอเปิดประตูห้องน้ำไว้ โถก็จะหันตรงมายังที่นอนเลย
    คอนโดบางแห่งจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วยการทำห้องน้ำให้อยู่ในส่วนของห้องนั่งเล่น แต่มีประตูที่ติดกันกับประตูห้องนอน หรือมีมุมให้เยื้องกัน โดยไม่ต้องเดินอ้อมผ่านไปยังห้องนั่งเล่น หรือทำประตูสองฝั่ง คือทั้งห้องนอน และห้องนั่งเล่น สามารถเปิดเข้าออกได้ทั้ง 2 ทาง

    บางโครงการมีการจัดวางห้องน้ำไว้ในส่วนต่างๆ ไม่เหมือนกัน เช่นห้องสตูดิโอบางที่ห้องน้ำจะอยู่ใกล้ประตูทางเข้า (เหมือนตามโรงแรม) พื้นที่ด้านในจะได้ห้องโล่ง ได้ระเบียงขนาดกว้าง บางห้องที่ทำห้องน้ำไว้ด้านใน ใกล้ระเบียง อาจทำให้พื้นที่ระเบียงแคบลง

    ถาม : ควรเลือกห้องน้ำที่มีอ่างอาบน้ำด้วยดีมั้ย?
    ตอบ : คอนโดบางแห่งจะใส่อ่างอาบน้ำเข้าไปในส่วนของห้องน้ำด้วย ทำให้ห้องดูหรูขึ้น (สามารถอัพราคาห้องให้สูงขึ้นได้ด้วย) แต่ก็ควรดูเรื่องของประโยชน์ใช้สอยเป็นสำคัญ หากเป็นห้องที่อยู่เอง อ่างอาบน้ำมีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน ยิ่งถ้าเป็นอ่างอาบน้ำ ที่รวมกับฝักบัวในห้องเดียวกันด้วยแล้ว คงไม่สะดวกเลยถ้าเราต้องปีนเข้าปีนออกจากอ่างเพื่ออาบน้ำในแต่ละวัน และอาจเสี่ยงต่อการพลาดลื่นล้มได้ สำหรับคนที่ไม่คิดว่าจะต้องใช้อ่างอาบน้ำเพื่อแช่ตัว หรือไม่ค่อยได้มีเวลา อ่างอาบน้ำก็ไม่ค่อยจำเป็นนัก แต่สำหรับคนที่คิดจะลงทุนกับคอนโดเพื่อให้ชาวต่างชาติเช่า การมีอ่างอาบน้ำด้วย ก็จะทำให้ห้องดูดีมีราคาขึ้นด้วย

    พื้นห้อง
    ถาม : คอนโดปูพื้นห้องด้วยวัสดุอะไรมาให้?
    ตอบ : แต่ละโครงการจะมีการใช้วัสดุปูพื้นห้องแตกต่างกัน เราสามารถสอบถามจากเซลส์ได้ว่าพื้นห้องปูด้วยวัสดุประเภทใด ปัจจุบันที่กำลังเป็นที่นิยมคือลามิเนต เป็นวัสดุที่มีสีสันลวดลายเลียนแบบไม้ ทนทานต่อการขูดขีด และเพื่อให้ดูห้องดูอบอุ่นเหมือนบ้านมากขึ้น แต่ก็มีข้อเสียเรื่องการไม่ทนน้ำ หากน้ำซึมผ่านก็ทำให้เสียหายง่าย จึงควรดูด้วยว่าพื้นแบบไหนเหมาะสมกับการใช้งาน เช่นครอบครัวที่มีเด็ก การปูด้วยลามิเนต อาจจะเกิดปัญหาเมื่อน้ำหกเลอะเทอะ หรือการปูกระเบื้องทำให้พื้นเย็น ไม่เหมาะกับผู้สูงอายุ เป็นต้น

    ถาม : พื้นห้องควรปูด้วยวัสดุอะไรดี กระเบื้อง กระเบื้องยาง ไม้ลามิเนต ไม้ปาร์เก้ หรือไวนิล?
    ตอบ : หากต้องการให้พื้นห้องคอนโดดูแล้วเหมือนบ้าน มักจะผสมผสานความเป็นธรรมชาติเข้าไปในพื้นที่ห้อง โดยใช้วัสดุจำพวกไม้ หรือมีสีและลวดลายเลียนแบบไม้ ซึ่งมีวัสดุหลายแบบที่ดูแล้วเหมือนปูด้วยไม้ วัสดุที่ใช้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการใช้งาน ความชอบส่วนตัวรวมถึงเงินในกระเป๋าของแต่ละคนด้วย เช่น

    - ไม้จริง หรือปาเก้ไม้จริง ใช้วัสดุจากไม้จริงๆ มีคุณสมบัติตามลักษณะเนื้อไม้ ราคารวมติดตั้งประมาณ 1,500 - 2,500 บาท/ตารางเมตร
    ข้อดี ให้ความรู้สึกผิวสัมผัสของไม้จริง จึงดูเป็นห้องที่ดูหรู ที่ได้โชว์เนื้อไม้จริงๆ เดินแล้วไม่เย็นเท้า ไม่เสียสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ
    ข้อเสีย มีราคาแพง ติดตั้งยาก อาจมีปัญหาเรื่องปลวก และไม่คุ้มค่าถ้าปูในห้องขนาดเล็ก เพราะพอวางเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เฟอร์นิเจอร์ก็บังพื้นไม้ไปเกือบหมด

    - ไม้วีเนียร์ ทำจากการฝานเอาไม้ราคาแพง ที่มีลายสวยงาม ทำออกมาเป็นแผ่นบางๆ มาแปะอัดไว้บนไม้ราคาถูก
    ข้อดี มีความสวย เป็นเหมือนเนื้อไม้สมจริง ได้ผิวสัมผัสเป็นธรรมชาติ
    ข้อเสีย ไม่ทนน้ำ ไม่ทนการขูดขีด และการกระแทก

    - ไม้ลามิเนต กำลังเป็นที่นิยมนำมาปูพื้นคอนโด เป็นวัสดุทำเลียนแบบลวดลายไม้ธรรมชาติ โดยเอาฟิล์มลวดลายไม้ แปะบนเศษไม้เศษกระดาษที่อัดด้วยความร้อนสูง ขึ้นรูปให้เป็นบล็อคเหมือนตัวต่อ ราคารวมติดตั้งประมาณ 600 - 1,200 บาท/ตารางเมตร
    ข้อดี ติดตั้งง่าย ทนการขูดขีดได้ดี มีราคาถูก มีหลายโทนสี หลายลาย หลายราคาให้เลือก ตามแต่ยี่ห้อ ผลิตได้ทั้งในไทย จีน มาเลเซีย เยอรมัน
    ข้อเสีย ผิวสัมผัสไม่เหมือนไม้จริง ไม่ชอบความชื้น ไม่ทนน้ำเลย หากน้ำซึมเข้าสู่แกนกลาง จะทำให้บวม เสียหายได้ ถ้าช่างปูไม่ดี อาจมีเสียงเวลาเดิน

    - กระเบื้องยางลายไม้ และไวนิล เป็นวัสดุประเภทพลาสติก PVC ที่ทำสีและลายเลียนแบบลายไม้ ราคารวมติดตั้งประมาณ 400 - 700 บาท/ตารางเมตร
    ข้อดี ทนทาน ทนความชื้นได้ดี โดนน้ำได้ ทำความสะอาดง่าย มีราคาถูก เหมาะกับคนที่มีงบในการแต่งห้องจำกัด หรือห้องที่มีขนาดเล็ก
    ข้อเสีย ผิวสัมผัสเป็นพลาสติก ให้ความรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ อาจทำให้ห้องดูไม่หรูหราเท่าที่ควร ถ้าปูได้ไม่เรียบร้อย พื้นอาจเป็นรอยตะปุ่มตะป่ำ

    - กระเบื้องลายไม้ เป็นเหมือนกระเบื้องทั่วไป แต่ทำลวดลาย และสี เลียนแบบไม้ธรรมชาติ มีลาย สี ผิวสัมผัส ให้เลือกหลายแบบ ราคารวมติดตั้งประมาณ 300 - 600 บาท/ตารางเมตร
    ข้อดี มีราคาถูก ทนทาน ติดตั้งง่าย ทำความสะอาดง่าย
    ข้อเสีย ผิวสัมผัสเย็น (ไม่เหมาะกับผู้สูงอายุ) ตามลักษณะของพื้นกระเบื้อง การปูอาจทำให้เห็นเป็นร่องยาแนว ดูไม่หรูหราเท่ากับไม้จริง
    * ดูตัวอย่างห้องปูกระเบื้องลายไม้ได้ที่ http://pantip.com/topic/13106092

แบ่งปันหน้านี้