เดี๋ยว 3 ทุ่มมารับแม่หน่อยนะ [เรื่องเล่าผี]

หัวข้อกระทู้ ใน 'มุมอ่านเรื่องผี เรื่องเล่าผี นิยายผี เรื่องลึกลับ' เริ่มโพสต์โดย Number18, 17 เมษายน 2018.

  1. Number18

    Number18 Moderator Staff Member

    "เดี๋ยว 3 ทุ่มมารับแม่หน่อยนะ"

    นั่นเป็นคำสั่งจากแม่เมื่อ 7 ชั่วโมงก่อน ฉันมองนาฬิกาแล้วลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ปิดคอมตรงหน้าที่ยังคงพิมพ์งานค้างไว้ลง แล้วเดินถือผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำ

    วันนี้เป็นวันเชงเม้ง ฉันไปส่งแม่ที่บ้านยายตั้งแต่เช้า เพื่อให้แม่ไปทำบุญที่หลุมศพบรรพบุรุษ แต่เพราะฉันมีงานต้องทำ เลยไม่ได้อยู่ไหว้กับแม่ด้วย หมู่บ้านของยายอยู่ไกลจากตัวเมืองมาก ลึกเข้าไปในสวนยาง ที่ถูกล้อมรอบด้วยไร่ผลไม้นานาพรรณ ยากที่รถประจำทางทั้งหลายจะขับผ่านเข้าไปถึง จึงเป็นหน้าที่ของฉันที่จะต้องไปรับแม่ตอนขากลับ


    ตี๊ดๆ....ตี๊ดๆ


    เมื่อได้ยินเสียงข้อความเข้า ฉันก็เดินกลับไปหยิบมือถือขึ้นมาดู หน้าจอปรากฎชื่อของแม่ พร้อมด้วยข้อความเข้าใหม่ มีใจความว่าแม่พยายามโทรหาฉันเมื่อ 6 นาทีก่อน แต่ฉันไม่ได้รับสาย

    โทรศัพท์และซิมการ์ดของแม่เก่ามากแล้ว ระบบมักจะแจ้งว่าเบอร์โทรของแม่ไม่พร้อมใช้งาน และปลายทางมักจะไม่รู้ว่าแม่โทรเข้า รู้อีกทีก็เมื่อมีsmsจากเครือข่าย แจ้งมาว่าแม่พยายามโทรหา แต่ติดต่อไม่ได้

    ฉันรีบกดโทรกลับไปหาแม่ เผื่อว่าแม่จะมีธุระอะไรเร่งด่วน

    "ฮัลโหล" แม่รับสายด้วยน้ำเสียงร่าเริง ทำให้ฉันคลายความกังวลไปได้บ้าง

    "แม่โทรมาหรอ"

    "ใช่ๆ แม่จะบอกว่าที่นี่ฝนตกหนักมาก ไฟดับด้วย หนูค่อยๆมานะ ไม่ต้องรีบ"

    "โอเคค่ะ"


    ฉันใช้เวลาอาบน้ำ แต่งตัวไม่นาน แล้วรีบขับรถออกไปรับแม่

    จากไฟสว่างไสว และรถสัญจรไปมามากมายของเขตชุมชน กลายมาเป็นไฟทางที่ห่างขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงจำนวนรถที่น้อยลงไปทุกที และเมื่อฉันเลี้ยวรถเข้าสู่ปากทางเข้าหมู่บ้าน ไฟทางทั้งสองฝั่งก็มืดสนิท

    ฝนตกแรง และไฟดับอย่างที่แม่บอก ตลอดสองข้างทางมีแต่หญ้าขึ้นรก หรือไม่ก็ต้นไม้สูงใหญ่ ไฟทางที่ปกติก็ให้ความสว่างไม่มากอยู่แล้ว ตอนนี้ก็มาดับสนิททุกดวง มีเพียงความสว่างจากแสงไฟจากหน้ารถของฉัน ที่สาดลงบนพื้นถนนเท่านั้น ฝนเม็ดแล้วเม็ดเล่าที่พร้อมใจกันเทลงมาบนพื้น ทำให้ถนนลูกรังมีละอองเล็กๆฟุ้งขึ้นมา ยากแก่การมองว่ามีหลุมอยู่ตรงไหนบ้าง


    ตี๊ดๆ...ตี๊ดๆ


    แรงสั่นจากมือถือ ทำให้ฉันชะลอคันเร่งให้ช้าลง แล้วหยิบขึ้นมาดู หน้าจอแสดงผลว่ามีข้อความเข้าใหม่ 1 ข้อความ

    ' Mom พยายามติดต่อคุณเวลา 22:04 น. This number tried to contact you. '


    เมื่อเห็นว่าแม่โทรเข้ามาไม่ติดอีกแล้ว ฉันจึงรีบโทรกลับไป

    "อยู่ไหนแล้ว" แม่ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

    "อีกประมาณ 15 นาทีอ่ะแม่ นี่เข้าปากทางหมู่บ้านมาสักพักแล้ว ฝนตกจนมองไม่ค่อยเห็นทางเลย"

    "โอเคๆ ค่อยๆมา เดี๋ยวแม่ให้ลุงเอไปส่งตรงศาลาหน้าปากซอยแล้วกัน หนูจะได้ไม่ต้องเข้ามาลึกนัก"

    "ได้จ้ะ เดี๋ยวถ้าหนูถึงก่อนหนูโทรหาอีกที"


    ฉันขับรถอย่างระมัดระวังไปเรื่อยๆ ก็เห็นศาลาที่นัดแม่ไว้อยู่ไม่ไกล เมื่อเข้าใกล้ศาลามากขึ้น ไฟหน้ารถก็่ส่องเข้าไปในศาลา จนเห็นคนนั่งหลบฝนอยู่ประมาณ 6-7 คน

    ฉันชะลอรถแล้วจอดอยู่ห่างจากศาลาพอประมาณ ทุกคนในศาลาหันมามองที่รถฉัน ด้วยสายตาที่คาดเดาไม่ออกว่าคิดอะไร ฉันดับไฟหน้ารถลงเผื่อว่าพวกเขาอาจจะไม่พอใจ ที่ไฟรถฉันแยงตาเขา ฉันนั่งรอแม่อยู่เงียบๆในรถ มองฝนมองฟ้าพร้อมกับคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

    แต่แล้วฉันก็ต้องแปลกใจ เมื่อฉันมองไปรอบๆ บริเวณศาลา กลับไม่มีรถระบะ หรือมอเตอร์ไซด์เลยสักคัน ศาลานี้อยู่ไกลจากที่พักอาศัยมาก แล้วตอนนี้ก็เป็นเวลาดึกมากแล้วสำหรับคนที่นี่ คนพวกนี้มาที่นี่ได้ยังไงกัน

    ตอนนั้นเองที่ฉันกำลังคิดว่าพวกเขามาทำอะไรป่านนี้ ทุกคนที่นั่งอยู่พร้อมใจกันลุกขึ้นยืน ฉันเงยหน้ามองที่กระจกหลัง เผื่อว่าอาจจะมีรถบรรทุกคนงานผ่านมา แล้วพวกเขากำลังลุกมาขึ้นรถ แต่มันกลับวางเปล่า ถนนด้านหลังฉันมืดสนิท ไม่มีวี่แววว่าจะมีรถผ่านมาสักคัน

    ฉันกดล็อครถทันทีตามสัญชาตญาณ เริ่มกลัวว่าพวกเขาจะมาทำอะไรฉันรึเปล่า แต่พอเงยหน้ามองที่ศาลาอีกที คนพวกนั้นกลับหายไปกันหมด

    ฉันเปิดไฟหน้ารถส่องดูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ แต่ก็ไม่มีใครอยู่ที่นั่นแล้วจริงๆ นาทีนั้นฉันคิดว่าคงโดนเข้าแล้ว สิ่งที่ฉันเห็นเมื่อกี้ต้องไม่ใช่คนแน่ๆ ขณะที่ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา หวังว่าจะโทรบอกแม่ว่าฉันเข้าไปรับที่บ้านดีกว่า ฉันก็รู้สึกได้ถึงเงาตะคุ่มๆเดินมาที่รถจากทางด้านหลัง ฉันคิดกังวลไปต่างๆนานา กลัวว่าจะเป็นผีในศาลากลับมาหลอกฉัน แต่อีกใจก็แอบคิดถึงเรื่องโจร เพราะทางมันทั้งมืด ทั้งเปลี่ยว ฉันกำโทรศัพท์แน่นแล้วกดโทรออกหาแม่ทันที

    ก๊อกๆๆๆ

    เสียงเคาะกระจกรถทำให้ฉันตกใจ จนปล่อยโทรศัพท์หลุดมือ ฉันกำมือตัวเองแน่น ไม่กล้าหันไปมองประตูฝั่งที่ถูกเคาะ ในหัวคิดไปสารพัด ว่าถ้าหันไปแล้ว ที่ตรงนั้นมีสิ่งที่ไม่ใช่คนยืนอยู่จะทำยังไง แต่ถ้าเป็นคนล่ะ อันไหนจะน่ากลัวมากกว่ากัน

    ฉันก้มมองแต่เท้าตัวเอง ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาดูอะไรทั้งสิ้น ตอนนั้นเองที่สายตาฉัน เหลือบไปเห็นมือถือที่ตกลงไปอยู่ที่พื้น หน้าจอแสดงผลว่าคนที่ฉันโทรหา เขาได้รับสายแล้ว ฉันรีบหยิบมันขึ้นมาแนบหู ในขณะที่ฉันกำลังจะอ้าปากพูดกับปลายสาย ฉันก็รวบรวมความกล้าหันไปมองที่ประตูฝังคนขับ

    ตอนนั้นเอง ที่ฉันเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก เมื่อพบว่าคนที่มาเคาะรถนั้น คือแม่ที่กำลังยืนถือร่มอยู่

    "แม่ หนูตกใจหมด" ฉันถอนหายใจโล่งอกแล้วปลดล็อคประตู แต่ยังสบายใจได้ไม่นาน ฉันก็นึกถึงเงาคนพวกนั้น ที่จู่ๆก็หายไป "แม่ขึ้นรถเร็วแม่ เร็วๆ"

    แม่ทำหน้างงๆ แต่ก็เปิดประตูขึ้นมานั่งแล้วปิดอย่างรวดเร็ว

    "เป็นอะไร" แม่ถาม

    "แป๊บ ขอไปจากที่นี่ก่อน" พอแม่รัดเข็มขัดเสร็จ ฉันก็เหยียบคันเร่ง ออกตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อออกให้ห่างจากศาสาสยองขวัญนั่น "ไหนว่าลุงมาส่ง" ฉันถามเมื่อเรามาไกลจากที่นั่นพอสมควรแล้ว

    "กลับไปแล้ว"

    "อ๋อ" ฉันพยักหน้ารับ "แล้วไม่มีของอะไรติดไม้ติดมือมาฝากหนูหรอ"

    "เอาขึ้นหลังรถไปแล้วไง"

    "อ๋อๆ โอเค" ฉันพยายามปรับอารมณ์ให้กลับมาปกติ แล้วค่อยๆผ่อนคันเร่งลง

    "ตกลงมีอะไร"

    "เมื่อกี้ก่อนแม่มาอ่ะ มันมีคนอยู่ที่ศาลาเพียบเลย หนูเห็นว่าอยู่กันเยอะ เลยดับไฟรถ กลัวไปแยงตาเค้า แล้วอยู่ๆเค้าก็ลุกขึ้นแล้วเดินมาทางหนูอ่ะ แต่พอมองอีกทีก็หายไปหมดเลย โคตรน่ากลัว กลัวว่าจะมาขึ้นรถเรา ดีที่แม่มาก่อน ไม่งั้นหนูช็อคคาที่แน่ๆ นี่หนูยังไม่กล้ามองกระจกหลังเลยเนี่ย"

    "เพ้อเจ้อ ไม่เห็นจะมีอะไรเลย แล้วก็ไม่ต้องกลัวหรอก ถ้าเป็นผีจริง มันก็ขึ้นมาไม่ได้ ถ้าเราไม่เอ่ยปากอนุญาต" แม่ดุฉันซะยกใหญ่ ฉันทำเพียงแค่พยักหน้ารับรู้ แล้วขับรถต่อไป "นี่ พาแม่ไปบ้านเพื่อนแปปนึงสิ พอดีแม่นึกได้ว่ามีธุระ"

    "ห๊ะ ป่านนี้อ่ะนะ พรุ่งนี้หนูมีงานต่อนะแม่" ฉันอุทาน นี่มันก็ดึกแล้ว กว่าจะถึงบ้านอีก แต่ก็ทำได้แค่ถอนหายใจยอมแพ้ เมื่อแม่หันมามองด้วยสายตาดุๆ "โอเคๆ แล้วป่านนี้เพื่อนแม่ไม่นอนไปแล้วหรอ โทรหาก่อนมั้ย" แม่ส่ายหน้า ฉันจึงล้มเลิกความคิดที่จะถามเรื่องนั้น "แล้วให้ไปส่งที่ไหนอ่ะ"

    "แถว ๆ วัดท้ายหมู่บ้าน"

    "อ้าว แม่ไม่บอกตั้งแต่เมื่อกี้อ่ะ มันเลยทางเข้ามาแล้ว ถนนแคบจะตาย กลับรถก็ลำบาก"

    "ตรงไปได้ เดี๋ยวบอกทางให้"

    "ก็ได้ๆ แต่อย่าคุยนานนะแม่ หนูมีงานแต่เช้า"


    ฉันขับรถไปเรื่อยๆ ตามทางที่แม่บอก จากที่พอมีทางลูกรังที่เหมือนถนนบ้าง ก็กลายเป็นทางดินที่มีหญ้าเตี้ยๆขึ้นเต็มไปหมด ถนนที่ขรุขระทำให้ฉันเริ่มเป็นห่วงว่ายางรถจะแตก ฝนก็ยังตกตลอดทาง ไฟทางก็ไม่มีให้เห็นแล้ว

    "แม่ หนูว่าเลี้ยวกลับไปทางถนนเหอะ อ้อมหน่อยก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวรถพังที่นี่เราจะแย่นะ"


    ตี๊ดๆ...ตี๊ดๆ...


    เสียงข้อความดังขึ้นทำให้ฉันชะลอรถ เพื่อที่จะหยิบโทรศัพท์มาดู

    1 ข้อความใหม่

    ' Mom พยายามติดต่อคุณเวลา 22:36 น. This number tried to contact you. '


    "อ้าว แม่โทรมาทำไมอีกอ่ะ"

    "ตรงไปเรื่อยๆ เลี้ยวแยกข้างหน้าก็ถึง"


    ฉันพยักหน้าแล้วขับต่อไปโดยไม่ถามอีก เพราะคิดว่าเครือข่ายอาจจะรวน เลยส่งแจ้งเตือนมาช้ากว่าทุกที


    ตี๊ดๆ...ตี๊ดๆ...

    1 ข้อความใหม่

    ' ลุงเอ พยายามติดต่อคุณเวลา 22:37 น. This number tried to contact you. '


    "อ้าว ลุงเอโทรหาหนูทำไม แม่ลืมของหรือเปล่า?"


    ตี๊ดๆ...ตี๊ดๆ...

    ตี๊ดๆ...ตี๊ดๆ...

    ตี๊ดๆ...ตี๊ดๆ...


    3 ข้อความใหม่


    ' Mom พยายามติดต่อคุณเวลา 22:38 น. This number tried to contact you. '

    ' Mom พยายามติดต่อคุณเวลา 22:38 น. This number tried to contact you. '

    ' Mom พยายามติดต่อคุณเวลา 22:39 น. This number tried to contact you. '


    "แม่ โทรศัพท์แม่เป็นอะไร ทำไมโทรเข้าเบอร์หนูตลอดเลย แม่นั่งทับรึเปล่า"


    ตี๊ดๆ...ตี๊ดๆ...

    ' ลุงเอ พยายามติดต่อคุณเวลา 22:40 น. This number tried to contact you. '


    "ลุงเอโทรมาอีกแล้ว หนูโทรกลับนะ เผื่อแม่ลืมอะไรไว้"

    ฉันมองทาง สลับกับมองมือถือไป นิ้วก็กดโทรกลับที่เบอร์ลุงเอ ที่มีอยู่ในข้อความ

    "ฮัลโหล" ฉันช็อคไปทันทีที่คนรับสายไม่ใช่ลุงเอ

    .
    .
    .

    ....แต่เป็นเสียงแม่....

    "อยู่ไหนแล้ว แม่โทรไปไม่ติดเลย แล้วทำไมไม่โทรกลับ นี่แม่รออยู่ที่ศาลาตั้งนานแล้ว อยู่ไหน เกิดอุบัติเหตุอะไรรึเปล่า"

    "มะ...แม่หรอ" ฉันถามด้วยเสียงสั่นเครือ ถ้าแม่ยังรอฉันอยู่ที่ศาลา แล้วคนที่นั่งข้างฉันตอนนี้เป็นใครกัน


    "เลี้ยวซ้าย"


    เสียงพูดจากคนข้างๆทำให้ตั้งสติไม่อยู่ แล้วหันไปมองเจ้าของเสียงโดยไม่รู้ตัว

    จากผู้หญิงที่รูปร่างหน้าตาเหมือนแม่ของฉัน กลายเป็นยายแก่หลังค่อม ใส่ชุดผ้าไหม มีตะกร้าหมากพลูวางอยู่บนตัก ผิวหนังเหี่ยวย่นจนหน้ากลัว ปากแดงเพราะเคี้ยวหมาก มองจ้องมาที่ฉันตาเขม่ง

    "เลี้ยวซ้าย!!!" เสียงนั้นตะโกนลั่น

    ใบหน้าเดิมที่เหมือนแม่ของฉัน เปลี่ยนไปเป็นคนแก่ที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน ผิวหนังเหี่ยวย่นเน่าเฟะเหวอะหวะ ขากรรไกลค่อยๆอ้าออกจากกัน น้ำหมากในปากไหลทะลักลงมาตามคอ กลิ่นหมากที่เคียวแล้วเหม็นคลุ้งไปทั่วรถ

    "กูบอกให้เลี้ยว! อยากตายรึไง!!"

    "กรี๊ดดดดด!!!!!"

    โครม!!!!!

    .
    .
    .
    .
    .

    ฉันตื่นขึ้นอีกครั้งที่โรงพยาบาล แม่บอกว่าฉันหัวแตก แล้วก็แขนซ้ายหัก หลังจากนอนอยู่โรงพยาบาลต่ออีก 3 วันฉันก็กลับมาพักฟื้นที่บ้าน แล้วไม่คิดจะกลับไปที่บ้านยายคนเดียวอีก

    แม่มาเล่าให้ฟังหลังจากฉันหายดีแล้วว่า มีลุงคนหนึ่งไปเจอรถฉันเสียหลัก พุ่งชนหลักกิโลอยู่ตรง 3 แยกท้ายหมู่บ้าน ถนนเส้นนั้นถูกปิดตายมานานมาแล้ว เพราะพื้นที่หลังหลักกิโลนั้น โดนน้ำป่าที่ไหลมากัดเซาะจนดินหายไปกลายเป็นหลุมลึก มีเจ้าของสวนเงาะขับรถแหกโค้งตกลงไป ทำให้คนงานที่นั่งหลังกระบะมา เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 8 ศพ

    ส่วนผีที่ฉันเจอ แกมีชื่อว่ายายปริก ยายแกเป็นคนเก่าแก่ของหมู่บ้าน ถึงจะมีคนตายแถวนั้น จนบ้านหลังอื่นย้ายออกกันหมด แต่แกก็ยังจะอยู่ที่นั่น

    ป้าปริกถูกพบเสียชีวิตเมื่อ 4 ปีก่อนที่ศาลาหลังนั้น แกนั่งตากแดด ตากลม ตากฝนอยู่หลายวัน เพื่อรอรถชาวบ้านผ่านมา แล้วจะขอให้ไปส่งที่ท้ายหมู่บ้าน แต่รอจนแล้วจนเล่าก็ไม่มีใครไปสักคน แกรออยู่อย่างนั้น จนโรคประจำตัวกำเริบแล้วเสียชีวิตลง

    ลุงคนที่เจอฉัน เขาเล่าให้แม่ฟังว่า ในเวลากลางดึกช่วงวันเทศกาล แกจะเห็นรถแปลกตาขับผ่านบ้านไปเสมอ เป็นอันรู้กันว่า คงเป็นรถของรุ่นลูกรุ่นหลานใครสักคนในหมู่บ้าน ที่เติบโตในเมืองแล้วไม่เคยรู้เรื่องของยายปริก และก็คงจะไปเจอยายแกที่ศาลานั่น แล้วถูกขอให้พาไปส่งบ้านแน่ๆ

แบ่งปันหน้านี้