เรื่องเล่าของแม่ฉัน [เรื่องเล่าผี]

หัวข้อกระทู้ ใน 'มุมอ่านเรื่องผี เรื่องเล่าผี นิยายผี เรื่องลึกลับ' เริ่มโพสต์โดย Number18, 17 เมษายน 2018.

  1. Number18

    Number18 Moderator Staff Member

    เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับแม่ของฉัน สมัยที่ท่านยังเด็กๆ บ้านเกิดของแม่ เป็นบ้านที่อยู่ไกลตัวเมืองมาก เรียกได้ว่าชนบทเลยทีเดียว วันๆหนึ่งจะมีรลเมล์ผ่านหน้าปากซอยเพียงรอบเดียวเท่านั้น แต่จากปากซอย กว่าจะเข้าไปถึงบ้าน ก็ต้องอาศัยรถขนอ้อยของชาวบ้านที่ผ่านมาเข้าไป

    เมื่อแม่เรียนจบ ป.7 (ระดับการศึกษาในสมัยก่อน เทียบเท่ากับม.1 ในสมัยนี้) ญาติห่างๆที่อาศัยอยู่ในตัวเมือง ก็มาขอให้แม่ย้ายไปอยู่กับครอบครัวของเขา ฉันขอเรียกคนๆนี้ว่าป้านี ด้วยความที่ถนนหนทางที่บ้านค่อนข้างไปมาลำบาก ยายจึงอนุญาตให้แม่ย้ายไปอยู่กับป้านี

    ป้านีแต่งงานอยู่กินกับลุงชัยมา 3 ปีแล้ว มาปีนี้แกเพิ่งจะตั้งท้องลูกคนแรก แต่ด้วยความที่ลุงชัยเป็นทหาร เดือนๆหนึ่งจะกลับมานอนบ้านแค่ไม่กี่วัน พวกเขาจึงอยากได้ใครสักคน ไปคอยช่วยเหลืองานที่บ้าน

    แม่ย้ายเข้ามาต่อเรียนต่อมศ.1 ในโรงเรียนแห่งหนึ่งใกล้บ้านของป้านี หลังจากที่ป้านีคลอด ลุงชัยก็ขอลางานมาดูแลเมียและลูกอยู่ 1 เดือนเต็ม ลุงชัยรักเด็กมาก โดยเฉพาะลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนนี้ ลูกชายของลุงชัยจึงติดลุงชัยมาก ไม่ว่าลุงชัยเดินไปทางไหนก็ตาม เด็กน้อยก็จะมองตามตลอดเวลา

    จนกระทั่งถึงเวลาที่ลุงชัยต้องกลับไปทำงาน ที่บ้านจึงเหลือแค่เพียง ป้านี แม่ของฉัน และเต๋า ลูกชายวัย 2 เดือน

    บ้านของป้านีอยู่ในตลาด ด้านหน้าเปิดเป็นร้านขายของชำ ในทุกๆวันแม่จะตื่นมาช่วยป้านีเปิดร้านเวลาตี 5 ก่อนจะอาบน้ำไปโรงเรียนในช่วง 7 โมง

    ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี จนมีจดหมายฉบับหนึ่งส่งมาที่บ้าน ลุงชัยถูกย้ายไปประจำการที่ต่างจังหวัด จึงทำให้มีเวลากลับบ้านน้อยลง จากเดือนล่ะครั้ง เป็น 2 เดือนครั้ง

    ในสมัยก่อน ชุมชนหนึ่งค่อนข้างมีคนอยู่ไม่เยอะ จึงทำให้ทุกๆบ้านรู้จักกันเป็นอย่างดี ถึงลุงชัยจะไม่ค่อยกลับ แต่ชาวบ้านละแวกนั้น ก็คอยช่วยเหลือแม่กับป้านีเสมอ

    2 เดือนครึ่งผ่านไป ลุงชัยก็ยังไม่เคยกลับมาที่บ้านสักครั้ง ป้านีเริ่มเป็นกังวล จึงเขียนจดหมายส่งไปหา

    การติดต่อในสมัยนั้น ยังไม่มีโทรศัพท์ใช้กันอย่างแพร่หลายเท่าไหร่ และบ้านป้านีเองก็ไม่ได้มีเงินมากมายนัก จะมีเพียงจดหมายเท่านั้นที่ลุงชัยใช้ติดต่อกับป้านี

    หลังจากที่ป้านีส่งจดหมายไปได้ 2 วัน ลุงชัยกลับมาบ้านครั้งแรกในรอบเกือบ 3 เดือน หน้าตาของลุงชัยดูยิ้มแย้มมีความสุข

    ครอบครัวได้กลับมาพร้อมหน้ากันอีกครั้ง ลุงชัยยังคงนอนกอดลูก เหมือนทุกครั้งที่พ่อลูกนอนด้วยกัน

    ผ่านไป 3 วันหลังจากที่ลุงชัยกลับมาบ้าน ลุงชัยก็เริ่มไม่พูดไม่จา ถามคำตอบคำ แต่สิ่งที่ยังเหมือนเดิม คือลุงชัยยังคงป้อนข้าว ป้อนน้ำ อาบน้ำให้ลูก พูดคุยกับลูกเหมือนที่ผ่านมา

    ตกดึกคืนนั้น ขณะที่แม่กำลังหลับสบาย แม่ก็ได้ยินลุงชัยไอเสียงดังน่ากลัว ในตอนนั้นแม่คิดแค่ว่า ลุงอาจจะเป็นไข้หวัดธรรมดา หรืออาจจะมีแมลงอะไรบินเข้าคอลุงหรือเปล่า จึงได้ไม่สนใจอะไรแล้วนอนต่อ

    เป็นเวลานานพอสมควรที่เสียงไอไม่มีทีท่าว่าจะหยุด หนำซ้ำกลับดังขึ้นเรื่อยๆจนเหมือนลุงชัยขยับมานอนใกล้แม่มากขึ้น

    “ลุงเอายาไหมจ๊ะ” แม่ถามออกไป แล้วเพ่งมองไปในความมืด “ลุง”

    “แค่กๆๆ”

    “ให้หนูปลุกป้านีไหมจ๊ะลุง เอาไอ้ตัวเล็กมานอนในมุ้ง เดี๋ยวมันจะติดไข้เอา”

    “แค่กๆๆ!!” ลุงชัยยังคงไม่ตอบ แต่เสียงไอก็ดังขึ้นเรื่อยๆ


    แม่คิดว่าลุงคงไอหนักจนพูดไม่ไหว แม่จึงลุกขึ้นแล้วมุดมุ้งออกไปทางปลายเตียง ตะเกียงโบราณถูกนำมาจุด แสงสีเหลืองทองสว่างไปทั่วบริเวณ แม่หยิบตะเกียงขึ้นมาถือแล้วส่องไปที่ลุงชัย

    ภาพที่แม่เห็นคือลุงชัยนั่งตัวงออยู่ที่พื้น มือกุมท้อง ไอโขลกๆอย่างทรมาน “ให้หนูปลุกป้าไหมลุง”

    ลุงชัยส่ายหน้าช้าๆ ก่อนเสียงแหบพร่าจะค่อยๆพูดคำว่า “ยา” ออกมา

    “ได้จ๊ะ เอายาแก้ไอเนอะ”

    แม่ออกจากห้องแล้ววิ่งลงไปชั้นล่างของบ้าน ใช้แสงไฟของตะเกียงนำทางไปที่ตู้ขายของ ที่มีซองยาชนิดต่างๆ แม่หยิบมาซองแล้วซองเล่า จนเจอยาที่ต้องการ แล้วรีบวิ่งกลับขึ้นไปหาลุง

    ลุงชัยยังคงนั่งไอตัวงออยู่อย่างนั้น แต่สิ่งที่แปลกคือเด็กน้อยที่นอนอยู่ในเปล กลับไม่ตื่นขึ้นมาเลย ทั้งๆที่คนเป็นพ่อ ไอเสียงดังต่อเนื่องเป็นเวลานานแล้ว

    “มาแล้วจ้ะลุง”

    แม่ค่อยๆเดินเข้ามาหาเงาตะคุ่มๆของลุงชัย ที่นอนกุมท้องอยู่ที่พื้น แสงสลัวของตะเกียงค่อยๆสาดแสงสว่างฝ่าความมืด ทำให้แม่เห็นลุงชัยชัดขึ้นทีละส่วน

    นิ้วเท้าซีดเซียวจนเหลือง เลยข้อเท้าขึ้นไปจะเป็นกางเกงผ้าแพรเก่าๆสีน้ำเงิน ที่ลุงชัยใส่นอนประจำ แต่เมื่อถึงเสื้อตัวเก่งที่เคยเป็นสีขาว ตอนนี้มันกลับกลายเป็นสีแดง แถมยังดูเปียกชุ่ม จากเลือดที่ซึม ออกมาจากแผลที่หน้าท้องของลุงชัย

    “แค่กๆๆ!!” แม่สะดุ้งสุดตัวที่ลุงชัยไขขึ้นอีกครั้ง

    “ปะ ป้า! ป้าา!!!” แม่ตะโกนเรียกป้าลั่นเมื่อเห็นว่าลุงชัยเริ่มไม่ปกติ “ป้านี!! ลุงชัยแย่แล้ว!!”

    ป้านีเปิดมุ้งพรวดออกมาด้วยสีหน้าตกใจ “ไอ้ชัย!!” หญิงร่างท้วมลุกจากเตียงแล้วตรงเข้ามาหาสามีอันเป็นที่รัก “กูก็นึกว่ามึงแค่ไอเฉยๆ นี่มึงเป็นอะไร ทำไมเลือดออกเยอะแบบนี้ ฮืออ ไปตามลุงข้างบ้านให้เอารถออก เร็วเข้า!!”

    แม่ทิ้งตะเกียงไว้ให้ป้านี แล้วอาศัยคุ้นเคยเส้นทางวิ่งฝ่าความมืดลงมาที่ชั้นล่าง ประตูถูกเปิดออกอย่างแรง ก่อนที่แม่จะแทรกตัวออกมาแล้ววิ่งไปเคาะประตูบ้านข้างๆ

    “ลุงชัยแย่แล้วค่ะ! ช่วยลุงชัยด้วย”

    ปังๆๆๆ


    “ลุงโชคคะ!! ลุงชัยแย่แล้ว”

    ปังๆๆๆๆ


    สักครู่ ลุงโชคก็เปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าแตกตื่น “อะไร ใครเป็นอะไร!”

    “ลุงชัยเลือดออก เป็นอะไรก็ไม่รู้”


    ได้ฟังดังนั้นลุงโชคก็หายเข้าไปในบ้าน ก่อนจะกลับออกมาพร้อมลูกชายวัยรุ่น 2 คน


    “กูจะไปเอารถออก พวกมึงไปช่วยกันพยุงไอ้ชัยลงมา”


    สิ้นคำสั่งลุงโชค แม่ก็วิ่งนำ 2 คนนั้นเข้าไปในบ้าน แต่ยังไม่ทันที่จะได้ขึ้นไปชั้น 2 ป้านีก็อุ้มลูกเดินลงมาก่อน


    “ฮึก!” ป้านีถือตะเกียงเดินลงมา พร้อมกับกอดลูกร้องไห้สะอึกสะอื้น

    “ป้านี ลุงเป็นไงบ้าง” แม่ถาม

    “มันไปแล้ว ฮือออ มันเป็นอะไรก็ไม่รู้ มันไอแล้วเลือดก็ไหลเต็มไปหมด แล้วมันก็นอนนิ่ง ตาเหลือกจนกูกลัว แล้วไอ้เต๋ามันก็ตื่นพอดี มันจะไปหาพ่อท่าเดียว กูกลัวว่าไอ้ชัยมันจะเป็นโรคมาจากในป่า ฮึก กูเลยต้องอุ้มไอ้เต๋าลงมา ไอ้ชัย ฮึก ไอ้ชัยตายแล้ว ฮือออออ”

    แม่ช็อคกับสิ่งที่ได้ยิน แต่เมื่อป้านีเดินโซเซทำท่าจะล้ม แม่จึงรีบเข้าไปช่วยป้านีอุ้มหลาน ลูกชายของลุงโชค 2 คน ก็อาสาขับรถไปขอยืมโทรศัพท์บ้านท้ายตลาด เพื่อโทรหากู้ภัยให้มารับศพ

    30 นาทีผ่านไปกู้ภัยก็มาถึง พร้อมกับตำรวจ ป้าๆข้างบ้าน ก็พากันมาช่วยอยู่เป็นเพื่อนแม่กับป้านี เวลาผ่านไปไม่นานกู้ภัยทั้งหมด รวมทั้งตำรวจก็พากันลงมา แล้วถามป้านีว่าศพอยู่ที่ไหน พวกเขาดูทุกห้องแล้วแต่หาศพไม่เจอ แม้แต่รอยเลือดที่บอกก็ไม่มี

    ในขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก็มีเสียงเดินตึงตังดังมาจากชั้นบน

    “ยังลงมาไม่หมดหรอ” ตำรวจนายหนึ่งถาม

    “ครบแล้วนะ” หัวหน้ากู้ภัยใช้สายตามองกวาดๆที่ลูกน้องก่อนจะตอบ

    “หรือว่าสามีเจ๊จะยังไม่ตาย” ตำรวจคนเดิมเอ่ย

    ได้ฟังดังนั้น ป้านีก็รีบวิ่งขึ้นไปข้างบนทันทีด้วยความดีใจ ปากร้องเรียกแต่สามีไม่หยุด น้ำเสียงฟังดูราวกับจะขาดใจ กู้ภัยบางส่วนตามป้านีขึ้นไปเผื่อว่าจะต้องช่วยเหลืออะไร แม่เองก็อุ้มหลานตามขึ้นไปดูด้วย

    ใช้เวลาเรียกและค้นหาอยู่นาน ก็ยังไม่มีวี่แววของลุงชัย ป้านีนั่งทรุดลงกลางบ้านแล้วร้องไห้อย่างหมดหวัง

    “ฮือออ ไอ้ชัยไปไหน มึงอยู่ไหน ฮึก ฮือออ”

    แม่เดินเข้าไปหาป้านี แล้วนั่งลงข้างๆ แม่วางหลานลงบนตักป้านี แล้วทั้งสองก็กอดคอพากันร้องไห้

    ในตอนนั้นเอง... อยู่ๆเต๋าก็ร้องไห้ขึ้นมา เด็กวัยเกือบ 4 เดือนกำลังชูมือไขว่คว้าไปในอากาศ สายตาของเต๋าไม่ได้มองทั้งป้านีและแม่ แต่กำลังมองไปทางประตูห้องนอน ที่ไม่มีใครอยู่ในนั้น

    ทุกคนต่างมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย

    เต๋าร้องไห้อยู่สักพัก ประตูห้องนอนก็ถูกแง้มออกมากขึ้นจนเปิดอ้า ไม่มีลมหรือคนอยู่บริเวรนั้น ท่ามกลางสายตาของคนมากมายที่ยืนนิ่งไม่มีใครกล้าขยับ เต๋าก็หัวเราะขึ้นมา แล้วสายตาของเด็กน้อยก็มองจากประตู ผ่านหน้าห้องมาตามทางเดิน ผ่านตู้เสื้อผ้า ผ่านบันไดทางขึ้น มาหยุดอยู่ตรงที่ว่างเปล่าตรงหน้าแม่กับป้านี


    เต๋าร้องไห้อีกครั้ง แล้วชูมือขึ้น ราวกับอยากให้คนตรงหน้าอุ้ม ป้านีและแม่ต่างรู้ดี ว่าอาการแบบนี้ของเต๋า คืออาการเมื่อเต๋าเห็นลุงชัย ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์รู้ได้ทันทีว่าลุงชัยเสียแล้วจริงๆ

    แต่ไม่ใช่คืนนี้ที่บ้าน คงจะเสียมานานแล้ว เสียก่อนที่จะกลับมาบ้านซะอีก

    2 วันหลังจากนั้น ป้านีก็ได้รับจดหมายที่มีตราราชการอยู่บนซอง เนื้อความในจดหมาย แจ้งข่าวร้ายเรื่องการเสียชีวิตของลุงชัย

    ลุงชัยไม่เพียงแค่โดนย้ายไปประจำการที่ต่างจังหวัด อย่างที่เคยเขียนมาบอกป้านี แต่ลุงชัยถูกย้ายไปเป็นทหารตระเวณชายแดน อยู่ที่ภาคเหนือของประเทศ

    ในขณะที่กำลังลาดตระเวณ ลุงชัยซึ่งเป็นทหารใหม่ของพื้นที่ ดันเผลอไปลุกล้ำประเทศเพื่อนบ้านเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ

    เสียงกระสุนดังสนั่นลั่นป่า ก่อนที่จะมีเสียงไอตามมายกใหญ่

    เพื่อนๆพากันวิ่งตามหาต้นกำเนิดเสียง แต่เมื่อมาถึงก็ไม่ทันเสียแล้ว ลุงชัยเสียชีวิตคาที่ เนื่องจากเสียเลือดมากเกินไป และร่างกายทนพิษบาดแผลไม่ไหว

    ในทุกๆคืนหลังจากจัดการงานศพของลุงชัยแล้ว แม่และป้านีก็มักจะได้ยินเสียงเดินวนเวียนอยู่หน้าห้องเป็นประจำ วันดีคืนดีเต๋าก็จะหัวเราะเอิ๊กอ๊าก แล้วมองไปในอากาศที่ว่างเปล่า ชูไม้ชูมือเหมือนอยากจะให้อุ้ม

    กลางดึกคืนหนึ่ง ที่เหตุการณ์ที่เหมือนทุกๆคืนกำลังเกิดขึ้น เต๋ากำลังหัวเราะชอบใจ เล่นกับอะไรบางอย่าง ที่แม่และป้านีมองไม่เห็น ป้านีก็ตะโกนขึ้นมาว่า

    “มึงไปเถอะไอ้ชัย ถึงจะรู้ว่ามึงมาดี แต่แบบนี้พวกกูไม่ไหว เราอยู่ร่วมกันไม่ได้หรอก มึงไม่ต้องห่วงลูก กูจะดูแลลูกเอง กูจะเลี้ยงลูกเราอย่างดี ฮึก มึงไปตามทางของมึงเถอะ ฮืออ”

    สิ้นคำพูดของป้านี เต๋าที่กำลังหัวเราะอยู่ก็เริ่มเบะปากร้องไห้ สายตาของเด็กมองตามบางอย่างที่กำลังเดินไปที่เตียงของป้านี เสียงเดินดังขึ้นอีกครั้ง มันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แม่และป้านีกอดกันแน่น ไม่มีใครกล้าเปิดตามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นนอกมุ้ง

    “ฮืออ มึงไปเถอะ กูขอร้อง กูจะดูแลลูกให้ได้ มึงไปเถอะ กูไม่ไหวแล้ว ฮืออ”

    เสียงประตูถูกเปิดขึ้น แล้วไม่นานก็ปิดลง เสียงเดินไกลออกไปเรื่อยๆ ไกล จนในที่สุดก็เงียบหายไป

    หลังจากวันนั้น แม่กับป้านีก็ย้ายออกจากบ้านหลังนั้น ไปอยู่กับญาติอีกคนที่อยู่ลึกเข้าไปในตลาดเดียวกัน เต๋าไม่มีอาการหัวเราะกลางดึกอีก แม่และป้านีจึงแน่ใจว่าลุงชัยคงไปแล้วจริงๆ

แบ่งปันหน้านี้