วันนี้มีเรื่องเล่าผีในหอพัก มาฝากทุกคนที่ชอบเสพเรื่องหลอนๆ

หัวข้อกระทู้ ใน 'มุมอ่านเรื่องผี เรื่องเล่าผี นิยายผี เรื่องลึกลับ' เริ่มโพสต์โดย Number18, 5 กุมภาพันธ์ 2018.

  1. Number18

    Number18 Moderator Staff Member

    ผมคิดอยู่นานแล้วว่าจะมาเล่าเรื่องนี้ดีรึเปล่า เรื่องมันเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยที่ผมเข้ามาเรียนปี 1 ในกรุงเทพใหม่ๆ แต่ตอนนี้ผมเองก็เรียนจบจนทำงานมาได้ 8 ปีแล้ว ถึงเรื่องมันจะผ่านมานาน แต่เมื่อวันก่อนผมฝันถึงเรื่องวันนั้นอีกครั้ง มันเลยทำให้ผมตัดสินใจที่จะถ่ายทอดเรื่องราวเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับใครอีกหลายๆคนที่เคยคิดอะไรแบบนี้

    ผมชื่อนัต มีน้องชายฝาแฝดชื่อเน็ต ไอ้เน็ตเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับเอามากๆ พวกผมเป็นเด็กต่างจังหวัด พ่อกับแม่มีอาชีพทำสวน แล้วช่วงที่เราปิดเทอมเนี่ยมันเป็นฤดูเก็บเกี่ยวพอดี กว่าที่พวกผมจะได้เข้ากรุงเทพไปจัดการเรื่องที่พักมันก็เป็นช่วงใกล้เปิดเทอม เพราะว่ามันใกล้เปิดเทอมนี่แหละ มันเลยทำให้หอพักนักศึกษาที่ยังว่างอยู่หายากเสียยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร

    ผมกับเน็ตพากันเดินเข้าซอยโน้นออกซอยนี้เพื่อหาหอนอกที่อยู่ใกล้มหาลัยมากที่สุด และเหมือนโชคจะเข้าข้างเมื่อเราเจอเข้ากับหอเปิดใหม่ที่ทุกสิ่งทุกอย่างตรงตามที่เราอยากได้พอดีเป๊ะ

    “มึงว่าที่นี่มีผีป่ะ” ไอ้เน็ตทำการปล่อยหมาออกจากปากทันทีที่เราย้ายเข้ามาอยู่วันแรก

    “มึงหยุดพูดสิ่งที่มึงคิดเลยนะ”

    “โธ่ กลัวไรวะ ผีแม่งไม่มีในโลกหรอก อีกอย่างหอนี้โคตรจะใหม่ คนก็เยอะ ถ้ามีจริงนะ กูยอมอยู่เฝ้าที่นี่เป็นเพื่อนมันเลยอะ”

    ผมได้แต่ถอนหายใจกับนิสัยชอบท้าทายของมัน ถามว่ากลัวไหม ผมก็กลัวอยู่ว่ามันจะเจอดีเข้าให้สักวัน แต่มันก็พูดจาแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถ้ามันจะเป็นอะไรไปก็น่าจะเพราะโดนกระทืบตายมากกว่าจะโดนผีหลอก

    หลายเดือนผ่านไปหลังจากการย้ายของเข้าหอครั้งแรกของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างดูปกติสวยงาม จนวันหนึ่งไอ้เน็ตพารุ่นพี่คนนึงเข้ามาที่ห้อง พี่เขาชื่อจิน เป็นรุ่นพี่ปี 3 คณะเดียวกับไอ้เน็ตมัน

    พี่จินเป็นคนที่ดูสดใสร่าเริง พูดจาสนุกสนานน่าฟัง พวกเรากินเหล้า ดูหนัง ฟังเพลง เล่าเรื่องราวชีวิตกันไปจนดึกดื่น พอเมาได้ที่ไอ้เน็ตก็เริ่มปากหมา

    “พี่จินอยู่หอไหนนะ”

    “แถวนี้แหละ แต่เค้าทุบทิ้งไปแล้ว”

    “อ้าว ลำบากเลยดิพี่”

    “เออ แต่ช่างแม่งเหอะ คนอย่างกูอยู่ไหนก็ได้อยู่แล้ว”

    “พี่เชื่อเรื่องผีป่ะ” ผมมองหน้าไอ้เน็ตเป็นเชิงห้ามปราม แต่มันก็ไม่ได้ใส่ใจ “ผมว่าแม่งโคตรไร้สาระอ่ะ แล้วพี่อยู่หอมานานเคยเจอบ้างป่ะ เค้าว่าที่ที่คนเจอผีเยอะที่สุดนี่ก็หอพักนี่แหละใช่มะ มีเรื่องเล่าไหมพี่”

    พี่จินยกแก้วเหล้ากระดกเข้าปากก่อนจะมองหน้าไอ้เน็ตแล้วยิ้มมุมปาก “มีเรื่องนึง กูรับรองว่าฟังจบมึงจะเลิกปากดีแบบนี้”

    ผมเริ่มขนลุกเพราะน้ำเสียงพี่จินฟังดูแปลกไป จะมีก็แต่ไอ้เน็ตที่ทำหน้าตื่นเต้นเร่งเร้าให้พี่เขารีบๆเล่าสักที

    “เมื่อนานมาแล้วมันมีเด็กม.ปลายคนนึง มันอยากเรียนศิลปะ แต่พ่อแม่มันอยากให้มันเป็นหมอ แต่มันโง่อ่ะมึง สมองมันมีแค่พอเอ็นติดคณะวิทย์ธรรมดาทั่วไป พ่อกับแม่โคตรจะเครียดกับมันเลย แต่สมัยนั้นมันไม่เหมือนสมัยนี้ไง เอ็นไม่ติดก็คือจบ ไม่มีทางเลือกในการยื่นคะแนนอะไรมากมาย สุดท้ายแม่งเลยต้องมาเรียนมหาลัยเอกชน พอได้เรียนเอกชน มันก็ยังไม่วายโดนที่บ้านกดดันว่าต้องเรียนคณะนี้ จบไปเป็นนั่นนู่นนี่ สุดท้ายแม่งทนความกดดันไม่ไหว แดกยาฆ่าแมลงตายคาห้องพัก”

    พี่จินเทเหล้าใส่แก้วแล้วกระดกอีกครั้ง ไอ้เน็ตได้แต่มองหน้าพี่เขาแล้วขมวดคิ้ว “ไงต่ออ่ะพี่”

    “จบแล้ว”

    “ห๊ะ”

    “เออ แค่นั้นแหละเรื่องของมัน”

    “อ้าว ผมยังไม่เห็นจะมีตรงไหนทำให้ผมหายปากดีเลย หรือว่ามันตายให้ห้องนี้ ถ้าพี่จะหักมุมแบบนั้นผมกลัวให้ก็ได้ กลัวแล้ววว กลัวแล้วจ้า ฮ่าๆๆๆ” พูดจบไอ้เน็ตก็ขำเอาเป็นเอาตายกับมุกของตัวเอง

    “มึงพอเหอะ แดกเยอะไปแล้ว นี่ดึกแล้วพี่จินกลับเลยไหม ผมลงไปส่ง” ผมรีบตัดบทก่อนที่มันจะปากดีมากไปกว่ารั้น

    “เรื่องของมันอ่ะจบแล้ว แต่มันมีเรื่องของคนอื่นต่อ”

    “ไว้เล่าต่อวันหลังก็ได้พี่ วันนี้มันเมามากแล้วฟังไม่รู้เรื่องหรอก”

    “ไม่เอาๆ กูจะฟัง สติกูยังอยู่ครบโว้ย เล่าเลยพี่เล่าๆ”

    “หลังจากนั้นไม่กี่ปี มันก็มีนักศึกษาใหม่ๆแวะเวียนเข้าไปพักที่ห้องนั้น แต่อยู่ได้ไม่ถึงเทอม มันก็ต้องมีเหตุอะไรกดดันให้มันต้องฆ่าตัวตาย รวมๆแล้วก็ 3-4 ศพได้”

    ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองคนเดียวรึเปล่า แต่บรรยากาศตอนนั้นมันเหมือนอากาศเย็นลงเร็วผิดปกติ แต่ไอ้เน็ตก็ยังคงตั้งใจฟังเรื่องที่พี่จินเล่าอย่างใจจดใจจ่อ ผมที่เริ่มกลัวทนฟังไม่ได้เลยทำทีเป็นลุกไปปิดประตูระเบียงเผื่อว่าจะช่วยให้หายเย็นขึ้นมาได้บ้าง

    แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเอื้อมมือไปถึงประตู ผมก็ได้ยินเสียงไอ้เน็ตแหกปากโวยวาย ผมหันกลับไปดูก็เห็นมันกำลังยกมือไหว้พี่จินแล้วขอโทษขอโพยเรื่องอะไรไม่รู้เสียยกใหญ่

    “กูบอกแล้วว่าฟังจบมึงจะหายปากดี”

    พูดจบแค่นั้นพี่จินก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาผม ยังไม่ทันที่ผมจะตั้งสติกับสิ่งที่เห็นได้ไอ้เน็ตก็โก่งคออ้วกออกมาเป็นเลือดเต็มพื้นไปหมด

    ผมรีบเข้าไปดูมันแล้วพยุงมันไปส่งที่โรงพยาบาล หลังจากหายเข้าห้องฉุกเฉินไปได้ไม่นาน หมอก็ออกมาแจ้งผมว่าไอ้เน็ตมีสารพิษบางอย่างอยู่ในตัว หมอสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นยาฆ่าแมลง ตอนนี้ล้างท้องให้เรียบร้อยแล้ว แต่จำเป็นต้องแจ้งผู้ปกครองแล้วก็ตำรวจเพราะคนไข้เอาแต่เพ้อว่าอย่าฆ่าผมๆ

    เมื่อตำรวจมาถึงผมก็ถูกสอบปากคำ เพราะว่าผมอยู่กับมันเป็นคนสุดท้าย ผมได้แต่บอกว่าพี่จินเป็นคนถือเหล้ามาให้พวกเรากิน แต่เมื่อตำรวจไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด ก็ไม่พบคนลักษณะที่ผมบอกเล่าไปเลย แถมเขายังยืนยันอีกว่า ตามที่เห็นในกล้อง วันนี้ไอ้เน็ตเดินเข้าหอมาคนเดียวอย่างแน่นอน

    ผมตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีพยายามฆ่า แล้วก็คงจะโดนจับเข้าคุกไปแล้วถ้าไอ้เน็ตมันไม่แหกปากโวยวายแล้วพูดถึงพี่จินขึ้นมา ตำรวจจึงกลับไปถามหาคนลักษณะดังกล่าวกับเจ้าของหออีกครั้ง

    หลังจากไปสอบถามได้ความว่า พี่จิน เป็นนักศึกษาคนล่าสุดที่เสียชีวิตในหอพักของแกก่อนที่ป้าแกจะตัดสินใจทุบหอทิ้งทั้งหมดแล้วทำบุญครั้งใหญ่ก่อนจะสร้างหอใหม่ ระยะเวลาในการดำเนินการทั้งหมดกินเวลามากกว่า 7 ปี ดังนั้นต่อให้มันเป็นเรื่องที่เล่าต่อกันมา พวกผมไม่น่าจะอธิบายรูปพันสันฐานของพี่จินได้ละเอียดขนาดนั้น

    ถึงแม้เรื่องนี้จะผ่านมามากกว่า 10 ปีแล้ว แต่ทุกครั้งที่ได้ยินคนพูดอะไรที่มีคำว่า”จิน” ไอ้เน็ตก็มักจะมีอาการหวาดผวาอยู่ตลอด มันพึ่งจะกล้าเล่าให้ผมฟังเมื่อเร็วๆนี้ ว่าสิ่งที่พี่จินเล่าให้มันฟังตอนผมลุกออกไปคืออะไร

    มันบอกว่าพี่จินเล่าเรื่องตอนที่มันกับผมย้ายของเข้ามาที่หอวันแรก ตอนแรกมันก็คิดว่าพี่จินคงอยู่แถวๆนี้ถึงได้เห็น แต่พี่จินกลับพูดคำพูดที่มันท้าทายผีกับผมในห้องได้อย่างตรงเป๊ะทุกคำ

    หลังจากเล่าจบพี่จินก็เริ่มไอเหมือนคนสำลัก มีฟองสีขาวผุดออกมาจากปาก ก่อนจะอ้วกออกมาเป็นเลือด เนื้อบริเวณปากเริ่มยุ่ยเละส่งกลิ่นเหม็น แต่ทั้งๆที่มันน่าจะทรมาน พี่จินกลับยังพูดต่อหน้าตาเฉยว่า

    “กูมาแล้วนี่ไง มาอยู่เป็นเพื่อนกูสิ”






    ปล.เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่า ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลและสถานที่จริงใด ๆ

แบ่งปันหน้านี้