แมงมุมลายตัวนั้น [เรื่องเล่าผี]

หัวข้อกระทู้ ใน 'มุมอ่านเรื่องผี เรื่องเล่าผี นิยายผี เรื่องลึกลับ' เริ่มโพสต์โดย Number18, 8 พฤษภาคม 2018.

  1. Number18

    Number18 Moderator Staff Member

    แมงมุมลายตัวนั้น
    ฉันเห็นมันซมซานเหลือทน
    วันหนึ่งมันถูกฝน
    ไหลหล่นจากบนหลังคา
    พระอาทิตย์ส่องแสง
    ฝนแห้งเหือดไปลับตา
    มันรีบไต่ขึ้นฝา
    หันหลังมาทำตาลุกวาว


    ทุกๆคนคงเคยได้ฟัง ได้ร้องเพลงเด็กอมตะ เพลงนี้กันมาใช่มั้ยคะ

    ดิฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่โตมากับเพลงนี้ และเมื่อถึงวัยที่ฉันมีลูก ฉันก็สอนลูกร้องเพลงนี้เหมือนกัน

    แต่ใครเลยจะรู้ ว่าเรื่องราวในวันนั้น มันจะทำให้ความรู้สึกของฉัน ที่มีกับเพลงนี้...เปลี่ยนไป ตลอดกาล...

    ฉันชื่อแก้ว เป็นพนักงานบริษัทธรรมดาคนหนึ่ง ที่มีลูกสาววัย 7 ขวบชื่อกาน เราอยู่กันแค่ 2 คนแม่ลูกค่ะ เนื่องจากพ่อของเด็กเสียไปเมื่อเดือนที่แล้ว

    ตั้งแต่สามีเสีย เราก็ขาดเสาหลักของครอบครัวไป ฉันย้ายออกจากคอนโดหรูใจกลางกรุงเทพ มาเช่าบ้านอยู่แถวๆชานเมือง ถึงมันจะห่างไกลจากตัวเมืองมาก แต่ค่าครองชีพแถวนี้ ก็ทำให้ฉันพออยู่พอกิน ภายใต้เงินเดือนอันน้อยนิดของพนักงานบัญชีคนหนึ่ง

    บ้านเช่าของเราเป็นบ้าน 2 ชั้นค่ะ ทุกคนอาจจะงงว่าบ้านแบบนี้มันถูกยังไง มันถูกเพราะเป็นบ้านของญาติสามีค่ะ แต่พวกเขาไปอยู่ต่างประเทศกันนานแล้ว ก็เลยให้เราเช่าในราคาไม่แพงค่ะ

    แต่บ้านก็ได้รับการดูแลอย่างดีนะคะ จากแม่บ้านคนหนึ่ง ที่ครอบครัวของเจ้าของบ้านจ้างไว้ให้เฝ้าบ้าน และเมื่อฉันกับลูกเข้ามาอยู่ แม่บ้านคนนั้นก็มาคอยดูแลพวกฉันด้วยความเต็มใจ

    ที่นี่มี 3 ห้องนอนค่ะ ด้วยความที่ลูกของฉันกำลังเริ่มจะโตแล้ว เธอจึงต้องการพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น ฉันเลยแยกห้องนอนคนละห้องกับลูกค่ะ ส่วนอีกห้องก็เป็นห้องของคุณแม่บ้านเค้า

    “แม่คะ ที่ห้องหนูมีตัวอะไรก็ไม่รู้ มันเกาะอยู่บนกำแพง ไต่ไปไต่มาได้ด้วยค่ะ” ลูกสาวถามฉันในเย็นวันหนึ่ง ขณะที่เรากำลังนั่งกินข้าวด้วยกัน

    “หน้าตาเป็นยังไงคะ”

    “สีดำๆ เกาะอยู่ที่กำแพงค่ะ”

    “แมงมุมล่ะมั้งคะคุณหนู” เสียงแม่บ้านตอบ

    ฉันยิ้มให้แทนคำขอบคุณแล้วหันมามองหน้าลูก “หนูกลัวรึเปล่าคะ”

    “ตอนแรกหนูไม่กลัวค่ะ แต่พอมันเข้ามาใกล้ หนูเลยกลัว”

    “มันจะมีพิษมั้ยคะป้า” ฉันหันไปถามแม่บ้าน

    “ไม่มีหรอกค่ะคุณ ป้าอยู่บ้านนี้มานาน เก็บทำความสะอาดทุกวัน เคยเห็นอยู่นะคะ ตัวใหญ่ๆ ขายาวๆสีดำใช่มั้ยคะคุณหนู”

    “ใช่ค่ะ”

    “งั้นก็ไม่มีพิษหรอกค่ะ แต่ถ้าคุณหนูกลัว เดี๋ยวพรุ่งนี้ป้าเข้าไปเก็บกวาดให้นะคะ”

    “ฝากด้วยนะคะป้า”


    เช้าวันรุ่งขึ้นฉันก็ไปทำงานตามปกติ ตกเย็นก็แวะไปรับลูกที่โรงเรียน กลับมาถึงบ้านก็มาสอนการบ้านลูก ก่อนที่จะมานั่งทานข้าวกันในตอนหัวค่ำ

    “แม่คะ เมื่อคืนแมงมุมมาอีกแล้ว”

    “ป้ายังไม่ได้เข้าไปกวาดหรอคะ” ฉันหันไปถามแม่บ้านที่ยืนเช็ดโต๊ะอยู่

    “ป้าพึ่งกวาดเมื่อกลางวันน่ะค่ะคุณ คืนนี้คงไม่มีแล้ว”

    ฉันพยักหน้ารับ แล้วลูบหัวปลอบลูก “ไม่เป็นไรแล้วนะคะ”

    “เอาออกไปแล้วจริงๆนะคะ หนูกลัวมากเลย ไม่อยากให้มันมาอยู่ในห้อง”

    “จริงค่ะคุณหนู ไม่มีอะไรแล้วนะคะ”

    หลังจากทำธุระทุกอย่างเสร็จ ฉันก็ขึ้นไปส่งลูกเข้านอน ตรวจดูทุกซอกทุกมุมเพื่อความแน่ใจ และเมื่อไม่เห็นว่าจะมีใยแมงมุมอยู่ตรงไหน ฉันจึงปิดไฟให้ลูกแล้วออกมา

    กลางดึกคืนนั้นขณะที่ฉันกำลังนั่งทำงานอยู่ ฉันก็ได้ยินเสียงเคาะประตู และเมื่อไปเปิดดู ก็พบว่าเป็นลูกสาว ที่ยืนอุ้มตุ๊กตาตัวโปรดอยู่หน้าห้อง

    “แม่คะ หนูนอนไม่หลับ แมงมุมมันมาอีกแล้ว”

    ฉันเปิดประตูให้ลูกเข้ามา แล้วพาไปนั่งบนเตียง “งั้นพรุ่งนี้วันหยุด เดี๋ยวแม่ไปดูให้อีกทีนะคะว่ารังมันอยู่ตรงไหน จะได้ไล่มันออกไปจากห้องหนู”

    “ค่ะแม่”

    “งั้นหนูนอนได้แล้วนะลูก ดึกแล้ว”

    ฉันเดินไปเปิดโคมไฟที่โต๊ะทำงาน ก่อนจะปิดไฟห้องเพื่อให้ลูกได้พักผ่อน ฉันนั่งมองลูกอยู่พักใหญ่ เพื่อให้แน่ใจว่าเธอหลับแล้ว ฉันจึงหันกลับไปทำงานต่อ

    แต่ทำได้ไม่นาน ฉันก็ได้ยินเสียงลูกพลิกตัวไปมาหลายที จึงหันไปมอง ก็เห็นว่าลูกนอนลืมตามองมาที่ฉันอยู่ก่อนแล้ว “นอนไม่หลับหรอคะลูก” กานพยักหน้า “ทำไมล่ะคะ”

    “หนูกลัวแมงมุม ห้องแม่มีแมงมุมมั้ยคะ”

    “ไม่มีนะคะลูก หนูนอนไปเถอะนะ แม่ก็นั่งอยู่ตรงนี้ ถ้ามันมาแม่จะคอยไล่ให้เองนะคะ”

    “แต่หนูกลัว มันชอบเข้ามาใกล้หนู”

    ฉันปิดคอมพิวเตอร์ลง หยิบไอแพดขึ้นมา แล้วเดินไปนั่งกับลูกบนเตียง กดค้นหาเพลงสมัยเด็กที่เกี่ยวกับแมงมุม ที่เคยร้องให้ลูกดู

    หน้าจอปรากฎตัวการ์ตูนแมงมุมลายเส้นน่ารัก ดนตรีบรรเลงเพลงสำหรับเด็กขึ้นเป็นทำนองสนุกสนาน ก่อนจะมีคำร้องตามมา

    “แมงมุมลายตัวนั้น ฉันเห็นมันซมซานเหลือทน

    วันหนึ่งมันถูกฝน ไหลหล่นจากบนหลังคา

    พระอาทิตย์ส่องแสง ฝนแห้งเหือดไปลับตา

    มันรีบไต่ขึ้นฝา หันหลังมาทำตาลุกวาว”

    ลูกหัวเราะสนุกสนานชอบใจตามประสาเด็ก กับเจ้าแมงมุมในการ์ตูนสั้นประกอบเพลง ฉันจึงชี้ให้ลูกดูว่าแมงมุมในเพลง มันน่าสงสารมากแค่ไหน ที่ต้องเปียกฝน จนไหลลงจากบนหลังคาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    “แมงมุมตัวนี้น่ารักจังค่ะแม่” ลูกบอกพร้อมรอยยิ้มกว้าง

    “เห็นมั้ยคะ แมงมุมไม่ได้น่ากลัวสักหน่อย ถ้าหนูเจอมันอีก หนูก็ร้องเพลงนี้นะคะ จะได้นึกถึงแมงมุมตัวนี้ แล้วจะได้หายกลัว”

    “ค่ะแม่”

    เป็นอีกคืนที่ผ่านพ้นไปด้วยดี และฉันหวังว่าอาการกลัวแมงมุมของลูกจะหายไปเร็วๆนี้ เธอจะได้ปรับตัวให้เข้ากับที่อยู่ใหม่ได้ไวขึ้น

    เวลาผ่านไป 1 อาทิตย์ ลูกสาวของฉันก็เริ่มตื่นสาย มีอาการขี้เกียจจะลุกจากที่นอน ไม่อยากไปโรงเรียน หรือถ้าไปก็ไปนั่งหลับในห้องเรียน จนคุณครูต้องเรียกฉันไปพูดคุยถึงพฤติกรรมของเธอ

    ฉันยอมรับว่าโมโหลูกมาก แต่ฉันก็คิดได้ว่ามันอาจจะเป็นเพราะที่อยู่ใหม่ สังคมใหม่ ที่ลูกยังปรับตัวเข้ากันมันไม่ได้ เด็กในวัยนี้คงต้องใช้เวลามากหน่อย ฉันจึงพยายามจะใจเย็น พูดคุยกับลูกอย่างมีเหตุผล

    “ทำไมหนูถึงหลับในห้องเรียนคะ” ฉันถามขณะที่นั่งสอนการบ้านลูก

    “ตอนกลางคืนหนูนอนไม่หลับค่ะ กลัวแมงมุม”

    “ป้าคะ ทำไมถึงยังมีแมงมุมอยู่ในห้องกานอีก” ฉันหันไปถามแม่บ้านที่กำลังกวาดบ้านอยู่

    “ป้าก็เช็ดถูอยู่ทุกวันนะคะ แต่ไม่เห็นจะเจอใยมันเลย”

    “งั้นเดี๋ยวกวาดข้างล่างเสร็จ ป้าขึ้นไปกวาดห้องกานอีกทีนะคะ แล้วพรุ่งนี้ก็รบกวนป้าเอาผ้าปูไปซักด้วยนะคะ ไม่งั้นหนูแย่แน่ๆ ครูบอกว่ากานหลับทุกคาบเลย เดี๋ยวการเรียนจะเสียเอา”

    “ได้ค่ะคุณ”

    กลางดึกคืนนั้น หลังจากที่ฉันทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วกำลังจะเข้านอน ฉันก็เกิดเป็นห่วงลูกขึ้นมา จึงเปิดประตูออกไปดูลูกที่ห้อง

    ในตอนที่ฉันกำลังจะเคาะประตู ฉันก็ได้ยินเสียงพึมพำมาจากข้างใน จึงลองเอาหูแนบประตูฟังดู

    “~พระอาทิตย์ส่องแสง ฝนแห่งเหือดไปลับตา

    มันรีบไต่ขึ้นฝา หันหลังมาทำตาลุกวาว~”

    ฉันได้ยินเสียงลูกร้องเพลงแมงมุมที่ฉันสอน วนไปวนมาอยู่ 2-3 รอบ ใจนึงฉันก็เป็นห่วงลูก อยากจะเปิดประตูเข้าไปช่วยไล่มัน แต่อีกใจฉันก็อยากให้ลูกช่วยเหลือตัวเองให้ได้ ถ้ากานไม่ลุกมาหาฉันที่ห้อง ฉันก็จะถือว่าเขากำลังพยายามต่อสู้กับความกลัวด้วยตัวเองอยู่ ฉันจึงกลับเข้าไปในห้องของตัวเองแล้วพักผ่อน

    อีก 2 อาทิตย์ถัดมา กานเอากระดาษที่เธอวาดในชั่วโมงศิลปะมาให้ฉันดู งานใบนั้นเป็นรูปห้องนอนของเธอที่บ้านหลังนี้ มีตู้เสื้อผ้าบาร์บี้สีฟ้า ผ้าปูเตียงเจ้าหญิงสีชมพู โหลปลาทองใบน้อย

    และ

    เงาดำๆที่เกาะอยู่ตรงมุมเพดานด้านบน

    ฉันพยายามเพ่งมอง หันกระดาษไปมาหลายๆมุม แต่ก็ไม่สามารถมองออกว่ามันคืออะไร

    “อันนี้หนูวาดอะไรคะ” ฉันวางกระดาษลงตรงหน้าลูก แล้วชี้ไปที่จุดสีดำตรงนั้น

    “แมงมุมค่ะ”

    “ทำไมถึงวาดแมงมุมคะ”

    “ครูบอกให้วาดห้องนอนของฉัน หนูเลยต้องวาดค่ะ เพราะมันอยู่ในห้องหนู”

    “มันต้องดูมุมไหนคะลูก จากมุมนี้เหมือนแม่เห็นมันมีแค่ 4 ขาเลย” ฉันถาม แต่เมื่อเห็นว่ากานทกำลังตั้งอกตั้งใจระบายสี ฉันก็เลยเลิกถาม

    ฉันพยายามหมุนกระดาษหลายๆมุมอีกที จนในที่สุด ฉันก็เจอมุมที่พอจะมองออก ว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหน ฉันยิ้มให้กับผลงานของลูก แล้วเก็บลงแฟ้มอย่างดี ก่อนจะเริ่มสอนการบ้านวิชาถัดไป

    บ่ายวันรุ่งขึ้นฉันได้รับโทรศัพท์จากครูประจำชั้นของกาน เธอบอกว่ากานเป็นลมระหว่างเข้าแถวซื้อข้าวกลางวัน ฉันรีบเข้าไปลางานกับหัวหน้าแผนก แล้วขับรถไปที่โรงเรียนลูกทันที

    เมื่อฉันไปถึงกานก็ฟื้นแล้ว คุณครูห้องพยาบาลบอกว่า กานคงนอนไม่พอมาหลายอาทิตย์ จนมาหลับที่โรงเรียน แต่พอโดนครูดุเลยไม่กล้านอน จนกระทั่งร่างกายรับไม่ไหว แล้ววูบไปอย่างที่เห็น

    ฉันพาลูกออกมาจากโรงเรียน แล้วแวะตรวจร่างกายที่คลีนิกใกล้บ้าน

    ผลออกมาว่า ร่างกายของกานอ่อนเพลีย เกิดจากการนอนไม่พอจริงๆอย่างที่ครูบอก

    ฉันสงสารลูกมาก คืนนั้นฉันจึงไปนอนเป็นเพื่อนลูกที่ห้อง คิดเอาไว้ว่าจะค่อยๆสอนให้ลูกเลิกกลัวอย่างช้าๆ แทนการปล่อยให้ลูกเผชิญหน้าความกลัวอยู่คนเดียว
  2. Number18

    Number18 Moderator Staff Member

    กานดูดีใจมากที่คืนนี้ฉันมานอนด้วย เธอชวนฉันอ่านนิทาน ดูการ์ตูนจนดึกดื่น และในที่สุดก็ถึงเวลาเข้านอน ฉันกำลังจะลุกไปปิดไฟ แต่ลูกก็รั้งฉันเอาไว้

    “ถ้าปิดไฟจะเห็นมันชัดขึ้น หนูไม่อยากปิดไฟค่ะแม่”

    “จะเห็นชัดได้ยังไงคะลูก ปิดไฟมันก็มืด บางทีหนูอาจจะไม่เห็นมันอีกเลยก็ได้นะ”

    กานไม่ใช่เด็กช่างพูด เธอจึงนอนลงเงียบๆแล้วปล่อยให้ฉันไปปิดไฟ

    ปิดไฟเสร็จฉันก็เดินมานอนข้างลูก ห่มผ้าห่มให้เธอจนถึงคอ แล้วหลับตาลง

    .

    .

    .

    “...มันรีบไต่ขึ้นฝา หันหลังมาทำตาลุกวาว แมงมุมลายตัวนั้น ฉันเห็นมันซมซานเหลือทน วันหนึ่งมันถูกฝน ไหลหล่นจากบนหลังคา...“

    ฉันตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะเสียงร้องเพลงของกาน ฉันยกแขนขึ้นไปดึงลูกมากอดไว้ทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา เพื่อให้ลูกหายกลัว

    “ฮึก มะ แมง แมงมุม ฮืออ”

    “กาน เป็นอะไรลูก” ฉันลืมตาพรึบขึ้นมาด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินเสียงลูกสะอื้น

    “มะ แมงมุมค่ะแม่ มันมาอีกแล้ว หนูกลัว ฮืออ”

    ลูกกอดฉันแน่นแล้วร้องไห้ออกมา ตอนนั้นเองที่ฉันสัมผัสได้ว่าลูกตัวสั่นมาก “กาน นี่หนูกลัวขนาดนี้เลยหรอ” ฉันกอดลูกตอบ แล้วลูบหัวปลอบ

    “มะ แมงมุม ละ ลายตัวนั้น ฉะ ฉันเห็นมันอยู่บนหลังคา”

    “แม่อยู่นี่แล้วไม่ต้องร้องแล้วลูก ไหนมันอยู่ไหน เดี๋ยวแม่ตีมันให้”

    ลูกไม่ตอบ แต่ชี้ไปที่ตู้เสื้อผ้าที่อยู่ปลายเตียง ฉันลุกขึ้นนั่งด้วยความโมโห หันไปหยิบไม้บรรทัดบนโต๊ะเขียนหนังสือลูก หวังว่าจะใช้ตีแมงมุมเจ้าปัญหา

    เมื่อเตรียมตัวพร้อม ฉันก็หันไปมองตามมือลูกที่ชี้อยู่ เงาดำอยู่เหนือตู้เสื้อผ้า เหมือนในภาพวาดของลูกไม่มีผิด

    สิ่งที่ลูกวาด ไม่ใช่ความผิดพลาดของเด็กที่คิดว่าแมงมุมมี 4 ขา แต่สิ่งที่ฉันเห็นตรงหน้า

    มันมี 4 ขาจริงๆ

    และมัน

    ...ไม่ใช่แมงมุม...

    เงาสีดำสนิท มีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ นั่งยองๆอยู่ที่มุมเพดานห้อง

    ย้ำ!! ว่ามันนั่งอยู่บนเพดาน หัวห้อยตั้งฉากกับพื้น

    ดวงตาแดงก่ำของมันกำลังจ้องมองมาที่เรา 2 แม่ลูก เสียงร้องเพลงของกานยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่อง และดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อเงานั้นเริ่มคลืบคลานเข้ามาหาเรา

    ฉันนั่งตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก สิ่งนี้ไม่ใช่คนอย่างแน่นอน แต่มันเป็นตัวอะไรฉันเองก็บอกไม่ถูก มันคลานเหมือนคนที่นั่งยองๆแล้วเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ดวงตาของมันยังคงมองมาที่เราอย่างไม่ละสายตา

    “แมงมุม ฮึก ลายตัวนั้น ฮืออ”

    “กาน กาน! ลุกลูก!” ฉันหันไปเขย่าตัวลูก เพื่อจะพาลูกออกไปจากที่นี่

    และทันทีที่ฉันหันกลับไปมองเงานั่นอีกที มันก็ตั้งท่าเหมือนกำลังจะกระโจนใส่เรา

    “กรี๊ดดด!!!!!”

    เวลาผ่านไปเนิ่นนาน แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีอะไรมาสัมผัสโดนตัวเรา กานก็เงียบไปแล้ว แต่ยังคงตัวสั่นไม่หยุด

    ฉันรวบรวมความกล้าอยู่นาน ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นมา เงานั่นหายไปจากบนตู้เสื้อผ้าแล้ว ฉันกำมือลูกแน่นแล้วดึงลงมาจากเตียง แต่ลูกกลับไม่ยอมมา

    ฉันยืนมองกานที่นั่งอยู่บนเตียงไม่ยอมขยับ “กานลุก! เราต้องออกไปจากที่นี่” ฉันพยายามดึงอีกครั้งแต่ลูกก็ไม่ลุก

    กานนั่งกอดเข่าตัวเอง มองมาที่ฉัน แต่สายตาของกานไม่ได้จับอยู่ที่หน้าฉัน ใบหน้าของลูกหวาดกลัวบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ข้างหลังฉัน กานสะบัดมือฉันจนหลุดออก แล้วก็กอดตัวเองแน่นก่อนจะร้องเพลงอีกครั้ง

    “แมงมุมลายตัวนั้น ฉะ ฉัน ฮึก ฮือ มะ แมง แมงมุมละ ลาย ฮือ แมงมุม”

    “แมงมุมลายตัวนั้น ฉันเห็นมันซมซานเหลือทน”

    เสียงชายแก่ดังขึ้นข้างหลังฉัน ทำให้ฉันลืมตัวหันควับไปมอง

    ใบหน้านั้นอยู่ห่างจากฉันไม่ถึงคืบ มันเหี่ยวย่นและสีดำสนิท ถึงแม้ในห้องจะไม่มีแสงใดใด แต่ฉันก็เห็นหน้ามันชัดเจน เพราะดวงตาสีแดงก่ำของมันที่จับจ้องมาที่ฉัน

    “กรี๊ดดดดด!!!!”

    .

    .

    .

    “คุณ คุณคะ ทำไมมานอนตรงนี้คะ คุณ”

    “คุณ คุณคะ ทำไมมานอนตรงนี้คะ คุณ”

    ฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของอีกวัน เพราะเสียงปลุกของป้าแม่บ้าน ทันทีที่นึกออกว่าทำไมถึงมานอนอยู่ที่พื้น ฉันก็รีบลุกไปหากานที่หลับอยู่บนเตียงทันที

    “กาน กานลูก กาน” ลูกค่อยๆลืมตาขึ้นมามองฉัน

    “แม่คะ หนูกลัวแมงมุม”

    ฉันกอดลูกแน่นแล้วร้องไห้เมื่อได้ฟังประโยคนั้น ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่าสิ่งที่ลูกเจอ มันไม่ใช่แมงมุม ฉันไม่เคยรู้เลย ว่าลูกต้องเผชิญกับอะไรที่น่ากลัวขนาดนั้นทุกคืน

    ฉันเล่าเรื่องทุกอย่างให้ป้าแม่บ้านฟัง แกบอกว่าแกไม่เคยเห็นอะไรแบบนั้นมาก่อน แต่จากที่ฟังแกพอจะเคยได้ยินมาบ้าง ว่ามันคงเป็นอะไรสักอย่างของหมอผีมนต์ดำ แต่เรื่องมันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงนั้น แกก็ให้คำตอบไม่ได้

    ฉันไม่กล้าจะอยู่ที่นั่นต่ออีกแม้แต่วินาทีเดียว ฉันรีบบอกให้ลูกเก็บของ แล้วออกจากบ้านหลังนั้นทันที โดยบอกลูกว่า แมงมุมตัวนั้นมันมีพิษร้าย อยู่ที่นี่ต่อไปจะเป็นอันตราย

    ผ่านมา 2 ปีมาแล้วที่ฉันย้ายออกมาจากบ้านหลังนั้น ป้าแม่บ้านเองก็ไม่กล้าอยู่คนเดียวหลังจากวันที่ฉันเล่าให้ฟัง ทางครอบครัวสามีที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ ก็จ้างแม่บ้านใหม่ให้มาเฝ้าบ้านแทน แต่มาอยู่ได้ไม่นาน ก็พากันลาออกไปหมด

    จนตอนนี้บ้านหลังนั้นถูกปล่อยให้รกร้าง และจนถึงทุกวันนี้ฉันก็คงยังไม่ได้คำตอบ ว่าสิ่งที่เจอวันนั้นคืออะไร ได้แต่คิดไปเองว่าคงเป็นสัมภเวสี ที่มาหลอกลูกฉัน เพราะเด็กเป็นวัยที่จูนติดกับเรื่องพวกนี้ได้ง่าย ส่วนเรื่องมีเจตนาจะมาทำอะไรมั้ยนั้น ฉันไม่กล้าที่จะคิดไปเองเลย ได้แต่คิดว่า ดีแค่ไหนแล้วที่ออกมาจากที่นั่น ไม่อย่างนั้นทุกวันนี้ลูกฉันจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้

แบ่งปันหน้านี้